คุณรู้จักโลกดีเพียงใด?
โลกที่คุณถูกเรียกว่ามนุษย์ และสิ่งลี้ลับคือ...วิญญาณ
ภูติ ผี ปีศาจ หรืออะไรก็ตามที่แบ่งแยกจากมนุษย์อย่างพวกคุณ
มันอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป...

บทนำ
เสียงส้นสูงกระทบพื้นคอนกรีตถี่ๆ ตามจังหวะก้าวกึ่งวิ่งกึ่งเดิน กึกก้องตลอดแนวถนนไร้ผู้คน สองฝั่งทางรกทึบด้วยต้นหญ้าคาสูงเกือบเท่าเอวอ้อนแอ้นของผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดพนักงานออฟฟิศ สองมือสั่นเทิ้มกอดกระเป๋าสะพายแนบอก ร่างกายสั่นเทา หวาดผวาต่อบางสิ่งที่ติดตามจากด้านหลัง หัวใจเต้นตึกตักราวกับนักดนตรีรัวกลองหนักหน่วง ลมเย็นเยือกหวีดหวิวกรีดผิวกายชื้นเหงื่อ ทุกอณูขมขนตั้งชันลามไปถึงต้นคอ ดวงตาเบิกกว้างหวั่นกลัว ลุกลี้ลุกลนมองหาคนช่วยเหลือ
อาคารสูงเรียงรายเบื้องหน้า ทว่ารกร้าง ความมืดรายล้อมรอบอาคารนั้นราวกับกำแพงอากาศอำพรางตาจางๆ แนวรั้วด้านหน้ากลายเป็นซากปรักหักพัง เศษดินปูนทับถมเป็นเนินสูง ป้ายไม้เก่าๆ เขียนข้อความ
‘เขตอันตรายห้ามเข้า’ ห้อยต่องแต่งด้วยลวดบางๆ ตรึงไว้ด้านหนึ่ง คงไม่มีใครอาจหาญมาเดินเล่นอยู่แถวนี้ยามวิกาล นอกเสียจากเหล่าขี้ยามั่วสุ่ม หรือกลุ่มอันธพาลเที่ยวเตร่ไม่รู้จักหลับนอน
หญิงสาวชะงักฝีเท้าในทันที เมื่อได้กลิ่นบุหรี่ลอยตามลม กลิ่นซึ่งชวนอึดอัดเวียนหัว เพิ่มความหวาดกลัวมากขึ้นอีกเท่าตัว ร่างเล็กหมุนกายกลับ ถอยร่นจนแผ่นหลังเบียดแนวกำแพงที่เกือบชำรุด สองมือคลำผนังพร้อมขยับเท้าไปด้านข้างเตรียมหาทางหนีทีไล่ แววตาหวาดระแวงกวาดมองไปรอบๆ หากแต่ไร้สิ่งใด
กลิ่นบุหรี่ตลบอบอวลหนักขึ้น คล้ายมันใกล้เข้ามาทุกขณะ เสียงฝีเท้าหนักเหยียบย่ำไปบนเศษซากปรักหักพังหลังแนวรั้ว ไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้หันกลับไปมองว่าเสียงนั้นคืออะไร ปอยผมยาวก็ถูกกระชากติดมือจนศีรษะกระแทกกับรั้วตาข่าย เสียงกรีดร้องกึกก้องทั่วบริเวณ เจ็บปวดและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในคราวเดียวกัน เธอรวบรวมกำลังที่มียื้อแรง ขัดขืน และหาทางต่อสู้
“ไอ้เกล้า! ได้ยินเสียงร้องหรือเปล่าวะ”
วิทยุภายในรถกระบะสีดำกลางเก่าถูกหมุนหรี่เสียงจนเงียบสนิท เงี่ยหูฟัง
‘เสียงร้อง’ ที่เพื่อนด้านข้างให้ความสนใจจนมีท่าทางหลุกหลิกนั่งไม่เป็นสุข แววตาฉายชัดว่าไม่ได้พูดเล่น
“เสียงอะไรของmึงไอ้ขวัญ ดึกขนาดนี้ แถมเป็นอาคารร้างทั้งแถบ หากมีเสียงร้องจริงคงไม่ใช่คนหรอกมั้ง กุบอกmึงแล้วให้เลิกบุหรี่ สูบมากจนจิตหลอนเลยหรือไง นี่ขนาดเปิดหน้าต่างกลิ่นยังเหม็นเต็มรถ”
“กูได้ยินจริงๆ นะเว้ย” น้ำเสียงหนักแน่นยืนยัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วดกหนามองเพื่อน มั่นใจว่าเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ ไม่ใช่หูฝาดแน่นอน “เสียงมาจากอาคารร้าง วนรถไปดูหน่อยเหอะ กูกลัวจะเป็นผู้หญิงถูกทำร้าย” เพราะไม่เชื่อเรื่องผีสาง จึงสันนิษฐานเช่นนั้น
“นี่mึงจะช่วยกูหาข่าวฆาตกรโรคจิต ที่ผ่าไตไปขายหรือไง เตือนไว้ก่อนนะเว้ย ถ้าเจอผีหลอก อย่ามาโทษกู” คนพูดยิ้มเยาะ พลางชะลอรถเข้าข้างทาง หมุนพวงมาลัยตีรถกลับไปยังอาคารรกร้างที่เพิ่งพ้นเขตได้ไม่กี่นาที
รถกระบะบึ่งทะยานฝ่าความมืด มีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถสาดส่องตามพื้นถนนคอนกรีต เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา จนสุดเส้นทาง คนขับเหยียบเบรกเมื่อเจอทางตัน รั้วตาข่ายเก่าๆ ทรุดโทรมจนชำรุด ดักอยู่เบื้องหน้า เสียงเครื่องยนต์ดังหึ่มๆ นำแสงไฟสาดส่องไปตรงแนวรั้วยาวจรดประตูเหล็กง้างเปิด กองดินกองหินและเศษซากปูนแตกหักเกลื่อนถนนริมแนวรั้วนั้น
“ไอ้เกล้า! นั่นมันกระเป๋าหรือเปล่าวะ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงร้องสังเกตเห็นสิ่งของบางอย่างวางอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว พาคนเพ่งมองใจคอไม่ดี เมื่อคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทั้งสองตัดสินใจเปิดประตูรถลงมายืนบนพื้นคอนกรีต หันมองรอบๆ อย่างระแวดระวังโดยสัญชาตญาณ แม้อากาศจะเย็นเยือก แต่กลับทำให้พวกเขาเหงื่อแตกพลั่ก ตื่นเต้นและขยาดต่อบรรยากาศชวนขนลุก สายตาสองคู่จับจ้องตรงสิ่งของเบื้องหน้าระหว่างเดินเข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง
“กระเป๋าจริงด้วย ใครมาทำตกแถวนี้วะ”
หนึ่งในสองหนุ่มเอ่ยทักขณะมือคว้าหลักฐานไร้ผู้ครอบครองขึ้นมาสำรวจ เปิดดูด้านในอย่างถือวิสาสะ ค้นเจอกระเป๋าสตางค์ เครื่องสำอาง หวี กระจก เครื่องใช้ของผู้หญิง และอาจเป็นคนเดียวกับที่กรีดร้อง ตามเพื่อนสันนิษฐาน และเมื่อเปิดกระเป๋าสตางค์จึงพบบัตรประชาชน ตามคาดการณ์
“กระเป๋าผู้หญิง เสียงที่mึงได้ยินอาจเป็นเจ้าของกระเป๋าใบนี้”
สองหนุ่มร้อนใจยืนไม่เป็นสุข หันซ้ายหันขวาหาทางแก้ไข ทว่าจนปัญญา เมื่อความคิดตีบตันจนนึกอะไรไม่ออก นอกจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่แล่นเข้ามาในสมอง สถานที่เกิดเหตุในแต่ละคดีล้วนเป็นละแวกนี้ทั้งสิ้น และที่สำคัญยังตามจับคนร้ายไม่ได้ คำร่ำลือที่มีต่อฆาตกรจิตใจโหดเหี้ยม มันคือปีศาจร้าย ไม่มีสิ่งใดทำลายล้าง
“เอาไงดีวะ จะเข้าไปสำรวจข้างใน หรือโทรแจ้งความ” แววตาลังเล ร้อนใจหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
“รอกูแป๊บ ขอเก็บกระเป๋าใบนี้ไว้เป็นหลักฐานก่อน เดี๋ยวกูแจ้งความเอง แล้วค่อยเข้าไปดูข้างใน”
กล่าวจบ ร่างสูงโปร่งก็หมุนตัวกลับในทันที เดินยังรถกระบะคู่ใจ พลางนึกถึงหน้าที่ในการหาข่าวคดีฆาตกรรม อาจมีหลักฐานและเบาะแสน่าสนใจ เขาโน้มกายมุดช่องหน้าต่างรถฝั่งคนขับ บิดกุญแจดับเครื่องยนต์ ทว่ายังเปิดไฟสว่างก่อนนำกระเป๋าแบรนเนมวางตรงเบาะที่นั่ง และเอื้อมหยิบกล้องตัวโปรดคล้องคอ ทว่าเสียงตุ้บใหญ่ทำให้รีบดึงร่างกายออกจากรถ หันมองเพื่อน
“ไอ้ขวัญ!”
ไม่ทันได้พูดต่อก็ต้องยืนตาค้าง ใจหายวูบ เมื่อเพื่อนนอนคว่ำหน้ากับพื้น แน่นิ่ง จากที่วิตกกังวล แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวจับใจ ภายในอกเต้นโครมคราม กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
วินาทีถัดมา ความรู้สึกคล้ายมีเงาทะมึนของร่างใหญ่ยักษ์ยืนค่อมอยู่ด้านหลัง ลมหายใจร้อนรดต้นคอ และไม่ทันได้หันกลับ บริเวณศีรษะก็ถูกของหนักๆ ฟาดอย่างแรงจนล้มกองกับพื้น แสงสว่างหน้ารถแยงดวงตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสติจะค่อยๆ พร่ามัว และดับวูบในที่สุด
...Coming Soon...
ห้วงอนธการ
คุณรู้จักโลกดีเพียงใด?
โลกที่คุณถูกเรียกว่ามนุษย์ และสิ่งลี้ลับคือ...วิญญาณ
ภูติ ผี ปีศาจ หรืออะไรก็ตามที่แบ่งแยกจากมนุษย์อย่างพวกคุณ
มันอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป...
เสียงส้นสูงกระทบพื้นคอนกรีตถี่ๆ ตามจังหวะก้าวกึ่งวิ่งกึ่งเดิน กึกก้องตลอดแนวถนนไร้ผู้คน สองฝั่งทางรกทึบด้วยต้นหญ้าคาสูงเกือบเท่าเอวอ้อนแอ้นของผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดพนักงานออฟฟิศ สองมือสั่นเทิ้มกอดกระเป๋าสะพายแนบอก ร่างกายสั่นเทา หวาดผวาต่อบางสิ่งที่ติดตามจากด้านหลัง หัวใจเต้นตึกตักราวกับนักดนตรีรัวกลองหนักหน่วง ลมเย็นเยือกหวีดหวิวกรีดผิวกายชื้นเหงื่อ ทุกอณูขมขนตั้งชันลามไปถึงต้นคอ ดวงตาเบิกกว้างหวั่นกลัว ลุกลี้ลุกลนมองหาคนช่วยเหลือ
อาคารสูงเรียงรายเบื้องหน้า ทว่ารกร้าง ความมืดรายล้อมรอบอาคารนั้นราวกับกำแพงอากาศอำพรางตาจางๆ แนวรั้วด้านหน้ากลายเป็นซากปรักหักพัง เศษดินปูนทับถมเป็นเนินสูง ป้ายไม้เก่าๆ เขียนข้อความ ‘เขตอันตรายห้ามเข้า’ ห้อยต่องแต่งด้วยลวดบางๆ ตรึงไว้ด้านหนึ่ง คงไม่มีใครอาจหาญมาเดินเล่นอยู่แถวนี้ยามวิกาล นอกเสียจากเหล่าขี้ยามั่วสุ่ม หรือกลุ่มอันธพาลเที่ยวเตร่ไม่รู้จักหลับนอน
หญิงสาวชะงักฝีเท้าในทันที เมื่อได้กลิ่นบุหรี่ลอยตามลม กลิ่นซึ่งชวนอึดอัดเวียนหัว เพิ่มความหวาดกลัวมากขึ้นอีกเท่าตัว ร่างเล็กหมุนกายกลับ ถอยร่นจนแผ่นหลังเบียดแนวกำแพงที่เกือบชำรุด สองมือคลำผนังพร้อมขยับเท้าไปด้านข้างเตรียมหาทางหนีทีไล่ แววตาหวาดระแวงกวาดมองไปรอบๆ หากแต่ไร้สิ่งใด
กลิ่นบุหรี่ตลบอบอวลหนักขึ้น คล้ายมันใกล้เข้ามาทุกขณะ เสียงฝีเท้าหนักเหยียบย่ำไปบนเศษซากปรักหักพังหลังแนวรั้ว ไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้หันกลับไปมองว่าเสียงนั้นคืออะไร ปอยผมยาวก็ถูกกระชากติดมือจนศีรษะกระแทกกับรั้วตาข่าย เสียงกรีดร้องกึกก้องทั่วบริเวณ เจ็บปวดและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในคราวเดียวกัน เธอรวบรวมกำลังที่มียื้อแรง ขัดขืน และหาทางต่อสู้
“ไอ้เกล้า! ได้ยินเสียงร้องหรือเปล่าวะ”
วิทยุภายในรถกระบะสีดำกลางเก่าถูกหมุนหรี่เสียงจนเงียบสนิท เงี่ยหูฟัง ‘เสียงร้อง’ ที่เพื่อนด้านข้างให้ความสนใจจนมีท่าทางหลุกหลิกนั่งไม่เป็นสุข แววตาฉายชัดว่าไม่ได้พูดเล่น
“เสียงอะไรของmึงไอ้ขวัญ ดึกขนาดนี้ แถมเป็นอาคารร้างทั้งแถบ หากมีเสียงร้องจริงคงไม่ใช่คนหรอกมั้ง กุบอกmึงแล้วให้เลิกบุหรี่ สูบมากจนจิตหลอนเลยหรือไง นี่ขนาดเปิดหน้าต่างกลิ่นยังเหม็นเต็มรถ”
“กูได้ยินจริงๆ นะเว้ย” น้ำเสียงหนักแน่นยืนยัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วดกหนามองเพื่อน มั่นใจว่าเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ ไม่ใช่หูฝาดแน่นอน “เสียงมาจากอาคารร้าง วนรถไปดูหน่อยเหอะ กูกลัวจะเป็นผู้หญิงถูกทำร้าย” เพราะไม่เชื่อเรื่องผีสาง จึงสันนิษฐานเช่นนั้น
“นี่mึงจะช่วยกูหาข่าวฆาตกรโรคจิต ที่ผ่าไตไปขายหรือไง เตือนไว้ก่อนนะเว้ย ถ้าเจอผีหลอก อย่ามาโทษกู” คนพูดยิ้มเยาะ พลางชะลอรถเข้าข้างทาง หมุนพวงมาลัยตีรถกลับไปยังอาคารรกร้างที่เพิ่งพ้นเขตได้ไม่กี่นาที
รถกระบะบึ่งทะยานฝ่าความมืด มีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถสาดส่องตามพื้นถนนคอนกรีต เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา จนสุดเส้นทาง คนขับเหยียบเบรกเมื่อเจอทางตัน รั้วตาข่ายเก่าๆ ทรุดโทรมจนชำรุด ดักอยู่เบื้องหน้า เสียงเครื่องยนต์ดังหึ่มๆ นำแสงไฟสาดส่องไปตรงแนวรั้วยาวจรดประตูเหล็กง้างเปิด กองดินกองหินและเศษซากปูนแตกหักเกลื่อนถนนริมแนวรั้วนั้น
“ไอ้เกล้า! นั่นมันกระเป๋าหรือเปล่าวะ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงร้องสังเกตเห็นสิ่งของบางอย่างวางอยู่ตรงหน้าประตูรั้ว พาคนเพ่งมองใจคอไม่ดี เมื่อคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทั้งสองตัดสินใจเปิดประตูรถลงมายืนบนพื้นคอนกรีต หันมองรอบๆ อย่างระแวดระวังโดยสัญชาตญาณ แม้อากาศจะเย็นเยือก แต่กลับทำให้พวกเขาเหงื่อแตกพลั่ก ตื่นเต้นและขยาดต่อบรรยากาศชวนขนลุก สายตาสองคู่จับจ้องตรงสิ่งของเบื้องหน้าระหว่างเดินเข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง
“กระเป๋าจริงด้วย ใครมาทำตกแถวนี้วะ”
หนึ่งในสองหนุ่มเอ่ยทักขณะมือคว้าหลักฐานไร้ผู้ครอบครองขึ้นมาสำรวจ เปิดดูด้านในอย่างถือวิสาสะ ค้นเจอกระเป๋าสตางค์ เครื่องสำอาง หวี กระจก เครื่องใช้ของผู้หญิง และอาจเป็นคนเดียวกับที่กรีดร้อง ตามเพื่อนสันนิษฐาน และเมื่อเปิดกระเป๋าสตางค์จึงพบบัตรประชาชน ตามคาดการณ์
“กระเป๋าผู้หญิง เสียงที่mึงได้ยินอาจเป็นเจ้าของกระเป๋าใบนี้”
สองหนุ่มร้อนใจยืนไม่เป็นสุข หันซ้ายหันขวาหาทางแก้ไข ทว่าจนปัญญา เมื่อความคิดตีบตันจนนึกอะไรไม่ออก นอกจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่แล่นเข้ามาในสมอง สถานที่เกิดเหตุในแต่ละคดีล้วนเป็นละแวกนี้ทั้งสิ้น และที่สำคัญยังตามจับคนร้ายไม่ได้ คำร่ำลือที่มีต่อฆาตกรจิตใจโหดเหี้ยม มันคือปีศาจร้าย ไม่มีสิ่งใดทำลายล้าง
“เอาไงดีวะ จะเข้าไปสำรวจข้างใน หรือโทรแจ้งความ” แววตาลังเล ร้อนใจหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
“รอกูแป๊บ ขอเก็บกระเป๋าใบนี้ไว้เป็นหลักฐานก่อน เดี๋ยวกูแจ้งความเอง แล้วค่อยเข้าไปดูข้างใน”
กล่าวจบ ร่างสูงโปร่งก็หมุนตัวกลับในทันที เดินยังรถกระบะคู่ใจ พลางนึกถึงหน้าที่ในการหาข่าวคดีฆาตกรรม อาจมีหลักฐานและเบาะแสน่าสนใจ เขาโน้มกายมุดช่องหน้าต่างรถฝั่งคนขับ บิดกุญแจดับเครื่องยนต์ ทว่ายังเปิดไฟสว่างก่อนนำกระเป๋าแบรนเนมวางตรงเบาะที่นั่ง และเอื้อมหยิบกล้องตัวโปรดคล้องคอ ทว่าเสียงตุ้บใหญ่ทำให้รีบดึงร่างกายออกจากรถ หันมองเพื่อน
“ไอ้ขวัญ!”
ไม่ทันได้พูดต่อก็ต้องยืนตาค้าง ใจหายวูบ เมื่อเพื่อนนอนคว่ำหน้ากับพื้น แน่นิ่ง จากที่วิตกกังวล แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวจับใจ ภายในอกเต้นโครมคราม กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
วินาทีถัดมา ความรู้สึกคล้ายมีเงาทะมึนของร่างใหญ่ยักษ์ยืนค่อมอยู่ด้านหลัง ลมหายใจร้อนรดต้นคอ และไม่ทันได้หันกลับ บริเวณศีรษะก็ถูกของหนักๆ ฟาดอย่างแรงจนล้มกองกับพื้น แสงสว่างหน้ารถแยงดวงตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสติจะค่อยๆ พร่ามัว และดับวูบในที่สุด