++++"มหาลัย แท็กซี่ ตอนที่ 1...คอร์ส ลาดพร้าว - เอกมัย"++++

ผมมีเรื่องอยากเล่าให้ฟังครับ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมขึ้นแท็กซี่จากแถวลาดพร้าว ไปเอกมัยครับ
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปมั้ย
เพราะหลายครั้งที่ผมเรียกแท็กซี่ไปเอกมัยในคืนวันศุกร์ แล้วโดนปฏิเสธเอาดื้อๆ

แต่ศุกร์ที่ผ่านมาโชคเข้าข้างผมครับ
แท็กซี่คันที่ผมเรียกไม่มีท่าทีอิดออดอะไรเลย
เขารับผมอย่างเต็มใจ

ผมเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งครับ

คือ...

....ชอบชวนแท็กซี่คุย

ไม่ใช่คุยกับแท็กซี่นะครับ
แต่ชวนให้แท็กซี่คุย ให้แท็กซี่พูดให้มากที่สุด

หลายครั้งที่การทำเช่นนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า
ค่าโดยสารนั้นถูกมาก
หากเทียบกับความบันเทิงที่ผมได้รับจากการฟังคนขับแท็กซี่เดี่ยวไมโครโฟน

ซึ่งถ้าเปรียบเป็นหนัง
ก็มีทุกรูปแบบครับ

ตั้งแต่หนังตลก หนังบู๊ หนังดราม่า
หรือ
หนังที่น่ารำคาญแต่เปลี่ยนช่องไม่ได้

แต่ที่ลุ้นสุด คือ คุณจะไม่มีทางรู้ก่อนเลยว่า...
หนังที่คุณตีตั๋วไปนั้นเป็นหนังเรื่องอะไร

ซึ่งศุกร์ที่ผ่านมา มันเป็นหนังที่ผมไม่เคยดูมาก่อน

หนังเรื่องนี้เริ่มต้นจากบทสนทนาเบๆครับ
ผมถามน้องคนขับแท็กซี่ว่า...

”เป็นไง ช่วงนี้....ขับแท็กซี่ดีมั้ย!?”

ส่วนใหญ่แล้ว คำตอบที่ผมได้ มักจะเป็นไปในทาง เฉยๆ หรือไม่ก็ลบ

เช่น

“ก็เรื่อยๆ นะครับ “ .... หรือ ....“เงียบ พี่!!! ไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อน”

แต่น้องแท็กซี่คนนี้ทำให้ผมประหลาดใจครับ
เขาตอบผมว่า

“ก็โอเคนะ...หักทุกอย่างแล้ว ผมก็หาได้อย่างแย่สุดๆก็วันละ 300 มากหน่อยก็ 1300 ก็ใช้ได้นะพี่”

OMG!!
คำตอบฮีเป็น Positive ว่ะเฮ้ย

และมันก็ต้องดีอยู่แล้วป่ะ ...
เพราะถ้าเหลือวันละ 1300 นี่ไม่น้อยนะครับ

โอกาสอย่างนี้มีไม่บ่อย
ผมเลยถามต่อทันทีว่า


“เฮ้ย!!! น้องไปวิ่งตรงไหนเนี่ย มีเทคนิคไรรึเปล่า...ปรกติผมเห็นส่วนใหญ่จะบ่นว่า...แย่...ไม่ค่อยได้อะไร บางวันก็เจ๊าตัว”

“ผมก็วิ่งไปหมดนะพี่....ใครเรียกผมไปไหนผมก็ไปหมด...ยิ่งถ้าลูกค้าเรียกไปที่รถติดๆเนี่ย...ผมยิ่งชอบเลย”

ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ยเนี่ย....แท๊กซี่ชอบรถติด!!!

เพื่อความแน่ใจผมเลยซักต่อ

“เฮ้ยน้อง....จริงดิ!!?? ปรกติพี่นั่งมาเจอแต่แท็กซี่ไม่ชอบรถติด ส่วนใหญ่ไม่ไปเลย บอกไปติดเสียเวลา”

“ก็จริง แต่ไม่รู้ดิพี่....ผมชอบนะ ผมว่ารถติด มิเตอร์ยิ้มยิ่งขึ้นไว ที่สำคัญคือเวลาลูกค้าเรียกเราไปที่รถติด พอลงปุ๊บ เราจะได้ลูกค้าชัวร์ๆ ผมได้ทุกครั้งแหล่ะเพราะมันไม่มีใครไป เลยไม่ค่อยมีแท็กซี่แถวนั้นไง”

น่าสนใจนะครับ

ในขณะที่คนอื่นเลือกที่จะปฏิเสธ แต่น้องคนขับแท็กซี่คนนี้กลับคิดตรงข้าม
เขากลับมองว่า...เมื่อมีคนรับงานน้อย
นั่นน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของเขา

เพราะคู่แข่งน้อย!!!

อาจจะเว่อร์...แต่ตอนที่น้องคนขับพูดมา
ผมนึกถึงแนวคิดของ คุณโชค บูลกุล
นักธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคนหนึ่ง

ในตอนที่เขามารับไม้ต่อจากคุณพ่อ
เขาต้องเลือกว่าจะขายธุรกิจอะไรเพื่อใช้หนี้ และเก็บธุรกิจอันไหนไว้

โชค บูลกุล ในวัยหนุ่มแน่นตอนนั้นเลือกที่จะขายนม แบรนด์... “โชคชัย”
และ เก็บผืนดินว่างเปล่าที่ชื่อ “ฟาร์มโชคชัย” ไว้

การตัดสินใจของเขาในวันนั้นเซอร์ไพร์สคนจำนวนไม่น้อย
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าหนุ่มนักเรียนนอกอย่างโชค
จะเลือกมาลุยฝุ่นคลุกดินทำฟาร์ม แทนที่จะนั่งทำแบรนด์สบายๆอยู่ในห้องแอร์

ซึ่งโชคก็ได้อธิบายถึงหลักคิดข้อหนึ่ง ที่เขาใช้ในการตัดสินใจเลือกเก็บฟาร์มไว้ในวันนั้นว่า

ใช่!! การทำฟาร์มมันเหนื่อยจริง ....แต่เพราะเหนื่อยนี่แหล่ะ
ทำให้เขาเชื่อว่า คนอยากทำธุรกิจนี้น่าจะน้อยตาม
และคู่แข่งของเขาก็จะน้อยลง ....
ซึ่งเขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น


ซึ่งคุณโชคก็ทำสำเร็จ

เห็นมั้ยครับ...คนเราถ้ารู้จักมองให้ต่าง...มองให้เป็น
โอกาส...มันก็มีอยู่เสมอครับ

ไม่ว่าจะนักธุรกิจพันล้าน คนขับแท็กซี่ หรือ คุณเอง

เช่นกันครับ....

ถ้าเรารู้จักคิดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ
นั่งคุยกับคนขับแท็กซี่ก็เรียนรู้ได้ครับ

ซึ่งตอนที่ผมคุยกับน้องเค้าถึงตรงนี้
ผมพึ่งเข้าเลียบด่วนเองครับ

วันนี้ดึกแล้ว....แค่นี้ก่อนครับ
ถ้าไม่เบื่อซะก่อนพรุ่งนี้....มาต่อกันครับ


เพราะ....น้องคนขับ เขามันจริง...ส่วนผมก็คิดไปเรื่อยจริงครับ






ลงตอนสองให้ข้างล่างแล้วนะครับ

ปล. อ่านเรื่องอื่นๆได้ที่เพจผมครับ
https://www.facebook.com/morethan8lines
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่