ผมควรจะทำยังไงต่อไปดีครับ ?

สวัสดีครับนี้เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ ผมไม่เคยคิดจะมานั่งเขียนกระทู้เลยจนผมปัญญาที่นับว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในชีวิตวัยรุ่นของผมเลยก็ว่าได้ผมขอเข้าเรื่องเลยนะครับ

เรื่องที่จะปรึกษาก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความรักนี้หละครับมันอาจจะดูเกินตัวเกินไปสำหรับผู้ใหญ่หลายๆคนแต่ผมคิดว่าต้องมีพี่ๆหลายคนที่พอจะช่วยชีแนะแนวทางให้เด็กวัยรุ่นตาดำๆ 2 คนได้เดินผ่านอุปสรรคปัญหานี้ไปได้ขอความกรุณาด้วยครับ

เรื่องมีอยู่ว่าผมมีแฟนครับเธอเป็นแฟนคนแรกของผมและเป็นคนเดียวเพราะผมไม่เคยคบกับใครมาก่อนฝั่งนู้นก็เหมือนกันครับมารู้จักคำว่ารักครั้งแรกก็กับผู้หญิงคนนี้นี้หละครับแน่นอนว่าเป็นผู้หญิงเราคบกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จนตอนนี้เราก็ ม.ปลาย กันแล้วคบกันมาก็ 4 ปีแล้วปีรี้เป็นปีที่ 5 แล้วครับ เราเรียนโรงเรียนเดียวกันครับชั้นเดียวกันอายุก็เท่ากันช่วง 1 - 2 ปีแรกที่คบกันก็มีเรื่องให้ทะเลากันได้ทุกวันทะเลาะกันชนิดที่ว่าวันไหน

ไม่ได้ทะเลาะนี้มันจะตายขึ้นมาให้ได้ดีกันได้ไม่นานก็ทะเลาะกันอีกถึงขั้นที่ว่าคบๆเลิกๆกันเลยทีเดียวเพื่อนๆก็พูดกันว่าดูยังไงก็ไปด้วยกันไม่รอดแน่ๆแต่พอทะเลาะกันจนเบื่อก็แบบประมาณว่าคลื่นมันจูนกันติดแล้วเราก็รักกันเข้าใจกันดีมาตลอดครับก็มีขัดใจกันบ้างแต่ก็ใช้เหตุผลคุยกันครับมีงอนมีง้อมีงอแงมีน้อยใจบ้าๆบอๆกันไปตามพะสาวัยรุ่นตลอดเวลาที่คบกันเราก็เหมือนคู่อื่นๆนั้นแหละครับ ก็มีไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ไปเดินช็อป

ไปทานนั้นทานนี้ ไปดูหนัง ในวันหยุดหรือวันไหนที่เลิกเรียนไวแล้วมีเวลาว่างนะครับคือเราทั้งคู่ก็ไม่ได้พากันเหลวไหลไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยครับเพราะสังคมไทยสมัยนี้มันก็มีสื่อที่รวดเร็วมีเหตุการณ์ต่างๆนานาที่นำเสนอออกมาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ผมก็ใช้ความผิดพลาดจากคนอื่นในส่วนนี้แหละครับมาสอนตัวเองอะไรควรไม่ควรอย่างไหนผิดอย่างไหนถูกต้องทำแบบนี้แล้วคนอื่นจะมองเรายังไงเพราะมันมีตัวอย่างให้เห็นเยอะ

แยะมากมาย แล้วผมก็เป็นผู้ชายด้วยยังไงฝ่ายนู้นเค้าก็ย่อมจะดูไม่ดีกว่าผมเลยต้องอยู่ในขอบเขตความพอเหมาะพอควรขอวัยเราผมรักเค้ามากครับผมอยากให้เรารักกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเรียนจบมัธยมเรียนจบมหาเลยทำงานด้วยกันแล้วแต่งงานมีครอบครัวด้วยกันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนเฒ่าจนแก่แน่นอนครับว่าไปพูดอย่างงี้ให้ใครฟังเป็นใครก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วไม่ก็มายากมากๆแต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับแล้วฝั่งนู้นเค้าก็คิดแบบเดียวกันกับเราทำให้เราเข้ากันได้ดีมีขัดใจกันบ้างก็แค่เพราะบางอย่างความเห็นไม่ตรงกันก็เท่านั้นและจุดสำคัญที่สุดของที่สุดเลยก็คือเรื่องครอบครัวครับทางครอบครัวผมของฐานะก็พออยู่พอกินไม่ได้ร่ำรวยอะไรผมเป็นลูกคนเดียวครับและพ่อแม่ของผมเขารับรู้เรื่องการคบ

กันของเราสองคนครับและพวกท่านก็โอเคโดยแม่ผมกับแฟนผมก็ได้คุยกันเป็นระยะๆแต่เค้าจะไม่ค่อยบอกกันแอบไปคุยกันสองคนส่วนฝ่ายแฟนของผมทางบ้านของเขาก็รับรู้เหมือนกันครับแต่เขาไม่โอเคด้วยเหตุผลที่วัยรุ่นอย่างเรานั้นก็ต้องเข้าใจว่าเราทั้งคู่นั้นต่างก็อยู่กันในวัยเรียนยังเร็วไปนักที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้ผมก็เข้าใจดีครับ แต่เราก็คบกันมาเรื่อยๆครับ โดยที่สำหรับผมนั้นเธอคนนี้คือจุดเปลี่ยนของชีวิตผมเลยก็ว่าได้ครับแรก

เริ่มเดิมทีผมก็เป็นเด็กผู้ชายที่ผีเข้าผีออกเดี๊ยวดีเดี๊ยวร้ายไปตามอารมณ์อยากจะเรียนก็เข้าเรียนอยากจะโดดก็ไปหลับอยู่ในห้องสมุดพอใกล้จะสอบปลายภาคก็ปั่นงานค้างงกๆแล้วก็วิ่งไปส่งตอนเช้าวันดีคืนดีหลังจากสอบเสร็จไปแล้วอาจารย์ประจำวิชาก็โทรตามให้ไปทำงานซ่อมอีก ฮ่าๆ อะไรจะปานนั้น แต่พอผมมีเธอเข้ามาผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือครับ จากที่เข้าเรียนบ้างไม่เข้าบ้างก็เข้าเรียนทุกคาบโดย

ปกติจะมีเพื่อนผู้ชายกลุ่มเดียวกันอีก 4 คนครับพอจะไม่เข้าก็ไม่เข้ากันหมด แต่ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกก็คือพวกมัน 4 คนไม่เข้าเรียนกันผมก็มานั่งเรียนอยู่คนเดียวครับ คือถ้าใครจะมาว่าผม "ตามหญิงจนเสียเรียน" เนี่ยๆหยุดแม้แต่จะคิดเลยครับเพราะตามหญิงนี้หละทำให้เกรดเฉลี่ยผมกระดึ๊บๆดีขึ้นมาเรื่อยจาก 2.40 เป็น 2.60 และจาก 2.60 ก็มาเป็น 3.02 ใครจะไปคิดว่าคนเหลวไหลอย่างผมจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ในเวลา

สั้นๆ (หรืออาจจะไม่สั้นก็ได้ - -) เธอคนนี้เป็นกำลังใจให้ผมเป็นแรงผลักดันให้ผมผ่านเรื่องยากๆให้ผมได้พยายามทำอะไรมากมายมาจนถึงตอนนี้และผมก็ยังมีเธอที่คอยเป็นกำลังใจผมอย่างนี้เรื่อยไป ผมกล้าพูดเลยว่าเรื่องบางเรื่องที่ผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างผมจะทำได้ก็ผ่านมาได้เพราะเขานี้หละครับ มีปัญหาอะไรเราก็ช่วยกันแก้ครับคอยเกื้อหนุนกันมาตลอด เพราะฉนั้นเธอจึงมีความสำคัญสำหรับผมมากพูดได้ว่าสำคัญกันทั้ง

สองฝ่ายขาดกันไปไม่ได้เลยจริงๆ เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาความรักความเชื่อใจความไว้ใจอะไรที่มีให้กันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆคอยดูแลกันและกันมาตลอดเป็นยังไงก็เป็นกันอยู่อย่างงั้นทำอะไรก็ทำอยู่อย่างนั้นจนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยที่พ่อแม่ของผมก็คอยรับรู้อยู่เป็นระยะๆ แต่ดูเหมือนความไม่พอใจทางครอบครัวแฟนของผมก็มาขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน จนเมื่อไม่นานมานี้ครับเพราะเราทั้งสองต่างก็อยู่ ม.ปลายกัน

การเข้ามหาลัยเพื่อเรียนต่อจึงเป็นเรื่องสำคัญและที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือคณะสาขาที่จะเลือกเรียนซึ่งเราทั้งสองก็อยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเองว่าจะเลือกเดินไปในทางไหนกันดีที่เราจะโอเคกับมันมีความสุขกับผม เราทั้งคู่เลยตกลงเรียนพิเศษที่เดียวกัน ซึ่งก็เรียนตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงช่วงค่ำซึ่งพ่อแม่ผมรู้ครับว่าผมเรียนกับเขาเพราะเพื่อนผู้ชายของผมมันไม่มีใครจะมานั่งเรียนอยู่แล้วเลิกเรียนมันก็รีบกลับบ้านไปเที่ยวเอยเล่นเกมส์

เอยตามแบบของมันกันไปและก็เห็นว่าแฟนของผมเค้าก็มาเรียนคนเดียวที่ที่เรียนก็ออกมาจากตัวเมืองเล็กน้อยวันไหนพ่อแม่มารับช้าไปยืนรออยู่คนเดียวก็เปลี่ยนน่าดูเลยแต่นี้ไม่ใช้เหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ของผมต้องเสียเงินเป็นพันๆให้ผมไปเฝ้าแฟนนะครับ คือด้วยความที่ผมเป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ก็ตั้งความหวังในตัวผมไว้สูงเลยทีเดียวและผมก็อยากทำให้ท่านมีความสุขเรียนจบไปสามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้แล้วเลี้ยงพวกท่าน
ได้

จุดประสงค์หลักๆของผมเลยก็คือจะไปเรียนเพื่อที่จะเอาความรู้มาทำข้อสอบให้ได้คะแนนดีเพื่อที่จะได้เรียนคณะที่เราอยากจะเรียนและเป็นเส้นทางของผมได้โดยคิดว่าไหนๆก็เรียนวิชาเดียวกันเรียนด้วยกันก็ไม่เห็นไรเราก็จะได้คอยอยู่เป็นเพื่อนเขาไปด้วยในตัว (ผลพลอยได้ครับ) เพราะนั่งก็ไม่ได้นั่งด้วยกันเพราะทางที่เรียนพิเศษเป็นแบบเรียนวิดีโอจึงต้องตั้งใจเรียนทางโรงเรียนเค้าก็มีกฎของเขาโดยที่ให้แยกกันนั่ง

กระจัดกระจายกันไปเพราะจะได้ไม่คุยกันเราก็ตั้งใจเรียนกันไปด้วยดีหลังเลิกเรียนผมก็จะไปเข้าห้องน้ำรอให้เขากลับไปก่อนเพราะแม่เขาจะมารอรับเกรงว่าถ้าแม่รู้ว่าเรียนด้วยกันอีกทางบ้านเค้าคงจะคิดเป็นอื่นไปแน่ๆเพราะแรกเริ่มเดิมทีครอบครัวเค้าก็ไม่ได้ชอบหน้าผมอยู่แล้วด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่ทราบแน่ชัดผมก็ทราบว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวผมหรือเพราะช่วงเวลาที่เรามาเจอกันแต่ผมก็ไม่ได้ยอมแพ้หรอกก็ยังคอยบอกตัว

เองว่าซักวันเราจะพิสูจน์ให้ครอบครัวของเขาได้เห็นและยอมรับในตัวเราให้ได้โดยมีเธอคนนี้นี้หละเป็นแรงผลักดันคอยเป็นกำลังใจคิดอย่างนั้นมาตลอดครับแต่แล้วความลับมันก็ไม่มีอยู่ในโลกครับเมื่อไม่นานมานี้แม่เค้าก็รู้จนได้ครับว่าเราเรียนด้วยกันทำให้แม่และพี่สาวของเขาไม่พอใจมากและได้พูดคุยกับเขาไปชุดใหญ่เลยทีเดียวเล่นเอารุ่งเช้ามาอีกวันเธอที่เคยยิ้มร่าเริงถึงกับซึมไปทั้งวันเลยและผมก็เครียดมากด้วยพยายาม

คิดหาวิธีที่จะแก้ปัญหาผมไม่รู้จะเลือกเดินทางไหนเลยจริงๆพอเห็นเขาซึมก็ได้แต่คิดโทษตัวเองว่าก็เพราะตัวเราเองนี้แหละเขาถึงต้องเป็นอย่างนี้ผมไม่รู้จะไปพูดกับใครไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะคิดว่าใครก็ช่วยผมไม่ได้ตอนนี้ผมหมดกำลังใจผมท้อมากครับเมื่อได้ยินเขาพูดมาว่าเค้าไม่อยากสู้แล้วเขายอมแพ้เขาบอกว่าเขามองไม่เห็นทางว่าจะสู้และผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง ผมก็ได้แต่นั่งน้ำตาไหลอยู่หน้าคอมแล้วพยายามคิดหา

วิธีพิมปลอบใจเค้าส่งไปทั้งน้ำตา เอาจริงๆสติสตังตัวเองก็กระเจิดกระเจิงไปหมดแต่ผมก็คิดว่าถ้ายอมแพ้กันทั้งคู่แล้วจะสู้กันยังไง ไม่มีใครลูกขึ้นมาสู้แทนเราแน่ๆ มีกันอยู่สองคนเพราะฉนั้นเวลาที่เค้าอ่อนแอผมนี้แหละที่จะต้องเข้มแข็งเอาไว้และพยายามต่อไป ผมอยากจะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ครับอยากให้เขากลับมาร่าเริงอย่างเดิม อยากให้ครอบครัวเขาได้เปิดโอกาสรับฟังผมและมองในมุมที่แตกต่างออกไปบ้างถึงมันจะดูเกินตัว

สำหรับเด็กวัยนี้แต่ผมก็อยยากจะทำมันให้ได้เหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา เพราะผมคิดว่ามีแค่เราทั้งสองคนเท่านั้นที่รู้ดีกันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ครอบครัวของผมก็ไม่ได้รู้จักผมไม่เคยพูดคุยกับผมก็แค่เคยเจอหน้ากันสวัสดีกันเวลาเจอกัน ผมเองก็ไม่ได้รู้จักครอบครัวเค้าดีเท่าที่ควร มันต้องไม่ดีแน่ๆที่เราจะตัดสินใครจากความคิดแค่มุมเดียวด้านเดียวโดยที่เราต่างก็ยังไม่รู้โดยด้วยซ้ำว่านิสัยใจคอเป็นยังไงถึงผมจะเป็นคนที่หน้าตาไม่ดีแต่ผมก็มีความคิดมีสัจจะมีศักดิ์ศรี ผมควรจะทำยังไงต่อไปดีครับ ?

ปล.แฟนของผมเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับซึ่งเธอสามารถหาผู้ชายที่ดีกว่าผมได้ไม่ยากแต่เขาก็ตัดสินใจเลือกผมครับ
ปล.แบ่งบรรทัดไว้ให้แล้วนะครับเผื่อจะอ่านง่ายขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่