เจอแม่แฟนแบบนี้ ควรรับมืออย่างไร????

บอกก่อนนะค่ะ เป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งด้วย พิมพ์ผิดถูกประการใดของอภัยไว้ก่อนนะค่ะ
***ขอโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนะค่ะ ไม่ได้กล่าวร้ายหรือประจานใคร  แต่ตอนนี้อยากระบาย และต้องการคำปรึกษามากคะ

      ///เรากับแฟนคบกันจะเข้าปีที่3 แล้วค่ะ คบตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ตอนนั้นเราอยู่กันคนละจังหวัด ได้เจอกันบ้างเดือนละไม่กี่ครั้ง คุยกันทางโทรศัพท์ หรือ เฟสบุ๊คมากกว่า แฟนเราไม่ใช่คนหล่อคนรวยอะไร ที่เราตอบตกลงเป็นแฟนเขา  เพราะคิดว่าเขาเป็นคนดีค่ะ ครอบครัวเขามีเขากับแม่แค่ 2 คน ใครๆ ก็บอกว่าเขาดูแลแม่ดีมาก เราชอบค่ะ ชอบผู้ชายอบอุ่น แรกๆที่คบกันเขาดีกับเรามาก ดีจนเพื่อนๆอิจฉา เราก็เลยรักเขามาก  แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาค่ะ 3 ปีผ่านไป รักมันจืดจางลง  ไม่หวานเหมือนก่อน ทะเราะกันบ่อย แต่เราก็ไม่คิดจะเลิกนะคะ พยายามทำความเข้าใจ ว่าวัยและสังคมเปลี่ยน ก็ทำให้คนเปลี่ยนไป เขาทำงาน บ้างานจนไม่สนใจเรา  เราก็มีงอน มีนอยนะคะ แต่ก็ให้อภัย เพราะรู้ว่าเข้าทำเพื่ออนาคตของเราอยู่
ชีวิตรักก็เหมือนจะดีนะคะ แต่มันเริ่มแย่ลงเมื่อ
      เราทั้งสองคนเรียนจบ  เขาตัดสินจะพาเราไปหาแม่เขา  เราดีใจมาก คิดว่าเค้าคงกำลังแสดงให้เรารู้ว่าเขาจริงจังกับเรานะ
วันแรกที่จะเจอกับแม่แฟน เราแต่งตัวเรียบร้อยมากค่ะ เตรียมของฝาก ตื่นเต้นสุดๆ
เราเดินทางไปต่างจังหวัดคะ พอถึงบ้านแม่แฟนออกมารับเขายิ้มให้ลูกชายเขา แล้วหันมามองหน้าเราแบบงงๆ
คือแฟนเราคงไม่ได้บอกแม่ล่วงหน้าว่าจะพาแฟนมาบ้าน เรายกมือไหว้ แล้วก็ยิ้มสุดพลัง
แม่แฟนรับไหว้ แล้วก็ยิ้มนิดๆ แฟนแนะนำให้แม่รู้จักเรา บอกชื่อ และบอกว่าเป็นแฟน แม่เค้าก็รับรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พอเข้าบ้านมา เราก็นั่งกะพื้น (เพราะที่บ้านเราสอนมาว่า ห้ามนั่งเสมอผู้ใหญ่จนกว่าจะได้รับอนุญาต)
แม่แฟนก็ทำหน้าดุใส่ถามเสียงดังว่า “เอ้า...เธอไปนั่งทำไรตรงนั้น”   เราก็ยิ้มแล้วบอกว่า “นั่งตรงนี้มันสบายดีหนะคะ”
และหลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดกะเราเลย หันไปคุยกับลูกชายเขา สักพัก เขาถามลูกชายว่า “หิวข้าวมั๊ย” แฟนเราตอบว่าหิว เขาเดินไปยกจานอาหาร เราก็เดินตามคะ คือตอนนั้นก็ทำตัวไม่ถูก ไม่เคยไปบ้านผช.คนไหนเลย เราบอกว่า  “หนูช่วยนะคะ” แต่เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน หยิบจานป่าวมาแค่ใบเดียว ตักข้าวให้ลูกชายกิน แล้วเค้าก็เดินกลับไปหน้าทีวี
เราก็ยืนเอ๋อสิ    คิดในใจ  //แล้วหนูล่ะ  แปลกใจ ทำไมเขาไม่ชวนเรากินข้าวนะ แล้วเราควรจะเดินไปหยิบจานมาตักกินเองดีมั๊ย
แฟนเรา เลยเรียกเรามากินข้าว  บอกให้กินจานเดียวกันนิแหละ อร่อยดี   เราก็นั่งกินข้าวไป ในใจก็เริ่มคิดแล้วละ ว่ากำลังเจองานยาก เอาชนะใจแม่แฟนยังไงดี คืนนั้นเรานอนห้องเดียวกะแฟน เพราะเราไม่รู้ว่าจะนอนตรงไหนดี แม่แฟนดูละครจบก็เข้าห้องนอนเลย ไม่พูด ไม่ถามอะไรเราสักคำ แฟนหลับเป็นตาย แต่เรานอนไม่หลับทั้งคืน กว่าจะหลับก็เกือบๆเช้า
   7  โมงเช้าเราสะดุ้งตื่น เพราะเสียงเคาะประตู แม่แฟนมาเคาะ เราเปิดประตูมา เขาทำหน้าแบบโกดมาก  แล้วก็บ่นเป็นฟืนเป็นไฟ ว่าตื่นสายขนาดนี้จะไปทำมาหากินอะไรได้ เราก้มหน้ายอมรับค่ะ เพราะคิดว่าสายจริงๆ บ้านนี้เค้าคงตื่นเช้ากัน เราอาบน้ำเสร็จเดินเข้าห้องจะไปปลุกแฟน  แม่แฟนก็บอกว่า “ ไม่ต้องปลุกมัน ให้มันนอน  เมื่อวานมันขับรถเหนื่อย”  โอเคร เราก็ไม่ปลุก เราเข้าไปช่วยเค้าทำกับข้าวในครัว ในใจก็กลัว เราทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง ถ้าเขารู้ต้องไม่ชอบแน่ๆ เค้าใช้ให้เราหยิบนู้นหยิบนี่ให้ เราก็หาค่ะ หาๆ ก็ไม่ใช่คนบ้านนี้นิไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน เค้าทำหน้าเหมือนรำคานแล้วบอกไม่ต้องหยิบเองเร็วกว่า  เขาใช้ให้เราหั่นผักเราก็หั่น สักพักเขาก็หันมาดุ “หั่นผักไม่เป็นรึไงห่ะ  หั่นแบบนี้ใครจะกิน” คือตลอดเช้านั้นเราโดนตำหนิเยอะมาก  ตอนนั้นรู้สึกแย่มาก ถามตัวเองในใจว่า ตอนอยู่บ้านทำไม ไม่ฟังที่แม่สอนนะ ทำไมไม่เรียนรู้จากแม่  คือไม่ได้โกดแม่แฟนเลย แต่โกดตัวเอง  สายๆ แฟนตื่น กับข้าวก็เสร็จพอดี ระหว่างที่เรานั่งกินข้าว แม่แฟนก็ตักกับข้าวให้ลูกชายตลอด คือตักกับจนล้นจาน  ตอนนี้เรารู้สึกตัวเองเป็นอากาศ เขาไม่ได้สนใจเราเลย ส่วนแฟนก็กินข้าวอย่างสบายใจ ก็ผช.อ่าเนาะ คิดไรที่ไหน  กินเสร็จ เราก็ออกไปเดินห้าง จะใช้คำว่าเราดีมั๊ย สองแม่ลูกเค้าเดินคุยกันตลอด เราก็เดินตาม  เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน เวลาเลือกของเราก็เลือกที่เราชอบหยิบใส่รถเข็น  แม่แฟนเค้าก็บอกเราว่า  “หยิบมาทำไม ยี่ห้อนั้นมันแพง ถ้าเลือกของไม่เป็นก็อยู่เฉยๆ “ เราอึ้งเลย แต่ก็นะ ความผิดของเราอีกแหละ ที่เลือกที่ชอบไม่ดูราคา เรากลับถึงบ้านเย็น เข้าครัวทำกับข้าว แล้วเหตุการณ์เมื่อเช้ามันก็เกิดขึ้นอีก โดนตำหนิเหมือนเดิม นั่งกินข้าวก็เหมือนเดิม ถึงเวลาเค้านอนเราก็คิดๆๆ คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เราตั้งนาฬิกาปลุก แล้วนอน
    วันต่อมาตื่นตั้งแต่ตี 5 ค่ะ ตื่นมาถุงข้าว ทำความสะอาดบ้าน  แม่แฟนตื่นมาเจอเค้าก็ไม่พูดอะไร ถึงเวลาเข้าครัว เราก็กระตือรือร้นมากขึ้นมองรอบครัวสังเกตอะไรอยู่ตรงไหน  พอเขาใช้เรา เราก็จะถามก่อนว่าอยากได้แบบไหน ก่อนลงมือทำ วันนี้โดนตำหนิน้อยลง  ถึงเวลากินข้าว เราก็กินของเรา กินด้วยความรวดเร็ว พอเสร็จก็รอล้างจาน วันนี้จะออกไปทำบุญกัน เราเตรียมกระติ๊กน้ำใส่น้ำกับน้ำแข็งให้เรียบร้อย เตรียมร่มไปด้วย ไปถึงเราก็กางร่มให้แม่ทันที คือ แบบ เอาใจสุดฤทธิ์  ขอกระเป๋าเขามาถือให้ เค้าก็ส่งให้เราถือ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกะเรามาก  ตกเย็นก็กลับบ้าน ถึงบ้านเกิดเรื่องแฟนเราลืมกุญแจบ้าน ไม่รู้กุญแจใส่กระเป๋า รึไปลืมวางไว้ตรงไหน หากันยกใหญ่ แม่แฟนก็โมโห ด่าแฟนว่าไม่รอบคอบ  แล้วก็หันมาว่าเราว่า “ ทำไมไม่เก็บ ทำไมไม่ช่วยกันดู “  คือมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ แค่ลืมกุญแจ เสียเวลารื้อกระเป๋าแปบเดียวก็เจอ แต่ทำไมแม่ถึงโมโหขนาดนี้
    ผ่านวันนั้นไป เราก็พยายามปรับตัวทุกอย่าง ตื่นแต่เช้า เข้ากูเกิ้ลทุกวัน ดูวิธีทำกับข้าว วิธีเลือกซื้อของต่างๆ  ทำงานบ้าน  ทำแบบนี้ทุกวันๆๆ เป็นเวลา   6  เดือนแล้วค่ะ เราย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกะแฟนคะ  เพราะทางผู้ใหญ่วางแผนจะจัดงานแต่งงานให้แล้ว รอให้งานฝ่ายชายลงตัวเท่านั้น ณ ตอนนี้ แม่แฟนยอมรับเรามากขึ้นพูดกับเรามากขึ้น
////////////////////ยังไม่จบคะท่านผู้ชม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
ในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง มีลูกอายุ 22 กับ 24 มีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่ เป็นตัวของตัวเอง ปัญหาที่จขกทเผชิญอยู่น่าจะตัดสินใจเองได้นะคะ โดนกดขี่ข่มเหงแบบนี้ ทนไปทำไม นี่เป็นแค่เริ่มต้นของปัญหา

เราอ่านแล้วเราเคืองแทนจขกท. เราไม่ชอบมากๆ ที่ผุ้ใหญ่วางตัวนิสัยขี้วีน ชอบจับผิด หาเรื่อง ฯลฯ กับคนที่เขาพยายามปฏิบัติให้ถูกต้อง แต่กลับเป้นว่า ผู้ใหญ่คนนี้ (แม่แฟน) ทำตัวเป็นนางมารร้าย จ้องจับผิดจขกท. ไม่เปิดใจ มีแต่หาเรื่อง ปฏิบัติกับคุณได้แย่มากๆ... สมมติว่าถ้าเราอยู่ตรงนั้นด้วยกับ จขกท. เราจะเฉ่งใส่แม่แฟนคุณ (เอาคืนแทนคุณให้แรงๆกระเด็นกระดอนไปเลย)

จขกท. ไม่จำเป็นต้องพยายามเอาใจเขาจนเว่อร์ ในเมื่อที่นั่น "ไม่ใช่บ้านคุณ" คุณเป็นแขกคือแฟนของลูกชาย ถึงแม้ว่าไม่พอใจก็ตาม แต่ไม่ควรถึงกับปฏิบัติกับคูณสุดทรามแบบนั้น (อ่านกระทู้เกี่ยวกับผู้ใหญ่คนไทยในไทยนิสัยแบบนี้เยอะมาก จนทำให้เราอคติกับคนวัยลุง ป้าในไทยไปแล้ว)
เขาควรเปิดใจ ไม่ควรตำหนิจิกคุณแรง

ตอนลูกเราแนะนำตัวแฟนเขากับเรา ถึงแม้ว่าเราไม่ชอบเขา แต่เราไม่ทำตัวต่ำใส่แฟนเขา เราปฏิบัติปกติ ไม่สะบัดสะบิ้ง ค้อนควักพูดจิกบ้าบอเหมือนตัวอิจฉาละครไทยประมาณนั้น ที่แม่ของแฟนคุณทำใส่คุณ... ดิฉันรังเกียจคนที่ทำแบบนั้นกับคนที่พยายามทำดี แต่กลับได้กลับไปแบบตรงกันข้าม

อย่าฝืนตัวเอง อย่าพยายามมากเกินไป จนตัวเงอมไ่มีความสุข... และถ้าแฟนคุณไม่เข้าใจคุณ... ช่างมัน... คุณเปิดโอกาสให้ตัวเองใหม่ ชีวิตของคุณไปได้อย่างมีความสุข โดยปราศจากแฟนและแม่ของเขานะคะ

เพิ่มเติม...
อย่ามีลูกกับคนนี้ อย่าตัดอนาคตของตัวเอง ให้จมปลักกับครอบครัวแม่แฟนกับแฟน คุณจะกลายเป็นคนมีแต่ความทุกข์ กลายเป็นคนรับใช้ เมื่อมีลูก ลูกคุณก็จะไม่รักคุณ เพราะคุณทำตัวเองให้เป็น "ผู้หญิงไม่มีค่า" แม่แฟนจะไม่รักคุณแต่จะเอาแต่หลาน จะพูดกดขี่จิกคุณต่อหน้าลูกของคุณ เมือ่เด็ฌกเห็นแบบนั้นตั้งแต่เด็ก เด็กจะซึมซับไปโดยธรรมชาติ จะไม่มีความภูมิใจในตัวคุณ
ความคิดเห็นที่ 11
แย่ทั้งแม่ทั้งลูก แฟนคุณก็น่าจะปกป้องคุณมั่งนะ น่าจะคิดว่าคุณรู้สึกยังไง ใจเขาใจเรา อีกอย่างน่าจะรู้จักนิสัยแม่คุณดี

ไม่น่าจะให้คุณมาเจอแบนี้ คุณก็ควรจะรักตัวเองบ้าง

อย่างนี้ถ้าแต่งงานไปไม่ใช้คุณอย่างทาสเลยหรอ ขนาดนี่แค่เริ่ม อย่าลืมว่าคุณก็มีพ่อมีแม่ น่าจะเกรงใจคุณบ้าง

การที่เราจะทำดีกับใครบางทีผมว่าก็ต้องเลือกคนเหมือนกันนะ ไม่งั้นก็เปล่าประโยชน์ เสียเวลา
ความคิดเห็นที่ 18
ชักไม่แน่ใจว่านี่ลูกสะใภ้หรือคนใช้กันแน่??? ใข้แม้กระทั่งตัดเล็บเท้า คนใช้ยังไม่โดนใช้ขนาดนี้เลยค่ะ ยิ่งอยู่ไปยิ่งหนักข้อขึ้น เราว่าตอนนี้แม่สามีคงเริ่มปลื้มคุณแล้วค่ะ เพราะอะไรรู้ไม๊คะ? เพราะนางได้คนใช้ที่ดีที่สุดมาหนึ่งคนค่ะ ไม่ต้องจ่ายเงินเดือน ดูแลลูกชายนางได้เริ่ดที่สุด จิกหัวได้ตลอดเวลา ใช้ได้ทุกเรื่องตั้งแต่ทำกับข้าวยันปีนต้นไม้  ทั้งสองคนแม่ลูกเป็นเทวดานางฟ้าไปแล้วค่ะ มีนางแจ๋วอย่างคุณทำทุกอย่างตั้งแต่ตื่นก่อนนอนทีหลัง อีกหน่อยมีลูกคุณก็จะเป็น"คนใช้ของลูก"ต่อไปแน่นอน ลูกคงสิ้นนับถือคุณเป็นแม่เพราะคงต้องถูกสอนถูกเลี้ยงแบบที่แฟนคุณทำตอนนี้

อยากให้คุณกลับไปตั้งหลักที่บ้านตัวเองค่ะ กลับไปอยู่กับพ่อแม่ เราเชื่อว่าพ่อแม่ใช้คุณน้อยกว่านี้แน่ๆ  ไปลองมีชีวิตของตัวเอง ไปหางานทำ น้องอายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องไปจมปลักเป็นข้าทาสของใคร ยุคนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกันนะคะ ถึงผู้หญิงจะต้องดูแลสามีก็ควรเป็นไปด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ

กลับไปอยู่บ้าน ใช้เวลาไตร่ตรองว่ามีความสุขกว่าไม๊ที่จะอยู่แบบนี้ ไม่ต้องรองมือรองเท้าใครราวกับเป็นทาส แฟนคุณไม่ช่วยอะไรเลย แม้แต่เรื่ิองถือของ แถมเข้ากับแม่เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำตัวเป็นเทวดานางฟ้า มันไม่ถูกแล้วค่ะ  ถ้าอยู่แล้วเหนื่อยขนาดนี้กลับไปอยู่บ้านตัวเอง ไปดูแลพ่อแม่ตัวเองดีกว่าค่ะ  ตอนนี้เพิ่ง 6 เดือนจะแก้อะไรยังง่ายนะคะ อยู่นานไปกว่านี้จะแก้ไขลำบาก
ความคิดเห็นที่ 12
ทำไมจะต้องพินอบพิเทาอะไรขนาดนั้น (อันนี้ไม่เข้าใจจิงๆนะ)
โอเค เป็นแม่แฟน เราก็ปฏิบัติตัวแบบญาติผู้ใหญ่ที่เคารพตามปกติก็ได้
แต่เราเห็นคุณเล่นเป็นบทคนใช้เลย ยอมให้เค้าโขกเค้าด่าตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสะใภ้
แบบ มาถึงนั่งกะพื้น !! อันนี้จะฮาก็ฮานะ แต่มันก็เป็นการแสดงออกไปแล้วว่าคุณต่ำต้อยกว่าและพร้อมรับใช้เสมอ

ผู้ใหญ่บางคนก็อาจจะคุ้มที่จะพยายามชนะใจ ด้วยเค้ามีทิฐิหรือห่วงลูกตัวเองมากเกินไป
แต่บางคนคุณเล่นบทคนใช้ให้เค้าทั้งชีวิต ทำตัวเป็นนางเอกแค่ไหน เค้าก็ไม่หันมามองคุณหรอก
สำหรับคุณแม่แฟนที่จะมองเราเป็นอากาศธาตุ ให้ค่าเราประหนึ่งคนใช้  ปฏิบัติต่อกันเหมือนอยู่คนละชนชั้น
แถมต้องเป็นกระโถนรับคำด่าสารพัด และแฟนทำตัวเป็นเสาเป็นต้นไม้ ไม่ช่วยปกป้อง
ดิฉันไปตั้งนานแล้วค่ะคุณ..
ความคิดเห็นที่ 21
เอาเวลาที่ไปดูแลแม่และแฟน กลับไปดูแลพ่อแม่ตัวเองดีกว่ามั้ย มาทุ่มเท ให้คนไม่เห็นคุณค่า มีประโยชน์อะไร
ถ้าต้องรบกับแม่แฟนแล้วมีแฟนเป็นกำลังใจค่อยน่าลุ้น  นี่อะไร แฟนก็ไม่เห็นคุณค่า  เอามาเป็นคนรับใช้ ไม่ปกป้อง
ทำดีไม่ขึ้นหรอกอย่างนี้ เตรียมตัวทุกข์ไปตลอดชาติ
เอ๊ะ หรือคุณชอบ
อย่าอ้างความรักเลย ชั่งน้ำหนักดู ระหว่างรักกับทุกข์ อันไหนเยอะกว่า
หมดสมัยสะไภ้ทาสแล้ว
ผู้หญิงยุคใหม่ต้องเดินเคียงข้าง ไม่ใช่ช้างเท้าหลังอีกต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่