เรื่องสั้นของอิง ลองอ่านกันดูนะค่ะ

กระทู้คำถาม
แก้ไข
"สวัสดีครับ" เสียงยามแก่ที่ประจำที่ประตูรั้วของหมู่บ้าน ใช่ฉันผ่านมันเข้ามาแล้ว ฉันขับรถผ่านประตูรั้วทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆ ที่ต่างจังหวัดห่างจากบ้านฉันกว่าร้อยกิโลเมตร ฉันมาอยู่ที่นี่เพียงเพราะอยากรู้จักกับโลกภายนอก นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต บ้านสีขาวดูสะอาดตา 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เพียงพอสำหรับแขกหรือพ่อแม่ที่จะแวะมาเยี่ยมเยียน ฉันอยู่ที่นี่มาราวๆ สี่ปีเศษใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ซ้ำๆ โดยไม่รู้สึกเบื่ออาจเป็นเพราะความเคยชิน ตื่นเช้า กินข้าว ทำงาน ทำงานดึก นอน ตื่นเช้า กินข้าว ทำงาน.. เป็นเช่นนี้เกือบเสียทุกวัน อาจมีบ้างเป็นครั้งคราวที่ได้มีวันหยุดพักผ่อน ได้ดูหนัง ช้อปปิ้งเสื้อผ้า หาของอร่อยทาน เล่นโยคะ อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ แต่วันหยุดมันสั้นเสียเหลือเกิน มีโอกาสน้อยที่จะได้กลับบ้านสัก 3 เดือนต่อครั้งนึง และครั้งนึงนี่ก็ยังไม่เคยถึง 5 วัน ภายใน 5 วันต้องใช้ 1 วันเดินทางไป 1 วันเดินทางกลับ ฉันจึงเหลือเวลาเพียง 3 วัน ที่ต้องใช้ให้คุ้มค่ากับ 3 เดือน แต่ครั้งนี้ฉันได้หยุดยาวเพราะเป็นช่วงปีใหม่ทางบริษัทจึงให้พักได้หนึ่งสัปดาห์ แต่ก็อย่างว่าวันหยุดนั้นมันสั้นเสียเหลือเกิน

ฉันพบใครบางคน...
ใครคนนั้นที่เราไม่เคยรู้จะกันมาก่อน ในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา

อีกครั้งเขาเดินเข้ามาหาฉัน แววตาที่ดูคุ้นเคยเหมือนเคยผูกพันกันมานาน แต่ฉันไม่เคยนึกออกเลยว่ามันคือแววตาของใคร เขาอาจมาแค่ทักทายเพราะเคยเจอถ้าเขายังจำได้ หรือไม่ก็มาถามเรื่องงาน เราทำงานบริษัทเดียวกัน ฉันเป็นเลขาทุกๆอย่างต้องผ่านฉัน ฉันต้องรู้ เป็นงานที่เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยแต่ผลตอบแทนที่สูงมันชอบทำให้ฉันคิดว่างานนี้สบาย แม้มันไม่ได้เหมาะกับฉันก็ตาม ทุกๆเช้าเขาจะแวะเอาขนมมาให้ที่โต๊ะทำงาน วันไหนไม่ออกไปทานข้าวกลางวันก็จะมีอาหารจากเขามาวางที่โต๊ะ โดยที่ฉันไม่เคยเข้าใจว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร จะจีบฉันหรอ? เกิดมาฉันยังไม่เคยมีแฟนเลยคนจีบก็ไม่มี ไม่ใช่ว่าไม่สวย แต่อาจเป็นเพราะที่ฉันไม่ชอบสุงสิงกับใคร เพราะฉันยังมีใครที่ยังคิดถึง

สมัย ม.ปลาย ฉันเคยได้รับฉายาว่ายัยตัวร้าย ธาวินเพื่อนชายร่วมชั้นของฉันเขาชอบทำให้หัวใจของฉันเต้นผิดปกติทุกครั้งไป ใบหน้ารูปไข่กับสันจมูกที่ได้รูปพอดีกับริมผีปากสีชมพูอวบอิ่ม ผิวขาวพอประมาณแบบชายนักกีฬาทั่วๆไป ดวงตาสีน้ำตาลช่างดูอบอุ่นเสียเหลือเกิน ฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่สบตา ฉันชอบพาสิตาไปนั่งดูเขาเล่นฟุตบอลในตอนเย็นหลังเลิกเรียน  ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดกับคนอย่างฉันได้อย่างไร

กริ๊ง...กริ๊ง กริ่งเรียกเข้าแถวตอนเช้าของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดที่ฉันเรียนอยู่ดังขึ้น ฉันได้ยินมันทุกวันตอนเช้าที่ก้าวลงจากรถพ่อ ฉันไม่ค่อยชอบคุยกับใครถ้าไม่จำเป็น สิตาเพื่อนสนิทรีบวิ่งมาลากฉันไปพร้อมพูดอย่างร้อนใจว่า"สายแล้ว สายแล้ว!!" ทั้งเสียงกริ่งทั้งเสียสิตามันน่ารำคาญเสียจริงๆ สิตาคอยดูฉันในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานโรงเรียนจะมีเธอคอยช่วยอย่างใกล้ชิดเสมอ หรือแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว เธอมักตามจู้จี้ไปเสียทุกอย่าง สิตาใส่ใจฉันมากจนบางครั้งฉันรู้สึกมากเกินไป "เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ" บ่อยครั้งที่ฉันพูดแบบนี้กับเธอ หลายครั้วที่เราทะเลาะกัน กระทั่งครั้งหนึ่ง เพร๊ง!!! เสียแก้วแตกจากในครัว ใช่ฉันเอง ฉันทำมันหลุดมือเอง แม่ตะโกนถาม"เป็นไรไหม" สิตาอาสามาดูฉันให้ สิตาจับที่มือของฉันแล้วพร่างพูดว่า "เอาอีกแล้วนะ ระวังหน่อยสิถ้าเป็นไรขี้นมาจะทำยังไง ดีนะแค่แก้วแตก แล้วมันแตกได้ไงเนี่ย" ฉันไม่ได้ตอบอะไรไปจนเธอย้ำอีกครั้ง "แตกได้ยังไง" "ก็มันล่วง"ฉันตอบปัดๆ "ล่วงได้ยังไง ทำไมมันล่วงได้เหม่ออะไรอีกหล่ะ" เธอยังไม่วายถามจู้จี้ "วินมันโทรมา" อีกครั้งที่สิตาเงียบไปชั่วคณะแล้วเดินออกจากครัวไป และอีกครั้งที่เธอทำสีหน้าเหมือนกับผิดหวังปนกลุ้มใจฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม เธอทำแบบนี้แทบทุกครั้งไปที่ฉันยุ่งเกี่ยวกับธาวินเพื่อนร่วมชั้นที่ฉันรู้สึกดีๆด้วยจนแทบจะตกหลุมรักเลยทีเดียว ฉันคิดว่าฉันกับสิตาควรจะหาทางออก สิตาไม่คบใคร ไม่ชอบใคร ไม่สนใจใครนอกจากฉัน มันยากที่จะอธิบายในความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับสิตา ฉันรักสิตาแต่ไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอแบบไหน จะว่ารักแบบเพื่อนมันก็สนิทกันจนเกินไป แบบคนรักมันก็มากเกินไป
  หลังจากจบมัธยมปลายเพื่อนๆแยกย้ายกันไปเรียนต่อตามที่ตนได้ตั้งเป้าหมายไว้ ฉันเองเลือกเรียนบริหารธุรกิจแบบอินเตอร์คือเรียนเป็นภาษาอังกฤษ สิตาก็เช่นกัน เราอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และก็เหมือนเดิมเธออยู่กับฉันตลอดเวลา ไปเรียนด้วยกันกินข้าวด้วยกันนอนด้วยกัน ฉันรู้สึกดีแต่บางทีก็อึดอัด เหมือนถูกกีดกันจากเพื่อนคนอื่นๆไม่ว่าจะหญิงหรือชาย บางอย่างทำให้ฉันนั้นสับสน
  บนเตียงนอนลายคิตตี้สิตาชอบมันและฉันก็ชอบสีชมพู ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้ดีแต่มีบางอย่างทำให้รู้สึกว่าฝืนกับบางสิ่ง สิ่งที่ใครๆก็ทราบ ฉันรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของฉันและสิตามันไม่ใช่แค่เพื่อนอีกต่อไปแล้ว เรานอนคุยกันเรื่องต่างๆนานา จะเข็มสั้นของนาฬิกาวนมาที่เลขสอง นี่ก็ดึกเต็มทีแล้วสิตาลุกแล้วเอามือสอดใต้คอฉันเหมือนพยายามประคองให้ฉันลุกขึ้น เธอโน้มหน้าลงมาแล้วบอกกับฉัน "เรารักเธอนะ.." พอจบประโยคสิตาบรรจงบรรจบริมฝีปากของเธอบนริมฝีปากของฉัน มือของสิตาเลื่อนต่ำลงมาปลดตะขอบราสีขาวของฉันหลุดออก ฉันหมดแรงตั้งแต่ที่สิตาจูบแล้วขัดขืนไม่ไหวจริงๆ เธอสบตาฉันด้วยความอบอุ่นมือแผ่วเบาของสิตาเข้ามาในเสื้อของฉันเมื่อไหร่ไม่รู้ โลกแทบหยุดหมุนนี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ยฉันเริ่มตั้งสติได้ ฉันลุกขึ้นผลักตัวสิตาออก"เราง่วงแล้วขอตัวนะ" ฉันพูดผลางลุกขึ้นแยกไปนอนอีกเตียง ฉันล้มตัวลงพร้อมสายตาของสิตาที่เฝ้ามองฉันอย่างผิดหวัง
    อีกครั้งที่สิตาเดินเข้ามาวางนมอุ่นพร้อมคำบอกรักฉัน ขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ เธอทำแบบนี้ทุกครั้งไป ในบางคนอาจคิดว่าสิ่งที่สิตาทำกับฉันนั้นมันน่าขนลุกสิ้นดี แต่ฉันไม่มันทำให้ฉันรู้สึกดีที่มีคนอยู่ข้างๆ
    แม่กับพ่อมารับฉันกลับบ้านในวันปิดเทอม ระหว่างทางพ่อพูดถึงลูกชายของหัวหน้าพ่อ ดีกรีนักเรียนนอกพ่อบอกว่าเขาหน้าตาดี นิสัยสุภาพ หัวหน้าพ่อบอกว่าอยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝากลัวว่าจะเป็นเกย์ เลยมาขอลูกสาวพ่อให้ลูกชาย พ่อเลยตอบไปว่าตกลง หลังจากฉันฟังพ่อสารธยายจบฉันโกรธเป็นฝืนเป็นไฟแล้วย้อนถามพ่อไปว่าเคยนึกถึงหัวใจลูกไหม เข้าใจลูกหรือเปล่า ถามลูกไหมว่าอยากแต่งกับใคร ถามไหมว่าลูกรักใคร ฉันกับพ่อทะเลาะกันยกใหญ่ จนฉันเผลอหลุดปากไปว่าใจฉันนั้นรักสิตา บรรยากาศบนรถมีแต่ความเงียบพ่อไม่ตอบโต้อะไร นี่ฉันพูดอะไรออกไป
    ก๊อกๆ..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูจากด้านนอกฉันภาวนาให้เป็นสิตาเผื่อจะช่วยฉันไขปัญหาชีวิตได้ "อิง อิง เปิดประตูให้แม่หน่อย" เสียงแม่เรียกให้เปิดประตู ฉันเดินไปเปิดให้กับหัวใจที่อ่อนล้า แม่เดินมานั่งที่เตียงแล้วพูดว่า "แม่เข้าใจนะ ว่ารักเป็นยังไง แต่บางทีเราก็ต้องนึกถึงความถูกต้อง" แม่พูดจบแล้วเดินออกไป แม่พยายามจะบอกให้ฉันเลิกรักสิตาเหรอ? ไม่มีทางฉันจะไม่มีวันเริ่มต้นใหม่กับใครแน่
   กลิ่นเครื่องเทศหอมกรุ่นมาจากในครัว เย็นนี้แม่ทำผัดผงกระหรี่ของโปรดของฉันและพ่อ ฉันเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารที่ำ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว "เดี๋ยวเทอมหน้าย้ายออกมานะพ่อดูๆบ้านใหม่ไว้ถูกกว่าห้องเดิมใกล้ ม. กว่าเดิมด้วย" "ค่ะ เดี๋ยวอิงโทรบอกสิตาให้เตรียมย้ายออกนะค่ะ" "ไม่ต้องเดี๋ยวพ่อไปอยู่ด้วย" "พ่อจะไปทำไมหนูอยู่กันได้ไม่ต้องห่วง" "ไม่ก็คือไม่" ฉันไม่รู้ว่าพ่อคิดยังไงแต่พ่อพยายามกีดกันไม่ให้ฉันใกล้สิตา "แม่เข้าใจนะ ว่ารักเป็นยังไง แต่บางทีเราก็ต้องนึกถึงความถูกต้อง" คำพูดของแม่ดังก้องอยู่ในหัว คงถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเลือก
    ปึ้ง !! เสียพ่อปิดประตูเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าให้ออกมาจากบ้านได้แล้ว พ่อคิดเครื่องรุยนต์คู่ใจพร้อมกับคำถาม "เอาของมาครบแล้วหรือยัง ไม่วนกลับมาแล้วนะ" "ค่ะ" ฉันตอบพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า เมจเสจบอกสิตาว่า"ออกมาหรือยัง เราออกจากบ้านแล้วนะ" พ่อขับรถมาส่งจนถึงบ้านหลังใหม่ ฉันยังไม่ได้บอกอะไรกับสิตา "เอาลงรถให้หมดนะ เชคดูด้วย เสร็จแล้วเดี๋ยวไปทานข้าวชวนสิตามาด้วย" เมื่อจบประโยคฉันตื่นเต้นแทบจะกระโดด พ่อชวนสิตาทานข้าว พ่อรู้ว่าเราไม่ใช่แค่เพื่อนกัน เมื่อถึงร้านอาหารสิตานั่งข้างฉันตรงข้ามกับพ่อ ฉันเกร็งไปทั้งตัว เมื่ออาหารมาเสิร์ฟพ่อก็เริ่มเปิดประเด็น "ตารู้ใช่ไหม อิงไม่ได้รักหนูแบบเพื่อน" ใบหน้าขอสิตาดูวิตกกังวล "ค่ะ" เธอตอบพลางพยักหน้าขึ้นลงเหมือนคนหวาดกลัว "พ่ออยากให้หนูอยู่ห่างๆกัน มันไม่เหมาะที่เธอสองคนจะคบกับแบบคู่รัก มันเป็นไปไม่ได้" "พ่อรู้ได้ยังไง เดี๋ยวอิงกับตาจะทำให้ดูเอง" "ถ้าไม่เลิกก็อย่ามาเรียกพ่อว่าพ่อ" ทุกคนต่างเงียบสายตาพ่อและแม่จับจ้องมาที่สิตาและฉัน ฉันเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรให้ความเงียบช่วยบอกพ่อให้เข้าใจว่าการรักใครไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  สิตาลุกขึ้นแล้ววิ่งออกจากร้านไปและไม่ย้อนกลับมา
  ฮะโหล ? เสียงแม่รับโทรศัพท์ "ว่าไงอิงลูก มีอะไรจ๊ะ?""แม่ค่ะลูกต้องทำยังไงลูกอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสิตา""ใจเย็นๆนะลูก พ่อคงไม่ยอมตราบใดที่เรายังชอบผู้หญิงอยู่แบบนี้" ฉันตัดสายไม่อยากฟังเรื่องเดิมซ้ำ ทำไมพ่อไม่เข้าใจ แล้วสิตาหายไปไหน นานแล้วนะนานเหลือเกินที่เธอทิ้งฉันไป จนวัถึงนรับปริญญา ฉันก็ไม่เห็นแม้เงาของสิตา ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหนกัน ติดต่อก็ไม่ได้ บางคนบอกว่าเธอวิ่งร้องไห้ออกไปกลางดึกสงสัยอาจจะโดนฉุด บ้างบอกวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า ฉันเชื่อว่าสิตาดีเกินกว่าจะทำแบบนั้น และฉันก็ยังไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ไร้ซึ่งวี่แววที่เธอจะกลับมา
   ฉันได้มาทำงานที่ต่างจังหวัดพ่อซื้อบ้านจัดสรรไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องหาที่พักให้วุ่นวาย เวลาผ่านไปแผลในใจเริ่มจางลง ฉันนั่งนึกถึงคำพูดของใครบางคนที่ว่า "ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร ตัดใจต้องใช้เวลา" มันคงจะจริง เวลานั้นช่วยสมานแผลใจฉันเริ่มต้นใหม่กับชีวิตที่ไม่มีสิตา ความผูกพันธ์ครั้งนั้นฉันปล่อยให้มันเป็นแค่ฝันไป
    ฉันให้พนักงานติดบอร์ดประชาสัมพันธ์เรื่องการรับพนักงานใหม่หลายอัตราการศึกษาก็คณะเดียวกับฉันมันทำให้ฉันนึกถึงเธออีกครั้ง เช้ารุ่งขึ้นมีชายหนุ่มใส่สูตรดูสุภาพมีการศึกษา เดินมาที่โต๊ะฉันแล้วพูดถึงเรื่องรับสมัครพนักงาน เขาอยากที่จะเข้าทำงานที่นี่ ฉันรู้สึกคุ้นหน้าและเมื่อสบตา ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันคุ้นเคยจนฉันแทบจะลามือจากงานสำคัญนั้นแล้วเข้าไปกอด แต่คงทำไม่ได้ ฉันหยุดฝันแล้วอธิบายเรื่องการสมัครงาน อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเข้าได้เข้ามาทำงานที่นี่สมใจปราถนา เขาเป็นคนดีแลดูใส่ใจทุกคนโดยเฉพาะฉัน ทุกมื้อกลางมักจะชวนฉันไปทานข้าว เอาขนมมาฝาก เข้าทำงานพร้อมๆกัน เลิกงานพร้อมๆกัน จนฉันเริ่มนึกถึงสิตา
  แอ๊ด..เสียงประตูห้องฉันเปิดกว้าง พร้อมร่างชายเอวบางที่หน้าประตูเขานั่นเอง เขาอาสามาดูแลฉันที่บ้านเพราะไม่สบาย ด้วยพิษไข้ทำให้ฉันนอนซมลุกไม่ไหว มือนิ่มทั้งสองของเขาลูบมาที่ใบหน้าฉัน ฉันซบตากับเขาอยู่นาน นานจนทำให้ฉันนึกออกเลยว่าแววตาที่คุ้นเคยนั้น มันคือสิตา ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าต้องใช่สิตา พอฉันเอ่ยปากถามเขากลับเบี่ยงหน้าหนี เขาเปลี่ยนมาเป็นนอนเอนอิงข้างกายฉัน มันถูกแล้ว เขาและเธอ คือคนเดียวกัน สิตาไม่ใช่ผู้หญิงอีกต่อไป แต่อย่างไรใจของฉันมันก็ยังเรียกร้องหาความอบอุ่นจากสิตาแม้ว่าเธอไม่เหมือนเดิม.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่