ประสบการณ์ Half marathon หนแรก กับ Bangkok Marathon

งานวิ่ง Bangkok Marathon ปกติจะเป็นงานใหญ่ประจำปี
ซึ่งคนส่วนใหญ่เอาไว้อัพเลเวลการวิ่งกันที่งานนี้

เราก็คนนึง เลยลง Half มันที่นี่แหละ เป็น Half แรก
คือ จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยากลง Half เพราะวิ่ง 10 โลแล้วก็สบายดีแล้ว
ประมาณว่าร่างกายชิน ทำเวลาได้ดี  Half มันไม่เคยวิ่ง ไม่รู้จะเป็นไง
แต่ใครๆก็บอกว่า ทำได้อยู่แล้ว ไรงี้

เราวิ่งมา 3-4 ปีแล้ว วันละ 5 กิโลเป็นพื้นฐานเกือบทุกวัน
วิ่ง 10 โลเอาตามรายการนี่แหละค่ะ เดือนละครั้ง
วิ่ง 10 โลจะอยู่ที่เพซ 5 ปลายๆ เพซ 6 บ้างถ้าขี้เกียจ

พอตัดสินใจจะลง half ก็อยากได้สับ 2 เลย
เลยซ้อมจะไปสับ 2 แต่ว่าพอซ้อมตามแผนแล้วมันเหนื่อยมาก
คือ เนื่องจากเป็นคนทำงาน เวลามีน้อย ตื่นเช้ามาก็เจอรถติด
ตกเย็นก็ต้องวิ่งอีก เลยตัดสินใจเลิกซ้อมตามแผน
เพราะไม่ไหวจริงๆ ไม่มีเวลาวิ่ง 10 กว่าโลเกือบทุกวัน
สุดท้ายก็ซ้อมไปตามมีตามเกิด
1 เดือนก่อนหน้า ซ้อมสูงสุดก็ 15 โล เสร็จก็เจ็บ ก็แบบ เออ หยุด
หลังจากนั้นก็ไม่ได้วิ่งยาวๆอีกเลย ยาวสุดก็ 12 โลมั้ง
แต่ 5 โลนี่วิ่งได้ ไม่เจ็บ วิ่งเกือบทุกวันกับระยะ 5-8 โล
แบบว่าไม่มีเวลาด้วย ขี้เกียจด้วย เวลาซ้อมมันน่าเบื่อนะคุณ


แต่ก็คิดว่าถ้ามาได้ถึง 15 แล้ว อีก 6 โลนี่คงไปไหว
เพราะตอนซ้อม 15 นี่ก็ยังไม่เหนื่อย ยังมีแรงอยู่

ว่าแล้ววันจริงก็มาถึง เราตื่นตี 2 มาแต่งหน้า



ลิปแดงมาก เพราะว่าหลายครั้งทาลิปสีนู้ดแล้วหน้ามันซีดเวลาออกกล้องอะ

ห้ะ... สามีถาม นี่จะไปวิ่งหรือจะไปทำอะไร

ไปถึงจุดสตาร์ทตอน ตี 3 ครึ่ง เค้าออกตัวตี 4
ไปหาห้องน้ำตามเคย... ครั้งนี้เดินไปเข้าในกระทรวงกลาโหม
โชคดีที่คิวไวมาก เลยได้เข้าเร็ว แล้วก็วอร์มเบาๆ วิ่งมาเข้าจุดสตาร์ท




วันนี้ตั้งใจทำ pace อยู่ที่  6.2 ซึ่งเป็นเวลาที่เราคิดว่า
เราสามารถวิ่งได้ต่อเนื่องสบายๆ
จริงๆแล้วเราสามารถวิ่ง pace 6.0 ต่อเนื่องได้นะ
แต่ว่าก็เผื่อตัวเองไว้หน่อยเพราะว่าไม่เคยไปถึง 21 โลเลย

อย่างไรก็ตามออกตัวมากิโลแรกก็กดไป 6.0 อยู่ดี
แบบมันเป็นเพซปกติที่เราวิ่งซ้อมไง
ต้องชะลอตัวเองลงแล้วบอกว่า อย่าเพิ่งใจร้อน ค่อยๆไป



เส้นทางที่วิ่งก็ออกตัวจากหน้ากระทรวงกลาโหม
วิ่งขึ้นสะพานปิ่นเกล้า ไปขึ้นทางยกระดับลอยฟ้า
วิ่ง Half นี้ดีกว่า Mini ตรงที่คนหยุดเดินตรงสะพานไม่มากเท่า
แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเราได้เปรียบเสมอถ้ามีทางชัน
เพราะเราวิ่งขึ้นทางชันได้ดี ไม่ค่อยกลัว

วิ่งขึ้นไปยังไม่ทันจะกลับตัว พี่เคนย่าไม้หนึ่งก็วิ่งสวนมาแล้ว รีบมาก
เราไปกลับตัวตรงกระทรวงวัฒนธรรม แล้วก็วิ่งไปตามสะพานพระราม 8
เลี้ยวซ้าย ตรงไป ก่อนจะวิ่งตรงไปที่แยกราชวิถี
ประมาณกิโลนี้ปิศาจเริ่มมาหา เป็นเวลาประจำของมัน วิ่งมินิก็มาเวลานี้
คือ จะมาบอกให้เราหยุดเดิน เลิกเหอะ จะวิ่งไปทำไม
แต่เราก็สู้กับปิศาจตนนี้ด้วยการถามตัวเองทุกครั้งว่า
หยุดทำไม เหนื่อยเหรอ ไม่!!
เจ็บเหรอ ไม่!!

เพราะงั้นอย่าหยุด จงวิ่งต่อ แล้วเราจะหันมาโฟกัสเท้าเรา
ปิศาจก็จะหายไป

จุดนี้ตอนผ่านเขาดินนี่จะเป็นลม
คือ เหม็นมาก และไม่รู้ตัวอะไรร้องตลอดเวลา
จนคิดว่าจุดนี้เค้ามีกองเชียร์ด้วยเหรอเนี่ย จริงๆแล้วไม่ใช่

วิ่งรอบสวนจิตรมาออกพระที่นั่ง ก่อนจะวนเข้าราชดำเนินนอก
เลี้ยวขวาแยกผ่านฟ้า ตรงนี้ก็จะไปบรรจบกับเส้นทางนักวิ่งมินิ
ซึ่งตอนเราไปถึงเค้ายังไม่ออกตัวกัน ก็เลยโอเค สบายๆ
วนเข้าไปสนามหลวง อ้อมไปทางวัดโพธิ์ ก่อนจะเข้าเส้นชัย

ตอนถึงกิโลที่ 18 ที่ใครๆบอกว่า ปิศาจจะโผล่ที่กิโลนี้
เราก็แอบกลัวว่า ปิศาจไหนจะมา ปิศาจตะคริวมั้ย หรือปิศาจกำแพง
หรือปิศาจเจ็บ พอเข้ากิโล 18 เราก็เลยตั้งใจวิ่งมาก พยายามไม่สนใจอะไร
ก็ผ่านกิโลนี้ไปได้แบบชิลๆ



ทำเวลาไปได้ 2.13 ชั่วโมง เป็นไปอย่างตั้งใจ
เพราะตั้งใจจะเข้าไม่เกิน 2.15 ชั่วโมง
จริงๆตอนที่กำลังจะเข้าเส้น เราหันไปเห็นป้ายแสดงเวลา
กำลังจะถึง 2.15 ชั่วโมง เราก็สับซะเละ กลัวไม่ทัน
ปรากฏลืมคิดไปว่า เราออกตัวแถวหลัง
เวลา Gun time กับ Chip time มันต่างกันเกือบ 2 นาที

หน้าก็ยังเป๊ะอยู่ อากาศ 26 องศา ไม่ร้อนมาก เหงื่อไม่ออกเยอะเท่างานอื่น
วิ่งแบบนี้น่ะเข้าทาง เพราะเราไม่ชอบแดด

เพซแต่ละช่วงเวลาโอเคนะ ถือว่าเราบริหารเวลาได้ดี
ถ้าใจกล้ากว่านี้อีกนิด คงกดเพซ 6.0  ไปตลอดทาง
แต่ว่ายังใจไม่กล้าพอในช่วงกิโลแรกๆ
เลยพยายามประคองให้มันอยู่ที่ 6.2 ให้ได้
สุดท้ายแล้วดันมีแรงเหลืออยู่อีก
คิดว่าถ้ามีรอบหน้าคงกล้ากดไปที่ 6.0 และเข้าให้ได้ก่อน 2 ชั่วโมงให้ได้

สุดท้ายเข้าลำดับที่ 36 ในแคท ก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
แต่ก็ถือว่าเป็นงานแรก วิ่งเอาประสบการณ์
งานหน้าน่าจะวิ่งได้เร็วกว่านี้

ร่างกายหลังวิ่ง half ตอนนี้ก็มีแค่อาการปวดเมื่อยเท่านั้น
ไม่มีอาการเจ็บ ซึ่งดีมาก คิดว่าเล่นโยคะสักวันสองวันก็น่าจะหายแล้ว
เราชอบอาการปวดเมื่อยแบบนี้นะ มันรู้สึกว่าได้สร้างกล้ามเนื้อใหม่สักที
หลังจากที่หลังๆขี้เกียจ ไม่ได้ออกกำลังกายเยอะ ไม่ค่อยเจออาการปวดเมื่อยเลย

ระหว่างทางเรามีอาการเจ็บหัวไหล่ เกิดจากการนอนทับแขนตัวเองมาก่อนหน้า (เอิ่มม..)
แล้วพอวิ่งๆไปได้สักสิบโล มันก็ระบมขึ้นมา คือ มันปวดเมื่อยเลยล่ะ
ใครที่วิ่งตามหลังมาจะเห็นนางคนนี้วิ่งชูแขนขึ้นๆลงๆตรงสวนจิตรตลอดเวลา
วิ่งๆไประหว่างทางก็นึกว่ายังไงดีเนี่ย ถ้าไม่ทำอะไร วิ่งเสร็จต้องเจ็บแน่นอน
แล้วมันจะเรื้อรังไปอีกหลายวัน ระหว่างนั้นก็นึกได้ว่า
ตามจุดให้น้ำเค้าจะมีจุดปฐมพยาบาลด้วย ตอนนั้นคิดว่า เออ ขอสเปรย์เค้าฉีดไหล่ดีกว่า
แต่พอไปถึงมันไม่มีสเปรย์ มันมีแต่น้ำมันมวยในขวด กับอะไรไม่รู้ขาวๆในกะละมัง
เราไม่อยากเสียเวลา เลยกดน้ำมันมวยมาทาไหล่แล้ววิ่งต่อ
ปรากฏว่า หายอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่เหลืออาการปวดตลอดเส้นทางที่วิ่ง
และกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังไม่ปวดเลยด้วยซ้ำ หายขาดไปเลย

ชีวิตนี้ไม่เคยใช้น้ำมันมวยมาก่อนเลย ไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้

สรุปงานนี้ถ้าเป็นนักวิ่งก็ควรมาวิ่งสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ให้รู้ว่างานวิ่งที่เรียกว่าเป็น 1 ในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยเป็นยังไง
ผู้จัดก็พยายามจัดให้ดีแล้ว แต่ว่าคนมันเยอะมาก
จนสุดท้ายแล้วก็บริการได้ไม่ทั่วถึง
โดยเฉพาะคนที่วิ่งช้าๆ มาท้ายๆ ก็จะลำบากมาก

ความโชคดีของเราคือ เราวิ่งเร็ว เราเลยไม่ต้องเผชิญกับ น้ำหมด เกลือแร่หมด เหลือแต่น้ำแข็ง แก้วหมด
ต้องหาซื้อน้ำกินเอง หรือว่าปวดท้องเข้าห้องน้ำที่ต้องหาห้องน้ำเข้าเอง
ตอนเราวิ่งอยู่แถวๆวัดบวรฯ ก็ได้ยินเค้าว.กันบอกว่า น้ำบนสะพานพระรามแปดหมดแล้ว
ตอนนั้นก็ไม่คิดว่า หมดแล้วหมดเลย คิดว่าเค้าคงไปเติมน้ำให้แหละ
เพราะคนวิ่งระยะไกลๆนี่มีปัญหานะคะ ยิ่งวิ่งมากยิ่งขาดน้ำไม่ได้

ปีที่แล้วตอนลงมินิ ตอนที่มาถึงจุด start แล้วเจอคนวิ่ง half วิ่ง full
เค้าวิ่งเสร็จกันแล้วก็รู้สึกว่า amazing มาก ทำได้ไง
ปีนี้เราก็เป็น 1 ในนั้นที่เข้ามาตอนที่เค้าปล่อยตัวมินิพอดี
แสดงว่ามันก็ไม่ยากเกินความสามารถ

วิ่งเสร็จก็ได้คุยกับสามีว่า จริงๆแล้วการวิ่งนี่มันเป็นเรื่องของใจ
ร่างกายฟิตซ้อมระดับหนึ่ง คือ ก็ควรจะซ้อมนะคะ ให้ฟิต ให้ไหว
แต่ว่าพอถึงเวลาลงวิ่งแล้ว ส่วนที่จะพาเราไปจนถึงเส้นชัยน่ะ
มันคือ ใจล้วนๆ ถ้าเราถอดตั้งแต่เจอปิศาจตัวแรก
เราก็จะถอดแบบนี้ไปเรื่อยๆ จิตใจไม่มุ่งมั่นเพียงพอ
แต่ถ้าเราเคยเอาชนะมัน เราก็จะเอาชนะมันได้เรื่อยๆ

ป.ล. คือ อุตส่าห์แต่งหน้าสวย แต่ขอบอกว่า ไม่ค่อยได้เจอกล้องเลย
เพราะว่าวิ่งอยู่คนละเลนกับกล้องตลอดๆ พยายามวิ่งเข้ากล้องแล้วนะ ฮือ เสียใจ

https://www.facebook.com/ihealthdiary
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่