แพนิค,ซึมเศร้า โรคที่ฉันเป็น เรียนรู้ที่จะอยู่ที่จะสู้พร้อมหาทางออก

ยาวหน่อยนะคะ เราพิมพ์ในมือถือถ้าเขียนไม่ถูกหรือผิดพลาดอะไรขอโทษด้วยนะคะ
ปล.เราพึ่งตั้งกระทู้แรก อาจจะแท็กห้องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
.....เริ่มเรื่องมาเราขอเล่าเรื่องตั้งแต่ในอดีตเลยนะคะเรามีพี่1คนพวกเราเกิดมาในครอบครัวที่พอมีพอกิน ตอนเด็กๆเราถูกเลี้ยงด้วยไม้คะ ไม้ทุกประเภทอาวุธทุกประเภทเลย โดนตีทุกวันก็ว่าได้ เมื่อก่อนแม่เราเป็นคนไม่มีเหตุผล ทำอะไรหน่อยก็ตีก็ด่าบางแทบทุกวันเวลาแม่กลับมาจากที่ทำงานแม่เราจะเอามาระบายที่บ้านเรากับพี่เลยซวยไปตามระเบียบ (พ่อเราก็ห้ามแม่ไม่ได้เพราะพ่อกลัวแม่) มันเลยทำให้เราเก็บกฎเครียดชอบปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียว เวลาไปเรียนเราก็จะเงียบๆเก็บตัว เราเร่ร่อนไปบ้านญาติเราหลายที่เพราะเราไม่อยากกลับบ้าน เราเคยหนีออกจากบ้านโดดเรียนตอนป.หก เราทำทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นอิสระ จนขึ้นม.ต้นเราไปอยู่บ้านป้าเพราะเราอยู่กับแม่ไม่ไหว เราเริ่มเป็นไมเกรนและโรคซึมเศร้าเราอยากฆ่าตัวตายมาก เห็นตึกแล้วอยากกระโดดลงไป เรามีอาการเหม่อลอยชอบอยู่คนเดียวหนีโลกภายนอก เราชอบเอาตัวเองไปแอบอยู่ในที่มืด เงียบๆแคบๆหรือที่ที่เราคิดว่าจะไม่มีใครตามเราเจอ พอขึ้นม.ปลายโรคซึมเศร้าก็เพิ่มมากขึ้น เราแถบไม่อยากกลับบ้าน ไปบ้านเพื่อน เลิกเรียนไปเที่ยวพอดึกๆรอคนหลับค่อยกลับ เราขังตัวเองแต่ตอนนั้นไม่มีใครรู้หรือเข้าใจเราเลยว่าเราเป็นอะไร คนรอบข้างตัวชอบมาด่าว่าเรา ทำตัวเหมือนเด็ก เราต้องแอบไปร้องให้คนเดียวบ่อยๆ เราเป็นคนคิดมากๆๆ มากที่สุดทุกเรื่องเราเก็บไปคิดหมด พอเราขึ้นมหาลัยเราย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัวค่ะ ตอนนั้นเราเริ่มเป็นโรคแพนิคคะ ตอนนั้นทรมาณมากเหมือนคนไกล้ตายเราไปหาหมอตรวจสมอง ตรวจคลื่นหัวใจ เราก็ไม่เป็นอะไรแต่พอลองเข้ามาหาในเนต เราจึงรู้ว่าอาการเราคือแพนิค ช่วงนั้นเราก็เครียด เพราะเราไปบอกใคร ไม่มีใครรู้จักสักคนเลย เราเครียดมากเครียดจนร้องให้เครียดมากๆ ตอนนั้นเราเป็นทั้ง2โรคเลย เเต่ตอนที่มีเรื่องเครียดก็มีเรื่องที่ดีเข้ามา แม่เราไปเปลี่ยนไปคะ(จากการช่วยพูดของญาติ)แม่กลายเป็นคนที่เรารักมากที่สุด แม่ดีกับเราให้กำลังใจเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยคะ แต่ตอนนั้นเราก็ยังมีเรื่องให้คิดเรื่องให้เครียดอีกเราเริ่มไปพบจิตแพทย์ ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ภาระมากขึ้น ตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวเลยว่า เราอยู่ไปก็เป็นเหมือนภาระ ร้องให้ทุกวัน ท้อแท้กับชีวิตมาก อยากตายๆไปให้พ้นๆ เราไม่อยากให้คนมาเป็นห่วงเรา สนใจเรื่องเราเพราะเรากลัวพวกเขาจะเบื่อ รำคาญเรา บอกเลยตอนนั้นเครียดสุดๆไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วเราเริ่มหาวิธีฆ่าตัวตาย เราเริ่มหาอ่านข้อมูลในเนต เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอะไรที่หดหู่ๆเราชอบมากรู้สึกมีเพื่อน อ่านแบบติดทุกวันเลยค่ะ วางแผนการฆ่าตัวตาย แต่!! มันมีเรื่องที่ทำให้เราเลิกคิดเรื่องฆ่าตัวตายคะ เพราะแม่ครอบครัว และเพื่อนสนิทเราค่ะคือเขาไม่ทิ้งเราเลย เขาอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะทุกข์หรือมีความสุข เราจึงรู้สึกดีขึ้นมาสักพักนึง  ตอนที่เราพบจิตแพทย์นั้นเราพบที่คลีนิกเอกชนคะซึ่งเขาให้คำปรึกษาดีมากแต่ราคาคำปรึกษากับค่ายาก็แพงลิบลิ่วเลยค่ะ เราจึงย้ายไปหาหมอที่รพ.รัฐค่ะ คือศรีธัญญนั้นเองพูดไม่ผิดหรอกคะ รพ.นี้จริงๆวันแรกที่เราไปเรากลัวมาก คิดเหมือนในละครไทยนะคะว่าต้องมีคนจิตไม่สมประกอบเดินทั่วไปเต็ม รพ.แต่พอไปถึงผิดคลาดคะ เพราะใน รพ.มีแต่ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายเรา เขาปรกติเหมือนเรา ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดคะ เหมือน รพ.ทั่วๆไปค่ะ เปลี่ยนทัศนคติใหม่ไปเลยคะ(พวกผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตรุ่นแรง เขาจะมีตึกแยกออกไปค่ะไม่มีมารวมนะคะ) ตอนนั้นเรารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึงเพราะเรามีคนที่เป็นคล้ายๆเราเยอะนะไม่ใช่แค่เราคนเดียว เราก็เข้าพบหมอตรวจได้ยากลับไปกินบ้านค่ะ แต่เราดันไม่เหมือนคนอื่นเขาค่ะเพราะเรามีอาการดื้อยาทั้งๆที่ไม่เคยกินมาก่อน เราจึงต้องเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆ(ปัจจุบันเราก็ยังดื้อยาอยู่คะ) ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นเรื่อยๆเราเริ่มเครียดค่ะ เครียดอีกแล้วภาระค่ะ เราไปเป็นภาระให้คนอื่นอีกแล้ว ร้องให้ทุกวันนอนไม่หลับเบื่ออาหาร จนน้ำหนักเราลดไปตั้ง8โล/1เดือน ทรมานคะทรมานมาก กินอะไรไม่ได้ทำอะไรไม่ได้ และมีอาการอีกอย่างนึงที่เราเป็นไม่หายจนถึงปัจจุบันคืออาการใจสั่นคะ ทุกร่างกายสั่นหมด จับอะไรนิ่งๆไม่ได้ ทำของหก ขี้ลืมด้วยค่ะ การใช้ชีวิตประจำวันผิดพลาดไปหมด จากที่เคยแข็งเเรงทนทาน ก็กลายเป็นคนอ่อนแอไป คิดดูนะค่ะว่าเหมือนมีสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดแต่ทุกวันนี้เรากลับทำมันหายไป มันเครียดคิดมากสุดๆค่ะ เราจะทำอะไรพอคนอื่นเห็นเรามือสั่นเขาก็กลัวเราแล้วไม่อยากให้เราทำอะไร เครียดอีกแล้วค่ะ และทุกวันนี้เราก็ยังไม่หายจากโรคพวกนี้ค่ะ
แต่การที่เราได้เป็น2โรคนี้ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวนะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติพี่น้องทำให้เรารู้เลยว่า พวกเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเราเลยค่ะซึ่งเราไม่สามารถหาได้ ,การปลงค่ะ ปลงในชีวิตค่ะ เราคิดว่าคนเราเกิดมาก็ต้องมีเจ็บใข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดาค่ะทุกวันนี้เราจึงใช้ชีวิตให้เต็มที่เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน,ต่อไปการสังเกตุพฤติกรรมค่ะ เราเริ่มสังเกตุพฤติกรรมคนรอบตัวค่ะ แล้วเราจะนำความผิดมาเป็นข้อโต้แย้งในตัวเองว่าเราจะไม่ทำแบบนี้ค่ะ เหมือนเป็นการเรียนรู้ชนิดนึงที่หาจากในห้องเรียนไม่ได้ ทุกวันนี้เราพยายามหาทางในการรักษาโรคนี้ด้วยตนเองค่ะ หาไปเรื่อยๆเราคิดว่าสักวันต้องเจอทางออกอย่าหมดหวังไปง่ายๆ
....จากที่เราเป็นโรคนี้นะค่ะมันได้สิ่งกลับมาทั้งดีและไม่ดีค่ะแต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำข้อไหนมาทำตามแค่นั้นค่ะ
...สุดท้ายนี้ถึงเราจะยังไม่หายดี เราอาจยังเจอเรื่องเครียดๆอยู่ทุกวัน แต่เราเชื่อว่าเราต้องมีทางออกและเราก็เชื่ออีกว่า คนอื่นที่เป็นอีกหลายๆคนก็คนเครียดไม่ต่างจากเรา แต่เราขออย่างนึงอย่าพึ่งยอมแพ้และหมดหวัง พวกเราจะเดินไปด้วยกันค่ะ เราจะจับมือกันเพื่อหาทางออก เราจะอยู่เคียงข้างกันไม่ทิ้งกัน มาร่วมเดินไปกับเราสิค่ะ"
.....ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน หรือนำเรื่องของคุณมาแชร์ให้เราอ่าน เพื่อที่เราจะมาช่วยกันแก้ปัญหากันนะค่ะ......
เรียนรู้ที่จะอยู่และสู้มัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่