ประเทดไหนเป็นเผด็จการมากสุดในอาเซียน

เรามาลองใช้เกณฑ์วัดแบบเป็นมาตรฐานดีกว่า

อันนี้ลองมาใช้  Democracy index  ปี 2012 (ปีอื่นหาไม่เจอ)   http://pages.eiu.com/rs/eiu2/images/Democracy-Index-2012.pdf

ที่วัดดัชนีความเป็นประชาธิปไตยโดยใช้เกณฑ์ดังต่อไปนี้

1. กระบวนการเลือกตั้งและความเป็นพหุลักษณ์

2.บทบาทและหน้าที่ของรัฐบาล

3.กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมือง

4.วัฒนธรรมทางการเมือง

5.สิทธิและเสรีภาพของพลเมือง

อันนี้เป็นการวิเคราะห์โดยผมเองโดยใช้อันดับและเกณฑ์ข้างบน ยิ่งอันดับต่ำก็ยิ่งเข้าเกณฑ์เผด็จการมากที่สุด

ถ้าเอาเฉพาะในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

1. ลาว มีการปกครองแบบเผด็จการพรรคการเมืองเดียวอยู่ในอันดับ ต่ำที่สุดคือ   156   แสดงว่าเป็นเผด็จการมากที่สุดและไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอันดับสูงกว่านี้เพราะการเมืองค่อนข้างหยุดนิ่ง

2.พม่า มีการปกครองแบบเผด็จการทหาร ดีขึ้นมาคืออันดับที่  155 ถ้ามีการสำรวจในปี 2014 อันดับน่าจะดีขึ้นบ้างเพราะเปิดประเทศ มีเสรีภาพมากขึ้น

3.เวียดนามอันมีการปกครองเผด็จการพรรคการเมืองเดียว อันดับที่ 144 อันดับในปี 2014 น่าจะคงที่

4.กัมพูชามีการปกครองแบบประชาธิปไตยเทียม พรรคของฮุนซุนผูกขาดอำนาจ อันดับ 100 อันดับในปี 2014 อาจดีขึ้น เพราะฝ่ายค้านเริ่มมีบทบาทมากขึ้น คนกัมพูชามีสิทธิและเสรีภาพพอสมควร (ดูได้จากการประท้วงบ่อยครั้ง)  ต้องดูต่อไป

5. สิงคโปร์ มีการปกครองแบบเผด็จการพรรคการเมืองเดียวผสมระบบระบข้าราชการนิยม  อันดับ 81 อันดับในปี 2014 น่าจะคงที่

6.ฟิลิปปินส์มีการปกครองแบบประชาธิปไตยเสรีนิยมแต่ฉ้อราษฎรบังหลวงมาก วัฒนธรรมเจ้าพ่อท้องถิ่นสูง อันดับ 69   อันดับในปี 2014 น่าจะคงที่ยกเว้นประธานาธิบดีอาควิโนคิดจะแก้รัฐธรรมนูญให้ตัวเองอยู่ต่อได้อีกสมัย (ปกติสมัยเดียว สมัยละ 6 ปี) คะแนนคงตก

7. มาเลเซีย มีการปกครองแบบประชาธิปไตยเทียม พรรคการเมืองเดียวกึ่งผูกขาด กฎหมายจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมาก มีการเล่นงานฝ่ายค้านโดยใช้กฎหมายล้าสมัย อันดับ 64  อันดับในปี 2014 น่าจะคงที่

8.อินโดนีเซีย มีการปกครองแบบประชาธิปไตยเสรีนิยม แต่การฉ้อราษฎรบังหลวงสูง ชนชั้นปกครองยังอยู่ในยุคซูฮาโต  อันดับ 53  อันดับในปี 2014 น่าจะดีขึ้นเพราะนายโจโค วิโดโด ซึ่งเป็นพ่อค้าขายเฟอร์นิเจอร์มาก่อนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี อินโดนีเซียพ้นจากเงาของซูฮาร์โตไปบ้าง แต่ต้องดูระยะยาวว่าเขาจะแก้ไขปัญหาการฉ้อราษฎรบังหลวงไปได้ไหม

9.ติมอร์ เลสเตมีการปกครองแบบประชาธิปไตยเสรีนิยม มีการเลือกตั้งเสรี แต่ก็มีการฉ้อราษฎรบังหลวงมาก ประชาชนยังยากจน ข่นแค้น แต่อยู่ในอันดับ  43 อันดับในปี 2014 น่าจะคงที่

10.บรูไน มีการปกครองแบบระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช แปลกมาก The Economist ไม่ยอมสำรวจ ให้เดา อาจจะอยู่ตรงกลาง ๆ เพราะแม้ไม่มีการเลือกตั้ง แต่ประชาชนก็มีสิทธิและเสรีภาพในระดับหนึ่ง อันดับในปี 2014 อาจลด เพราะกษัตริย์นำเอากฎหมายชารีอะห์มาใช้อันเป็นการริดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยเฉพาะชนกลุ่มน้อย

11. สำหรับประเทศเจ้าปัญหาคือไทย ในปี 2012 อยู่ในอันดับที่ 58 สูงว่ามาเลเซียแต่ต่ำกว่าอินโดนีเซีย  ถ้ามาจัดอันดับในปี 2014 ภายหลังการทำรัฐประหารเดือนพฤษภาคมคงร่วงลงมาอยู่อันดับต่ำกว่า 100 ยิ่งกว่ากัมพูชา

สาเหตุเพราะไม่มีการเลือกตั้ง การปกครองเป็นแบบรัฐบาลทหาร  แต่ประชาชนก็ยังมีสิทธิและเสรีภาพ มีส่วนร่วมทางการเมืองพอสมควร แต่ก็ถูกจำกัดและขุ่มขู่กองทัพอยู่เรื่อยๆ ผ่านกฎอัยการศึก นอกจากนี้ยังมีจุดด่างพร้อมคือปัญญาชนที่ต่อต้านรัฐประหารหนีไปลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศกันมาก แม้รัฐบาลและพวกชื่นชอบทหารจะมีข้อแก้ตัว แต่ต่างชาติก็ยังสงสัย  รวมไปถึงกฎหมายอาญามาตรา 112 สำหรับพวกอนุรักษ์นิยมเห็นว่าจำเป็น แต่สำหรับตะวันตกที่ทำการสำรวจเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งน่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยอยู่ในอันดับประมาณ 50 กว่ามาหลายปี ยิ่งคสช.ใช้กฎหมายฉบับนี้เล่นงานปรปักษ์ทางการเมืองเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งได้คะแนนต่ำลง

สำหรับแบบเรียนดังที่เจ้าของกระทู้บอกเป็นรูปแบบในประวัติศาสตร์ที่เรียนกันตามแบบ The Great man theory หรือเชิดชูบุคคลซึ่งน่าจะเข้าข่ายในเรื่องการเรียนรู้ทางสังคมและวัฒนธรรมทางการเมือง ซึ่งมีส่วนทำให้การเคารพความหลากหลายทางความคิดแบบประชาธิปไตยต่ำ คะแนนความเป็นประชาธิปไตยน้อยลง แต่ปัญหาก็เหมือนกับที่ใครหลายคนบอกว่าประเทศในอาเซียนหรือเอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่นก็มีแบบเรียนชาตินิยมแบบนี้กันมากเพื่อเสริมสร้างลัทธิชาตินิยมซึ่งไม่อยู่ในโครงสร้างประชาธิปไตย ดังนั้นแม้จะเป็นตัวแปรแต่ก็ไม่ทำให้ไทยแตกต่างจากชาติอื่นในอาเซียนนัก