หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] พาสังขารไปอัพเลเวลที่ ม่อนทูเล-ม่อนคลุย จ.ตาก
กระทู้รีวิว
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เดินป่า
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ทริปถ่ายรูป
สืบเนื่องจากเมื่อต้นปีได้มีโอกาสพา สาระสังขาล ไปวัดมาที่เขาช้างเผือก แบบโดดเดี่ยว เมื่อปลายปีที่แล้ว
http://pantip.com/topic/31461144
มาในห้วงช่วงเวลานี้ประสบโอกาสที่เหมาะสมทั้ง อารมณ์ ความรู้สึก และร่างกาย หลังจากได้ฟิตร่างกายมากว่า 4 เดือน ได้น้ำหนักที่ลดลง ได้ความอึดมากขึ้น จึงตัดสินใจเข้าร่วมทริปนี้
"หุบเขาสีทอง ม่อนทูเล-ม่อนคลุย 7-9 พ.ย. 2557"
Edit : ว๊าบบบ เอาวีดีโอมาแปะค่ะ ถ่ายทำจากมือถือ เลยอาจจะเป็นอะไรที่... ไม่สวยเท่าไหร่
โดยจุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากพี่สาวที่น่ารัก ที่เราได้มีโอกาสไปรู้จักกันจากการเดินทางไปเขาช้างเผือกเมื่อทริปที่แล้ว ได้ส่งตารางนี้มาให้ดูค่ะ
แล้วพบว่า โอ้ว..... เขาช้างเผือกที่ยุ้ยแทบจะลากเลือดด ยังแบบว่า เบบี้ เมื่อเทียบกับอันนี้ และได้มีโอกาสศึกษาจากรีวิวหลาย ๆ อันก็ เอาล่ะ ต้องจัดซะหน่อยแบบก้าวกระโดด
จึงตัดสินใจเข้าร่วมทริปค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยทริปนี้ใช้บริการของ trekking tour
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวกับทัวร์แบบนี้เพราะส่วนใหญ่ขับรถไปเอง ฉายเดี่ยวตลอด เลยเกร็ง ๆ ว่า จะทำให้ใครเดือดร้อนไหม 55+
เริ่มเดินทางออกจากกทม. ณ สำนักงานด้วยรถตู้ค่ะ ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 9 คน คือ ลูกทริป 8 คน และ staff 1 คนค่ะ ที่สำคัญเป็นหญิงเกือบล้วนเพราะมีน้องชายหลงมา 1 คนค่ะ เลยขอตั้งชื่อทริปนี้ว่า
"คนแคระ กับสโนว์ไวท์ทั้งเจ็ด"
หลังจากหลับฝันแบบโดนบังคับกันไปตลอดทางเพราะทั้งเลี้ยวทั้งโค้ง มันช่างมากมายเหลือเกิน สรุปคือ เลือกที่จะกินยาค่ะ เพื่อให้หลับ ๆ มาเช้ากันอีกทีที่ อบต. ท่าสองยาง จ.ตากเรียบร้อย ก็ราว ๆ 6 โมงเช้าได้ค่ะ ก็ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปยัง จุดปล่อยตัว 555+
ณ จุดปล่อยตัว เราเริ่มเดินทางกันประมาณ 9 โมง 9 นาที (มีน้องอีกคนบอกเวลามา) ก็คือต้องเดินผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน ซึ่งตอนที่เราไปมีฝนพร่ำลงมานิดหน่อยช่วงเช้า อากาศเลยเป็นอาการฟ้าหลังฝนค่ะ ไม่ใช่สดชื่นนะค่ะ แต่ ชื้น แฉะ และ อ้าว ๆ นิดหน่อยค่ะ และพอเริ่มสายก็จะมีแดดใส ๆ ที่ไม่ได้ผ่านก้อนเมฆ (เอาง่าย ๆ คือร้อนนนนน)
ภาพบรรยากาศก็ประมาณนี้ค่ะ
หลังจากตัดผ่านทุ่งนาของชาวบ้านมาเรียบร้อยก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเดินทางแล้วค่ะ
ผ่านลำธารเล็ก ๆ ที่มองไปข้างหน้าเริ่มเห็นเป็นป่านิด ๆ
แล้วก็กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (แต่เครื่องกีดขวางที่สำคัญที่สุดคือ อุจจาระน้องบัฟเคอะ)
มาดูสาว ๆ แต่ละคนกับท่าข้ามเครื่องกีดขวางกันค่ะ
จากนั้นก็มุ่งหน้าข้ามสะพานไม้เพื่อเข้าสู่เขาล่ะค่ะ
ทริปนี้เราใช้ลูกหาบจำนวน 4 คนค่ะ เพื่อแบกสัมภาระของลูกทริปรวมถึงของยุ้ยด้วย เพราะจากเขาช้างเผือกประสบการณ์มันบอกว่า ถ้ายังไม่แน่จริงอย่าเชียวนะ อย่าริแบกเป้ขึ้นไปเอง เพราะสุดท้ายแล้ว แค่น้ำขวดเดียวก็เป็นปัญหากับชีวิตค่ะ แต่ก็มีสโนว์ไวท์ถึง 2 นาง และ คนแคระ ที่ยินดีแบกเป้ขึ้นไปเอง
ผมนี่ กราบเลย
.... พวกคุณแน่มาก มันจะเป็นโปรเจคต่อไปถ้าผมเทิร์นโปรเมื่อไหร่จะแบกเอง 55+
เหมือนกับว่าอาจจะเพ่งเปิดฤดูกาลหรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะว่าทางเดินยังไม่ชัดมากในบางช่วง ต้องเดินทิ้งช่วงห่างให้เห็นกันพอสมควร เพื่อป้องกันการเดินออกนอกเส้นทางค่ะ การเจอป้ายแต่ละป้าย บางทีก็เรียกได้ว่า หลุดรอดสายตา เพราะว่าป้ายเล็กบ้างอะไรบ้าง
แต่ที่ปวดใจที่สุดคือ ป้ายนี้ค่ะ ที่เค้าให้เราสามารถโทรหาเค้ากรณีฉุกเฉินได้ มันดีมากนะค่ะ ยกเว้น โทรศัพท์เรานี่ล่ะค่ะ ที่มันไม่มีสัญญาณณณณณณ ว๊ากกกกกกกก (ยินดีด้วยกับชาว ทรู และ จีเอสเอ็ม เพราะ ดีแตก ของข้าพเจ้า หายตั้งแต่อยู่ในรถตู้ล่ะค่ะ)
ทางในช่วงแรก (ย่ามใจ) คิดว่าไม่ยากมาก เพราะว่าอาจจะยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ จะเป็นทางลาดแต่มีความตั้งขึ้นประมาณ 30-40 องศา นะค่ะ และพอถึงบางช่วงก็จะเจอพันธุ์ไม้ที่แปลกตา (สำหรับคนไม่ค่อยเข้าป่าอย่างเรา) ให้เก็บภาพประทับใจกันตลอดทาง จนลืมไปว่า แบตกล้องมีจำกัดเพราะเอาไปก้อนเดียว เง้ออออ (สำหรับใครชอบถ่ายรูปแนะนำว่าเอาไปหลายก้อนหน่อยค่ะ) แต่ก็ต้องไม่เพลินจนเกินไปเพราะว่าอาจจะถูกทิ้งช่วงห้างกับเพื่อน ๆ ได้นะค่ะ
อารมณ์คือ พอขึ้นไปจนถึงบนสุด ก็จะพบทางราบให้พักน่อยประมาณ 20 เมตรได้ จากนั้นก็ ลงไปให้สุดค่ะ
จากนั้นก็ขึ้นสุดกันอีกจร้า การใส่เสื้อผ้าสีสดใส ช่วยได้หลายเรื่องค่ะ เช่น ถ่ายรูปสวย , เป็นจุดสังเกตุให้เพื่อน ๆ ดังนั้น สดเข้าไว้ไม่ต้องเกรงใจประชาชีค่ะ
เราขึ้นสุด........... และ ลงสุด........ กันไม่ต่อกว่า 4-5 ครั้ง จนใกล้เที่ยงจึงได้แวะที่ลำธารเล็ก ๆ เพื่อรับประทานอาหารที่ทางทีมงานจัดไว้ให้ค่ะ และแวะพักเติมน้ำดื่มจากที่แบกขึ้นกันมาคนละ 2-3 ขวด จากลำธารตรงนี้เลยค่ะ น้ำสะอาดจนดื่มได้ โอ้วววว.... มิเนอรัลล ม๊วกกก
เริ่มจะเบื่อการถ่ายภาพเพราะว่ามันแบบว่าเหนื่อยๆๆๆๆๆ... จนมาถึง ป้าย ยินดีต้อนรับ
ห๊ะ อะไรนะ ตอนไปเขาช้างเผือก จากป้ายยินดีต้อนรับต้องไปอีกไกลนะ โอ้ววววว นี่มันอะไรกัน หลายคนถึงกะจิ้นไปว่า แต่ก็ยังพอดีข่าวดีว่า จากป้ายนี้ไป ขึ้นไปสุดและลงมา ก็เจอแค้มป์ เราแล้วค่ะ เย้ ๆ ๆ ๆ
เมื่อไปถึงแค้มป์ ก็กางเต้นท์นู้นนี่นั่น ปาเข้าไป ก็จะห้าโมงแล้วค่ะ ลำธารมีน้ำใสไหลเย็นๆๆๆมากๆๆ ผ่านค่ะ เลยแบ่งเป็นสองช่วง คือลำธารที่ใช้ปรุงอาหาร ต้นสาย ก็จะใช้ material จากตรงนี้เป็นแหล่งบริโภคค่ะ ข้าพเจ้าก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขออนุญาต ชำระล้างร่างกายก่อนค่ะ เพราะได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าพรุ่งนี้เย็นจะไม่มีที่ให้อาบน้ำ... จากนั้นก็ประกระแจะหน้าขาว เตรียมตัวไป ซิลฟี่ กะพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินที่ยอดดอยค่ะ
แต่ด้วยความโง่เขลา เบา ปัญญา จึงเตรียมกางเกงขายาวมาไม่พอ เหลือแต่ขาสั้นจร้าที่ตั้งใจจะเอามาไว้ใส่สำรอง เลยก็ต้องตามน้ำ สั้น ๆ ก็คือสั้น เพราะทนใส่กางเกงเก่าไม่ไหวล่ะ มัน แบบว่า .... นะ เลยเอานู้นนี่นั้นมาสวมกันไปกลายเป็นชุด ห๊ะ อะไรก็ไม่รู้ แต่เอาเป้นว่า หนู๋มั่นใจ (เค้าบอกว่าเราเป็นสาว ฮาราจูกุ) และได้เก็บภาพช่วงพระอาทิตย์ยามเย็นมาฝากตามนี้จร้า (กล่าวถึงอากาศว่า มันเย็น แต่ยังไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ค่ะ น้ำค้างค่อนข้างดุ พอสมควร)
และนี่คือ ชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเรา หรือ คนแคระ ตามท้องเรื่อง อิอิ ซึ่งมีแต่เราที่สามารถถ่ายซิลฟี่กะเค้าได้ ว่ะ 5555
ตามด้วยเหล่า สโนว์ไวท์
จากนั้นก็รับประทานอาหารร่วมกันค่ะ โดยค่ำคืนนี้มีหลายอย่างให้กินเลยจากทีมงาน คือตอนนี้ อะไรก็อร่อยหมดค่ะ
มื้อนี้มี ยำปลาทูน่า ปลาทอด ลูกชิ้น ผัดผักเห็ด มันต้มขิง มีอีกอย่างจำไม่ได้
จากนั้นก็เข้านอนเพื่อที่เช้าจะเริ่มเดินทางสู่ ม่อนคลุยกันค่ะ
สำหรับม่อนทูเลนี้ เป็นอะไรที่โหดพอสมควรค่ะ สำหรับยุ้ย แต่ส่วนตัวประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งคือ เมื่อตอนเขาช้างเผือกที่ว่าง่าย เราทั้งเป็นตะคริว ทั้งคลานขึ้น เป็นตัวถ่วงของกลุ่ม ทำให้มีอาการท้อแท้ในบางครั้ง แต่รอบนี้ บอกได้เลยค่ะว่า เป็นหนังคนละม้วนกันเลย ยุ้ยเดินได้มากขึ้น อยู่ในกลุ่มที่ไม่รั้งท้าย ตามทันคนอื่นแล้ว เพ่งจะตะหนักได้ว่า การออกกำลังกายเนี่ยเป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ ร่างกายเราพร้อมมากขึ้น เรากล้าที่จะใช้ร่างกายมากขึ้น เดี๋ยวมาต่อกับม่อนคลุยค่ะ ตัวอักษรเต็ม....
ชื่อสินค้า:
ม่อนทูเล, ม่อนคลุย, ดอยทูเล, ดอยคลุย, ม่อนทุลักทุเล, ตาก
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
[3วัน2คืน] ผิงไฟใต้แสงดาว ณ ม่อนทูเล - ม่อนคลุยหลวง
ถ้ามีคนถามว่า “ถ้าวันนึงอยากเดินเข้าป่า(ในไทย) จะนึกถึงที่ไหนกัน?” คนที่ชอบเดินป่าแบบเบาๆ อาจจะนึกถึง : ภูกระดึง เขาช้างเผือก เขาใหญ่ ส่วนคนที่ชอบความท้าทายขึ้นมาหน่อย เดินพอได้เหงื่อ อา
Palmography
เที่ยวม่อนทูเลแบบที่ 1 ม่อนคลุย คลุยหลวง ม่อนทูเล (VDO การเดินทางและกิจกรรมต่างๆ)
** ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ในการเขียนรีวิวเท่าไหร่ ขอเป็นรูปแบบ VDO ไปก่อน เที่ยวม่อนทูเล เดินจากม่อนคลุย พักคืนแรกที่คลุยหลวง คืนที่สองเดินไปแค้มป์ที่ม่อนทูเล อันนี้ไปมาครั้งแรกเมื่อ 2558 กับกลุ่มพี
ไอ้คล้าวผจญภัย
ม่อนน้องใหม่ ปอ เคลอะ เด
ม่อนปอเคลอะเด ที่อ่านว่า ม่อน ปอ เคลอะ เด ลานน้องใหม่ แนะนำ อยู่ทางเข้าม่อนคลุย มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ค่าบริการคนละ 50 บาท 📌ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 5 บ้านปอเค
ปู่Jeepพาเที่ยว
NAD TRAVEL:: พิชิต "เขาช้างเผือก" 8 km. ที่โคตรสวยย! @กาญจนบุรี (Update รอบ ธค. 2567)
สายเดินป่าห้ามพลาด!! (21 - 22 ธันวาคม 2567 แบบแชร์ทริป) หัวข้อรีวิว 1. ทำความรู้จัก "เขาช้างเผือก" 2. การเดินทาง+การจอง+การเตรียมตัว 3. พร้อมแล้ว เริ่มลุยกัน! ---------
nadtiiz
โคตรทริป “ทูเล” สวยสุดใจยังไงก็ต้องโดน
เริ่มปีใหม่ทั้งทีอยากมีทริปดีๆ สักหน่อย ว่าแต่จะไปไหนดีล่ะ เพื่อนฝูงคนนั้นคนนี้เสนอกันเข้ามา สุดท้ายใครสักคนโหวตความเห็นมาว่า “อยากไปม่อนทูเล” เป็นการยุติการชิตแชตสนทนาโดยทันที เพราะชื่อขอ
นายสองสามก้าว
บันทึกการเดินทาง EP.13-3 ณ ม่อนกิ่วลม อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก
26.11.2567 ออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าขึ้นเหนือ แต่ก็ยังไม่พ้นจังหวัดตากสักที 555+ ขับรถอยู่ในเขาที่ 2 ข้างทางเห็นแต่ต้นไม้ นานๆ จะเห็นหมู่บ้านสักที มองไปทางไหนมันก็เขียวไปหมด ถนนแทบไม่มีทางตรงเลย ผ่านม
อันโกะแมวหน้าเหวี่ยง
JJNY : “ตากใบต้องไม่เงียบ” คนผิดต้องรับโทษ│“โรม”หวังเห็นปาฏิหาริย์│ประกาศขอขึ้นราคา"กะทิคั้นสด"│ตุรกีถล่มเป้าหมาย
“ตากใบต้องไม่เงียบ” นักศึกษา ภาคประชาสังคม ชายแดนใต้ ทวงคืนความยุติธรรม คนผิดต้องรับโทษ https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9474875 ยะลา “ตากใบต้องไม่เงียบ&
สมาชิกหมายเลข 2693888
ถ้าไม่มีเงินมากพอจะทำหลังคาโรงจอดรถ มีวิธีไหนอีกบ้างครับ
บ้านเราเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 4 เมตร ในส่วนพื้นหน้าบ้าน ที่เป็นที่จอดรถ ลึกประมาณ 6 เมตร ที่อยากทำเพราะว่า 1.เรามีลูกเล็ก เวลาฝนตก ต้องกางร่มหน้าประตูบ้าน แล้วเดินเข้าบ้าน หรือจะออกจากบ้า
สมาชิกหมายเลข 4121587
เที่ยวม่อนทูเลแบบที่ 1 ม่อนคลุย คลุยหลวง ม่อนทูเล (VDO timelapse วิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ทะเลหมอก)
เที่ยวม่อนทูเลแบบที่ 1 (VDO timelapse) เดินจากม่อนคลุย พักคืนแรกที่คลุยหลวง คืนที่สองเดินไปแค้มป์ที่ม่อนทูเล ** ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ในการเขียนรีวิวเท่าไหร่ ขอเป็นรูปแบบ VDO ไปก่อน เที่ยวม่อนทูเล เ
ไอ้คล้าวผจญภัย
‘ เส้นทางตะเข็บชายแดนแม่น้ำสาละวิน’ 29 NOV -7 DEC 66 , 3,109 km.
กับ CRF300L รถวิบากที่ล้อไม่วิบาก แต่พาลำบากและโค้งมีแค่สองโค้งเท่านั้น ซ้ายกับขวาาาา 29 พฤศจิกา 66 รับรถสถานีรถไฟนครปฐมและมุ่งหน้าสู่ลานกระบือเพื่อกับพี่เดมพี่ทีทำงานเก่า พักครึ่งทางไปต่อแม่สอด ตา
สมาชิกหมายเลข 7902901
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เดินป่า
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ทริปถ่ายรูป
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 137
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] พาสังขารไปอัพเลเวลที่ ม่อนทูเล-ม่อนคลุย จ.ตาก
http://pantip.com/topic/31461144
มาในห้วงช่วงเวลานี้ประสบโอกาสที่เหมาะสมทั้ง อารมณ์ ความรู้สึก และร่างกาย หลังจากได้ฟิตร่างกายมากว่า 4 เดือน ได้น้ำหนักที่ลดลง ได้ความอึดมากขึ้น จึงตัดสินใจเข้าร่วมทริปนี้ "หุบเขาสีทอง ม่อนทูเล-ม่อนคลุย 7-9 พ.ย. 2557"
Edit : ว๊าบบบ เอาวีดีโอมาแปะค่ะ ถ่ายทำจากมือถือ เลยอาจจะเป็นอะไรที่... ไม่สวยเท่าไหร่
โดยจุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากพี่สาวที่น่ารัก ที่เราได้มีโอกาสไปรู้จักกันจากการเดินทางไปเขาช้างเผือกเมื่อทริปที่แล้ว ได้ส่งตารางนี้มาให้ดูค่ะ
แล้วพบว่า โอ้ว..... เขาช้างเผือกที่ยุ้ยแทบจะลากเลือดด ยังแบบว่า เบบี้ เมื่อเทียบกับอันนี้ และได้มีโอกาสศึกษาจากรีวิวหลาย ๆ อันก็ เอาล่ะ ต้องจัดซะหน่อยแบบก้าวกระโดด
จึงตัดสินใจเข้าร่วมทริปค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวกับทัวร์แบบนี้เพราะส่วนใหญ่ขับรถไปเอง ฉายเดี่ยวตลอด เลยเกร็ง ๆ ว่า จะทำให้ใครเดือดร้อนไหม 55+
เริ่มเดินทางออกจากกทม. ณ สำนักงานด้วยรถตู้ค่ะ ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 9 คน คือ ลูกทริป 8 คน และ staff 1 คนค่ะ ที่สำคัญเป็นหญิงเกือบล้วนเพราะมีน้องชายหลงมา 1 คนค่ะ เลยขอตั้งชื่อทริปนี้ว่า
"คนแคระ กับสโนว์ไวท์ทั้งเจ็ด"
หลังจากหลับฝันแบบโดนบังคับกันไปตลอดทางเพราะทั้งเลี้ยวทั้งโค้ง มันช่างมากมายเหลือเกิน สรุปคือ เลือกที่จะกินยาค่ะ เพื่อให้หลับ ๆ มาเช้ากันอีกทีที่ อบต. ท่าสองยาง จ.ตากเรียบร้อย ก็ราว ๆ 6 โมงเช้าได้ค่ะ ก็ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปยัง จุดปล่อยตัว 555+
ณ จุดปล่อยตัว เราเริ่มเดินทางกันประมาณ 9 โมง 9 นาที (มีน้องอีกคนบอกเวลามา) ก็คือต้องเดินผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน ซึ่งตอนที่เราไปมีฝนพร่ำลงมานิดหน่อยช่วงเช้า อากาศเลยเป็นอาการฟ้าหลังฝนค่ะ ไม่ใช่สดชื่นนะค่ะ แต่ ชื้น แฉะ และ อ้าว ๆ นิดหน่อยค่ะ และพอเริ่มสายก็จะมีแดดใส ๆ ที่ไม่ได้ผ่านก้อนเมฆ (เอาง่าย ๆ คือร้อนนนนน)
ภาพบรรยากาศก็ประมาณนี้ค่ะ
หลังจากตัดผ่านทุ่งนาของชาวบ้านมาเรียบร้อยก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเดินทางแล้วค่ะ
ผ่านลำธารเล็ก ๆ ที่มองไปข้างหน้าเริ่มเห็นเป็นป่านิด ๆ
แล้วก็กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (แต่เครื่องกีดขวางที่สำคัญที่สุดคือ อุจจาระน้องบัฟเคอะ)
มาดูสาว ๆ แต่ละคนกับท่าข้ามเครื่องกีดขวางกันค่ะ
จากนั้นก็มุ่งหน้าข้ามสะพานไม้เพื่อเข้าสู่เขาล่ะค่ะ
ทริปนี้เราใช้ลูกหาบจำนวน 4 คนค่ะ เพื่อแบกสัมภาระของลูกทริปรวมถึงของยุ้ยด้วย เพราะจากเขาช้างเผือกประสบการณ์มันบอกว่า ถ้ายังไม่แน่จริงอย่าเชียวนะ อย่าริแบกเป้ขึ้นไปเอง เพราะสุดท้ายแล้ว แค่น้ำขวดเดียวก็เป็นปัญหากับชีวิตค่ะ แต่ก็มีสโนว์ไวท์ถึง 2 นาง และ คนแคระ ที่ยินดีแบกเป้ขึ้นไปเอง ผมนี่ กราบเลย .... พวกคุณแน่มาก มันจะเป็นโปรเจคต่อไปถ้าผมเทิร์นโปรเมื่อไหร่จะแบกเอง 55+
เหมือนกับว่าอาจจะเพ่งเปิดฤดูกาลหรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะว่าทางเดินยังไม่ชัดมากในบางช่วง ต้องเดินทิ้งช่วงห่างให้เห็นกันพอสมควร เพื่อป้องกันการเดินออกนอกเส้นทางค่ะ การเจอป้ายแต่ละป้าย บางทีก็เรียกได้ว่า หลุดรอดสายตา เพราะว่าป้ายเล็กบ้างอะไรบ้าง
แต่ที่ปวดใจที่สุดคือ ป้ายนี้ค่ะ ที่เค้าให้เราสามารถโทรหาเค้ากรณีฉุกเฉินได้ มันดีมากนะค่ะ ยกเว้น โทรศัพท์เรานี่ล่ะค่ะ ที่มันไม่มีสัญญาณณณณณณ ว๊ากกกกกกกก (ยินดีด้วยกับชาว ทรู และ จีเอสเอ็ม เพราะ ดีแตก ของข้าพเจ้า หายตั้งแต่อยู่ในรถตู้ล่ะค่ะ)
ทางในช่วงแรก (ย่ามใจ) คิดว่าไม่ยากมาก เพราะว่าอาจจะยังไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ จะเป็นทางลาดแต่มีความตั้งขึ้นประมาณ 30-40 องศา นะค่ะ และพอถึงบางช่วงก็จะเจอพันธุ์ไม้ที่แปลกตา (สำหรับคนไม่ค่อยเข้าป่าอย่างเรา) ให้เก็บภาพประทับใจกันตลอดทาง จนลืมไปว่า แบตกล้องมีจำกัดเพราะเอาไปก้อนเดียว เง้ออออ (สำหรับใครชอบถ่ายรูปแนะนำว่าเอาไปหลายก้อนหน่อยค่ะ) แต่ก็ต้องไม่เพลินจนเกินไปเพราะว่าอาจจะถูกทิ้งช่วงห้างกับเพื่อน ๆ ได้นะค่ะ
อารมณ์คือ พอขึ้นไปจนถึงบนสุด ก็จะพบทางราบให้พักน่อยประมาณ 20 เมตรได้ จากนั้นก็ ลงไปให้สุดค่ะ
จากนั้นก็ขึ้นสุดกันอีกจร้า การใส่เสื้อผ้าสีสดใส ช่วยได้หลายเรื่องค่ะ เช่น ถ่ายรูปสวย , เป็นจุดสังเกตุให้เพื่อน ๆ ดังนั้น สดเข้าไว้ไม่ต้องเกรงใจประชาชีค่ะ
เราขึ้นสุด........... และ ลงสุด........ กันไม่ต่อกว่า 4-5 ครั้ง จนใกล้เที่ยงจึงได้แวะที่ลำธารเล็ก ๆ เพื่อรับประทานอาหารที่ทางทีมงานจัดไว้ให้ค่ะ และแวะพักเติมน้ำดื่มจากที่แบกขึ้นกันมาคนละ 2-3 ขวด จากลำธารตรงนี้เลยค่ะ น้ำสะอาดจนดื่มได้ โอ้วววว.... มิเนอรัลล ม๊วกกก
เริ่มจะเบื่อการถ่ายภาพเพราะว่ามันแบบว่าเหนื่อยๆๆๆๆๆ... จนมาถึง ป้าย ยินดีต้อนรับ
ห๊ะ อะไรนะ ตอนไปเขาช้างเผือก จากป้ายยินดีต้อนรับต้องไปอีกไกลนะ โอ้ววววว นี่มันอะไรกัน หลายคนถึงกะจิ้นไปว่า แต่ก็ยังพอดีข่าวดีว่า จากป้ายนี้ไป ขึ้นไปสุดและลงมา ก็เจอแค้มป์ เราแล้วค่ะ เย้ ๆ ๆ ๆ
เมื่อไปถึงแค้มป์ ก็กางเต้นท์นู้นนี่นั่น ปาเข้าไป ก็จะห้าโมงแล้วค่ะ ลำธารมีน้ำใสไหลเย็นๆๆๆมากๆๆ ผ่านค่ะ เลยแบ่งเป็นสองช่วง คือลำธารที่ใช้ปรุงอาหาร ต้นสาย ก็จะใช้ material จากตรงนี้เป็นแหล่งบริโภคค่ะ ข้าพเจ้าก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขออนุญาต ชำระล้างร่างกายก่อนค่ะ เพราะได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าพรุ่งนี้เย็นจะไม่มีที่ให้อาบน้ำ... จากนั้นก็ประกระแจะหน้าขาว เตรียมตัวไป ซิลฟี่ กะพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินที่ยอดดอยค่ะ
แต่ด้วยความโง่เขลา เบา ปัญญา จึงเตรียมกางเกงขายาวมาไม่พอ เหลือแต่ขาสั้นจร้าที่ตั้งใจจะเอามาไว้ใส่สำรอง เลยก็ต้องตามน้ำ สั้น ๆ ก็คือสั้น เพราะทนใส่กางเกงเก่าไม่ไหวล่ะ มัน แบบว่า .... นะ เลยเอานู้นนี่นั้นมาสวมกันไปกลายเป็นชุด ห๊ะ อะไรก็ไม่รู้ แต่เอาเป้นว่า หนู๋มั่นใจ (เค้าบอกว่าเราเป็นสาว ฮาราจูกุ) และได้เก็บภาพช่วงพระอาทิตย์ยามเย็นมาฝากตามนี้จร้า (กล่าวถึงอากาศว่า มันเย็น แต่ยังไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ค่ะ น้ำค้างค่อนข้างดุ พอสมควร)
และนี่คือ ชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเรา หรือ คนแคระ ตามท้องเรื่อง อิอิ ซึ่งมีแต่เราที่สามารถถ่ายซิลฟี่กะเค้าได้ ว่ะ 5555
ตามด้วยเหล่า สโนว์ไวท์
จากนั้นก็รับประทานอาหารร่วมกันค่ะ โดยค่ำคืนนี้มีหลายอย่างให้กินเลยจากทีมงาน คือตอนนี้ อะไรก็อร่อยหมดค่ะ
มื้อนี้มี ยำปลาทูน่า ปลาทอด ลูกชิ้น ผัดผักเห็ด มันต้มขิง มีอีกอย่างจำไม่ได้
จากนั้นก็เข้านอนเพื่อที่เช้าจะเริ่มเดินทางสู่ ม่อนคลุยกันค่ะ
สำหรับม่อนทูเลนี้ เป็นอะไรที่โหดพอสมควรค่ะ สำหรับยุ้ย แต่ส่วนตัวประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งคือ เมื่อตอนเขาช้างเผือกที่ว่าง่าย เราทั้งเป็นตะคริว ทั้งคลานขึ้น เป็นตัวถ่วงของกลุ่ม ทำให้มีอาการท้อแท้ในบางครั้ง แต่รอบนี้ บอกได้เลยค่ะว่า เป็นหนังคนละม้วนกันเลย ยุ้ยเดินได้มากขึ้น อยู่ในกลุ่มที่ไม่รั้งท้าย ตามทันคนอื่นแล้ว เพ่งจะตะหนักได้ว่า การออกกำลังกายเนี่ยเป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ ร่างกายเราพร้อมมากขึ้น เรากล้าที่จะใช้ร่างกายมากขึ้น เดี๋ยวมาต่อกับม่อนคลุยค่ะ ตัวอักษรเต็ม....