[CR] [ Japan First Time ] รีวิวการเที่ยวโอซาก้าครั้งแรก

หลังจากส่องห้องบลูมานาน ในที่สุด!!! เราก็มีโอกาสมารีวิวกับเค้าบ้าง 5555

เป็นการรีวิวทริปญี่ปุ่น เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกด้วย

จะให้รีวิวที่กินที่เที่ยว คนอื่นเค้าก็ละเอียดกว่าเยอะแยะ งั้น ในฐานะคนไปต่างประเทศครั้งแรก
เลยขอมารีวิวการเดินทาง และการเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ละกันนะ
เผื่อใครที่ยังตัดสินใจ ว่า เอ๊... จะใช้สายการบินนี้ดีมั้ยนะ แล้วจะไปต่อยังไง
ป่ะ เราจะรีวิวให้ชม (แต่รูปอาจจะน้อยนะคะ เพราะบางทีก็เพลิดเพลินจนลืมถ่าย 555)


โดยในทริปนี้ เราเลือกไปลงคันไซ วางแผนไว้ว่าจะเที่ยวโอซาก้ากับเกียวโต
มีงบที่ตั้งไว้ 30,000 บาท โดยไปกับเพื่อนอีก 1 คน และผู้ร่วมทริปจากโอซาก้าอีก 1 (เอ๊ะ?)

เริ่มจากตั๋วเครื่องบิน จองจากแอร์เอเชียค่ะ ราคารวมน้ำหนักกระเป๋า 20 kg ทั้งไปกลับ อยู่ที่คนละ 12,880 บาท
เดินทางวันที่ 20 ต.ค. เวลา 16.40 น. กลับวันที่ 25 ต.ค. เวลา 1.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นนะคะ
วันเที่ยวจริงๆคือ 4 วัน 21 - 24 ต.ค. ค่ะ

ซึ่ง เราก็เพิ่งคิดได้ตอนเดินทางนี่แหละ ว่าทำไมขาไปไม่เลือกแค่ 15 kg (ไปจริง 13 kg เพราะมีของฝาก)



ส่วนเรื่องที่พัก ไปพักที่บ้านโฮสค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จริงๆคือเป็นโฮสแฟมิลี่ของน้องที่รู้จัก และช่วงนั้นน้องก็ไปโอซาก้าพอดี (ผู้ร่วมทริปที่กล่าวไว้ข้างต้น)
โฮสเค้าก็ใจดี บอกว่ามีเพื่อนมาเหรอ มาอยู่ด้วยกันสิ
เพราะงั้น จึงประหยัดค่าที่พักไป 3 คืน แต่ถ้าต้องพักโรงแรมจริงๆที่ดูไว้ก็ไม่เกินคืนละพัน งั้นลองคิดค่าที่พักไว้ 3,000 บาท

... โดยค่าที่พักถูกเปลี่ยนเป็นค่าของฝากที่ซื้อไปให้โฮส แต่ก็ยังถูกกว่าหาที่พักเองนะ แถมได้อยู่เป็นบ้านด้วย



อ้อ ก่อนไปเราก็จัดการเช่า pocket wi-fi ไปด้วย ของ samurai อะไรสักอย่าง
ซึ่งใช้โปรของบัตรเครดิต KTC ได้ค่าเช่า+ค่าประกัน+แถมแบตสำรอง วันละ 240
ของเราคิดราคา 4 วันก็ 240*4 = 960  หารสองกับเพื่อนก็จ่ายคนละ 480 บาท

ส่วนเงินเยนที่แลกไป แลกไป 50,000 เยนค่ะ เรทตอนนั้นก็ 0.3 ถือเป็นเงิน 15,000 บาท
(จริงๆไปเที่ยวแบบเรา คิดว่า 40,000 เยนก็น่าจะอยู่นะ 5555)





เอาล่ะ เริ่มจากการเดินทาง จากสนามบินดอนเมือง ก็ไปถึงกันประมาณบ่ายสอง
ไปเช็คอิน โหลดกระเป๋าที่เคาท์เตอร์เสร็จก็รอรับไวไฟ (นัดรับที่สนามบิน)
เสร็จแล้วก็เข้าเกตค่ะ ไปนั่งรอเวลา นั่งเล่นเกม โทรร่ำลาแม่ 55555
พอใกล้ถึงเวลา ก็มีประกาศให้ขึ้นเครื่อง ก็ทยอยกันขึ้นไป



พูดถึงแอร์เอเชียเอ็กซ์ ถือว่าดีกว่าที่คิดนิดนึง ที่นั่งไม่แคบไม่กว้าง คล้ายๆกับนั่งรถตู้
พนักงานต้อนรับก็ดูแลอย่างดี ช่วยดูที่นั่งให้ และเดินให้บริการตลอด เราก็ซื้อน้ำมาขวดนึง เพราะไม่ได้สั่งอาหารเอาไว้
แต่เนื่องจากขาไป เจอมนุษย์ป้าเบาะหลัง เม้ามอยกันตั้งแต่กรุงเทพยันโอซาก้า ทำให้เราหลับไม่สนิท
ก็หงุดหงิดบ้าง แต่พอไปถึงญี่ปุ่น เวลาประมาณเที่ยงคืนนิดๆ(ตามเวลาญี่ปุ่น) ก็เริ่มตื่นเต้นดีใจ
นี่เรามาถึงญี่ปุ่นแล้วนะ ประเทศที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก 55555


ออกจากเครื่องมาก็ไปผ่าน ตม. ก็ผ่านมาได้ด้วยดีไม่มีปัญหา แล้วก็ไปรับกระเป๋า (อาศัยเดินตามไกด์คนไทยนี่แหละ)
เสร็จแล้วเราก็ยังงงๆ ว่าตกลงเราอยู่เทอมินอลอะไรนะ (สนามบินคันไซมี 2 เทอมินอลค่ะ)
แล้วก็เห็นไกด์คนไทยพาลูกทัวร์ขึ้นรถไฟ ก็เดินๆตามเค้าไป
สรุปว่าตอนลงเครื่องเราลงเทอมินอล 2 แล้วนั่งรถไฟเชื่อมมาเทอมินอล 1 ค่ะ




มาถึงก็จัดการต่อไวไฟ นัดแนะกับน้องที่จะมาเป็นผู้นำทัวร์ของเรา โดยเราตกลงกันว่าคืนนี้จะนอนสนามบินนี่แหละ
แล้วค่อยนั่งลิมูซีนบัสเข้าเมืองตอนเช้า แล้วค่อยไปเจอกันในเมือง
(จริงๆจะเข้าเมืองเลยก็ได้นะคะ ลิมูซีนบัสรอบสุดท้ายคือตีหนึ่งนิดๆ)
เมื่อนัดกันเสร็จก็เริ่มเดินสำรวจ เราก็ไปหาตู้ขายตั๋วเอาไว้ โอเค ตู้อยู่ชั้น 1 ด้านนอก
เสร็จแล้วก็ไปหาอะไรกินกัน ก็ขึ้นไปชั้น 2 เวลานั้นร้านอาหารปิดเกือบหมดแล้ว
เหลือแต่ลอว์สัน แฟมิลี่มาร์ท กับสุคิยะที่เปิด 24 ชม. เลยตกลงกันว่ากินสุคิยะเติมพลังกันก่อน ค่อยนอน
มื้อแรกที่ญี่ปุ่น จึงเป็นข้าวหน้าหมู (แบบจิ้มมั่วๆ) ราคาประมาณ 300 เยน



เมื่อกินอิ่มก็ถึงเวลานอนหลับ
สนามบินคันไซช่วงหลังเทียงคืนเงียบสงบมาก แต่ก็ไม่ถึงกับวังเวง
เพราะมีนักท่องเที่ยวที่เลือกนอนสนามบินแบบเราเยอะอยู่ และไฟล์ทเราคงเป็นไฟล์ทสุดท้ายแล้ว
ก็ลากกระเป๋ากับเพื่อน ไปหาที่เหมาะๆ โดยที่นั่งของสนามบินมันจะเป็นแบบเบาะยาว
และปรับเอนได้ คือเราสามารถนอนเหยียดใน 3 ที่นั่งได้เลย
พอได้ที่ ก็วางกระเป๋า จัดแจงที่นอน ก็หลับๆตื่นๆ แต่ก็ถือว่าได้พักผ่อนและสบายพอสมควร 5555

อ้อ! ที่สนามบินคันไซมี free wi-fi ด้วยนะคะ ต่อได้ทีละ 30 นาที ลงทะเบียนด้วยอีเมล์ง่ายมาก



พอถึง 6 โมงเช้า คนเริ่มมาสนามบินเยอะละ เราเลยย้ายที่
ไปแถวซอกใกล้ๆห้องน้ำ ซึ่งก็มีปลั๊กไฟให้ชาร์ตมือถือ ชาร์ตอะไรก็ว่าไป
พอเกือบ 7 โมง เรากับเพื่อนก็ผลัดกันไปล้างหน้าแปรงฟัน
(ถ้าใครจะอาบน้ำก็มีห้องอาบน้ำไว้บริการนะคะ ราคาน่าจะประมาณ 500 เยน)
เสร็จแล้วก็ไปซื้อข้าวปั้นที่ลอว์สัน กะว่าจะกินเป็นมื้อเช้าบนรถบัส




เมื่อเตรียมตัวพร้อมก็ออกมาซื้อตั๋วลิมูซีนบัส เราเลือกไปลงที่ New Hankyu Hotel
ราคาเที่ยวละ 1550 เยน แต่ถ้าซื้อแบบไปกลับภายใน 14 วัน ก็ราคา 2760 เยน
เพราะงั้น ถ้าใครมาเที่ยวไม่เกิน 14 วัน เลือกไปกลับก็คุ้มกว่า ซึ่งเราซื้อแบบไปกลับ
ก็จะได้ตั๋วมา 2 ใบ ขาไปกับขากลับ และเลือกว่าจะรับสลิปรึเปล่า เราก็กดมั่วได้สลิปมา 55555



เราทันรถรอบ 8.05 น. ไปยืนรอที่ป้ายหมายเลข 5 จะมีลุงมาแปะแท็กที่กระเป๋า
และให้เราเลือกว่าเราจะลงไหนก็ชี้บอกเค้าไป เค้าจะให้ใบรับกระเป๋าเรามา



พอรถมาก็ขึ้นรถได้เลย ลุงจะเป็นคนยกกระเป๋าใส่ท้องรถให้
8.05 เป๊ะ รถก็ออก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ก็ถึงที่หมายของเรา
ลงจากรถก็ยื่นใบรับกระเป๋าให้พนักงาน เค้าก็จะหยิบกระเป๋าส่งให้เรา




เนื่องจากเรามาถึงตอนเช้า และจะเที่ยวในเมืองโอซาก้าเลย ไม่ได้เข้าโรงแรม
จึงได้ใช้บริการล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ซึ่งกระเป๋าเรากับเพื่อนขนาดใหญ่
เลยต้องใช้ช่องเบอร์ใหญ่ ก็ราคา 600 - 700 เยน
ใส่กระเป๋าเข้าไป หยอดเหรียญร้อยเยนจนครบ และก็บิดกุญแจปิดแล้วดึงออก เท่านี้ก็เที่ยวต่อได้






ส่วนทริปทัวร์คงไม่มีอะไรมาก คร่าวๆคือ
วันที่ 21 เที่ยวปราสาทโอซาก้าและแถวๆอุเมดะ
วันที่ 22 ตอนแรกจะไปเกียวโต แต่ฝนตก เลยไปเที่ยวแถวนัมบะกับชินไซบาชิ
วันที่ 23 ไปเที่ยวเกียวโต
วันที่ 24 กลับมาเที่ยวแถวอุเมดะ
คือทริปนี้อาจจะไม่ค่อยได้ไปไหน แต่ก็ได้เห็นบ้านเมืองของญี่ปุ่นในแบบที่อยากเห็น
ได้เข้าร้านอาหารที่เจ้าถิ่น(?)เค้าบอกว่าอร่อย ไม่ใช่ร้านที่ทัวร์ชอบไป 5555
และประเด็นคือเราบ้าการ์ตูน เรากับเพื่อนเลยตระเวนช็อบร้านอนิเมทซะส่วนใหญ่



เอาล่ะ มาถึงการเดินทาง เนื่องจากมีเวลาเที่ยวจริงๆแค่ 4 วัน
และไม่ได้ข้ามเมืองไปไหนมากนัก ไกด์ทัวร์จำเป็นจึงแนะนำให้ซื้อแค่บัตร ICOCA
วิธีซื้อก็ไปจิ้มๆที่ตู้ และสอดเงินเข้าไป จบ ซึ่งเราซื้อครั้งแรกไว้ 2000 เยน
และเติมหลังจากนั้นอีก 2000 เยน สรุปว่าเติมบัตรไปทั้งหมด 4000 เยน ตกวันละพันเยน
ซึ่งบัตรนี้ก็แสนสะดวกสบาย จนอยากจะให้เมืองไทยของเราทำได้แบบนี้บ้าง
เพราะมันใช้ขึ้นรถไฟได้ รถบัสก็ได้ ซื้อของ(บางร้าน) ก็ได้ แต่เราใช้แค่เดินทาง




เนื่องจากต้องเดินทางไปบ้านโฮสซึ่งไม่ได้อยู่ในตัวเมือง เลยได้มีโอกาสนั่งรถบัสญี่ปุ่นด้วย
ซึ่งก็ใช้บัตร ICOCA แตะจ่ายได้เหมือนกัน 220 เยนตลอดสาย
ในรูปคือ ที่แตะบัตรจะอยู่ตรงประตูทางขึ้น และมีแตะอีกทีตอนลงค่ะ







ขั้นตอนการทัวร์ของเราก็มีประมาณนี้ค่ะ นอกนั้นก็เตร็ดเตร่ เดินชมนมชมไม้ไปเรื่อย
คือเราชอบบรรยากาศเมืองโอซาก้าจริงๆนะ ดูเป็นระเบียบดี

ไปเกียวโตก็ตะลึงเหมือนกัน ออกจากสถานีรถไฟมาเจอแต่ตึกทรงยุโรป
มีร้านแบรนด์เนมเต็มไปหมด แต่พอข้ามถนนไป ก็กลายเป็นเมืองเก่า
คือเค้าอนุรักษ์ไว้ดีมาก อารมณ์คงประมาณตลาดร้อยปีที่เมืองไทย
และที่ชอบคือ เค้ามีให้เช่าชุดยูกาตะใส่เดินชมเมือง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ (เราไม่ได้เช่า)
ถ้าเป็นเมืองไทย แล้วมาใส่ชุดไทยเดินนี่คงแปลกตาน่าดู


ส่วนขากลับก็ไม่มีอะไรมาก วันที่ 24 เราออกจากบ้านโฮสมาพร้อมกระเป๋าเลย
ได้ขึ้นแท็กซี่ญีปุ่่นด้วยค่ะ บริการทุกระดับประทับใจจนน้ำตาจะไหล
ก็แพงอย่างคำร่ำลือ แค่ก้าวขึ้นไปก็สตาร์ทที่ 660 เยน (ประมาณ 200 บาท)
แต่ไปหมดทุกที่ แถมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆเค้าก็พยายามยกขึ้นให้ จัดให้อย่างดี
เราจะช่วยยกเค้าก็บอกไม่ต้อง ให้ขึ้นไปรอบนรถเลย
มาถึงก็นั่งรถไฟไปสถานีอุเมดะ ฝากกระเป๋าเข้าล็อกเกอร์ และเดินเที่ยวเดินหาของกิน



จนกระทั่ง 3 ทุ่มกว่าเราก็เอากระเป๋าออกและมารอรถบัสหน้าโรงแรมเดิมรอบสี่ทุ่มกว่าๆ
ขากลับรถบัสจะมีให้เลือกลง 2 ที่ คือเทอมมินอล 1 และเทอมินอล 2
แต่เนื่องจากเรามาขึ้นบัสช้า รอบหลังจะมีไปลงแค่เทอมินอล 1 จะส่งลงที่ชั้น 4
ก็สามารถเข้าไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์แอร์เอเชียได้เลย เสร็จแล้วก็เข้าไปช็อปดิวตี้ฟรี
แล้วก็ต้องนั่งรถไฟไปเทอมินอล 2 เพื่อรอขึ้นเครื่อง

ขากลับนี่สบายหน่อย คงเพราะดึกด้วย เครื่องออกตีหนึ่งนิดๆ ทุกคนคงหมดแรงแล้ว
ไม่มีมนุษย์ป้านั่งเม้ามอย และโชคดีได้นั่งแถวแรกๆใกล้ Quiet zone เลยยิ่งเงียบ
คราวนี้เลยหลับยาวจนถึงไทยเลยค่ะ (แนะนำให้พกหมอนรองคอไปด้วย หลับสบายยิ่งนัก)




จบการเดินทางก็ประมาณนี้ สรุปยอดคือ
ค่าตั๋วเครื่องบิน 12,880 บาท
เงินที่แลกไป 15,000 บาท (พยายามช็อปและกินจนเกือบหมด เหลือกลับมา 300+ เยน 5555)
ค่าไวไฟ 480 บาท
รวม 28280 บาท อยู่ในงบค่ะ อาจจะมีค่ารายทางนิดหน่อย แต่ก็ไม่เกินงบมาก



ตอนนี้เลยวางแผนเที่ยวใหม่ ทริปหน้าต้องไปให้นานกว่าเดิม 55555
อาจจะเป็นลงโตเกียวเที่ยวไปจนถึงโอซาก้าแล้วกลับจากคันไซ ซึ่งเห็นหลายคนทำแบบนั้น
แต่เราเพิ่งทำงานได้ไม่นาน เงินเก็บยังไม่ถึง และไม่กล้าลายาวขนาดนั้น


เอาเป็นว่า ถ้าใครกำลังจะไปเที่ยวก็ขอให้วางแผนและเที่ยวให้สนุกนะคะ