ผมมาแชร์ประสบการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ผมอายุ 29 ปี เป็นน้องคนสุดท้อง
ครอบครัวของผม มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 4 คน พ่อของผมเปิดบริษัทขึ้นเมื่อปี 2530 เป็นโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ประกอบกิจการเรื่อยมาจน
กระทั่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้บริษัทของคุณพ่อประสบภาวะขาดทุนและเป็นหนี้ ธนาคารรวมทั้งต้นทั้งดอกมากกว่า 300 ล้านบาท พูดได้
เลยว่าเวลานั้นทั้งบ้านทั้งโรงงานถูกธนาคารยึดหมด ไม่มีอะไรเหลือเป็นทรัพย์สินเลย ทั้งบ้าน ทั้งโรงงาน นั้นก็เช่าธนาคารมาเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ
ต่อไป ณ ตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าธุรกิจนี้ไม่น่าจะสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่คุณพ่อไม่ละความพยายาม บวกกับพี่ชายและพี่สาวคนโต เริ่มกลับมาช่วย
งานที่บ้านทำให้ระบบการบริหารการจัดการภายใน มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น ทำให้บริษัท มีผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยมาจนกระทั่ง
สามารถซื้อโรงงานที่คุณพ่อรักที่สุดกลับมาได้ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของ พวกเราทุกคน แต่พวกเราก็ผ่านมันมาได้ หนี้สินทั้งหมดถูกใช้คืน
เวลานั้นคุณพ่อเกษียณอายุการทำงานแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกลูกทั้ง 4 คนทำหน้าที่บริหารต่อไป แต่หลังจากที่ซื้อโรงงานกลับมาได้ เพียง เดือน
เดียว ใน วันลอยกระทงปี 2555 คุณพ่อ ได้จากไปด้วยโรค มะเร็ง หลังจากนั้นเรื่อง นั้นมาก็มีเหตุการณ์ เกิดขึ้นมากมายมาหรือยังไม่ว่าจะเป็น เกิดเหตุเพลิง
ไหม้ที่ office สำนักงานใหญ่ แม้จะเป็นเพียงเหตุเล็กๆที่คนในออฟฟิต สามารถ ระงับเหตุได้ทัน แต่มันก็ทำให้พวกเราทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ ของ
การดูแล สายไฟภายในบ้าน เพราะ สายไฟเมื่อใช้มานานกว่าจะมีการเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน พวกเราจึงเริ่มมีความคิดที่จะ renovate office สำนักงาน
และโรงงานใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะลดปัญหาและความอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรและสายไฟเก่าทั้งหมดถึงแม้เราจะป้องกันภัยจากภายในได้ก็ไม่
สามารถป้องกันภัย จากภายนอกได้อยู่ดี ในเดือนมกราคมปี 2557 โรงงานของบริษัทได้ถูกไฟป่า ซึ่งหลังจากการเผาทำลายพืชผลทางการเกษตร
ลามเข้ามาภายใน บริเวณโรงงานเผาทำลายทรัพย์สิน บริเวณรอบโรงงาน สูญเสียทรัพสินไป ประมาณ 1.2 ล้านบาท ตั้งแต่ตอนนั้นทางครอบครัวผมก็มี
ความวิตกเกี่ยวกับไฟไหม้มาก มาปีนี้พวกเราเองก็ยังไม่คลายความกังวลลง จนกระทั้งเกิดเหตุ ภายในโรงงานที่คุณพ่อรักที่สุด ในวันที่เราเสีย
คุณพ่อไป นั้นก็คือคืนวันลอยกระทง เพลิงไหม้เผาผลาญ โรงงานเสียหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
วันที่ 6 พฤศจิกายน คืนนั้นเป็นคืนวันลอยกระทง ผมเดินทางกลับจากโรงงานมากตอนเย็น เพื่อกลับไปกินข้าวกับครอบครัว เมื่อกลับมากินข้าว
ต่อมาเวลาประมาณ 2 ทุ่ม 40 นาที ก็ได้มีโทรศัพท์จากผู้จัดการโรงงาน แจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงาน ไฟโหมลุกค่อนข้างหนัก ผมจึงได้
แจ้งพี่ชายและคนอื่นให้ทราบ และรีบเข้าไปที่โรงงานทันที ระหว่างทางก็โทรสอบถามพนักงานบริษัท และคนในพื้นที่ที่เข้าไปช่วยกันดับเพลิงเบื้องต้นว่า
มีพนักงานดับเพลิงเข้าพื้นที่หรือยัง ติดต่อใครไปแล้วบ้าง ทั้งยังได้กำชับไม่ให้พนักงานบริษัทเข้าไปในพื้นที่ที่มีเสียงภัยเกินไป เมื่อผมเข้าไปถึง เห็นภาพ
โรงงานถูกไฟโหม รุนแรง มายังอาคาร 2 อาคาร 3 เสียหายจากทั้งหมด ณ ตอนนั้นในหัวของผมคิดได้อย่างเดียวว่า น่าจะเป็นโคมลอย เพราะตลอดเส้น
ทางที่ผมขับรถมานั้นก็เห็นโคมลอยจำนวนมากระหว่างทาง และ อาคาร 3 ซึ่งเป็น จุดที่ ผจก.แจ้งว่า เป็นจุดแรกที่เกิด เปลวไฟ นั้นก็กำลังอยู่ในช่วงการ
ปรับปรุงสภาพ โรงงานใหม่ ซึ่งมีการรื้อเอาสายไฟเก่าออกทั้งหมด ในตอนนั้นทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง มากกว่า 70 นาย รถดับเพลิงกว่า 20 คัน และมี
ตำรวจและทหารจากพัน 12 รักษาพระองค์ นำกำลังมาช่วยเหลือ กว่า 70 นาย แต่ก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นเพลิงไว้ได้ เนื่องจาก วัสดุภายในโรงงานนั้นเป็น
เชื้อไฟได้อย่างดี กว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ก็เป็นเวลา ประมาณ เที่ยงคืน ของคืนนั้น เจ้าหน้าที่ก็ยังคงดับเพลิง ต่อเนื่อง เมื่อเพลิงเริ่ม สงบ พนักงานบาง
ส่วนและเจ้าหน้าที่ก็เริ่ม ทยอยกลับบ้านหรือหน่วยที่ตั้ง เวลาประมาณ ตีสามของวันต่อมา ผมได้แยกย้าย นำกล้อง CCTV ไปเพื่อตรวจเช็คภาพภายใน
โรงงานเพื่อหาสาเหตุ ก็พบภาพ ที่ทางผมอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนใดๆมาพูดได้
เดวมาต่อนะครับ
เมื่อสมบัติชิ้นที่คุณพ่อรักที่สุด หายไปกับวันลอยกระทง
ครอบครัวของผม มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 4 คน พ่อของผมเปิดบริษัทขึ้นเมื่อปี 2530 เป็นโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ประกอบกิจการเรื่อยมาจน
กระทั่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้บริษัทของคุณพ่อประสบภาวะขาดทุนและเป็นหนี้ ธนาคารรวมทั้งต้นทั้งดอกมากกว่า 300 ล้านบาท พูดได้
เลยว่าเวลานั้นทั้งบ้านทั้งโรงงานถูกธนาคารยึดหมด ไม่มีอะไรเหลือเป็นทรัพย์สินเลย ทั้งบ้าน ทั้งโรงงาน นั้นก็เช่าธนาคารมาเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ
ต่อไป ณ ตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าธุรกิจนี้ไม่น่าจะสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่คุณพ่อไม่ละความพยายาม บวกกับพี่ชายและพี่สาวคนโต เริ่มกลับมาช่วย
งานที่บ้านทำให้ระบบการบริหารการจัดการภายใน มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น ทำให้บริษัท มีผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยมาจนกระทั่ง
สามารถซื้อโรงงานที่คุณพ่อรักที่สุดกลับมาได้ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของ พวกเราทุกคน แต่พวกเราก็ผ่านมันมาได้ หนี้สินทั้งหมดถูกใช้คืน
เวลานั้นคุณพ่อเกษียณอายุการทำงานแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกลูกทั้ง 4 คนทำหน้าที่บริหารต่อไป แต่หลังจากที่ซื้อโรงงานกลับมาได้ เพียง เดือน
เดียว ใน วันลอยกระทงปี 2555 คุณพ่อ ได้จากไปด้วยโรค มะเร็ง หลังจากนั้นเรื่อง นั้นมาก็มีเหตุการณ์ เกิดขึ้นมากมายมาหรือยังไม่ว่าจะเป็น เกิดเหตุเพลิง
ไหม้ที่ office สำนักงานใหญ่ แม้จะเป็นเพียงเหตุเล็กๆที่คนในออฟฟิต สามารถ ระงับเหตุได้ทัน แต่มันก็ทำให้พวกเราทุกคนตระหนักถึงความสำคัญ ของ
การดูแล สายไฟภายในบ้าน เพราะ สายไฟเมื่อใช้มานานกว่าจะมีการเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน พวกเราจึงเริ่มมีความคิดที่จะ renovate office สำนักงาน
และโรงงานใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะลดปัญหาและความอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรและสายไฟเก่าทั้งหมดถึงแม้เราจะป้องกันภัยจากภายในได้ก็ไม่
สามารถป้องกันภัย จากภายนอกได้อยู่ดี ในเดือนมกราคมปี 2557 โรงงานของบริษัทได้ถูกไฟป่า ซึ่งหลังจากการเผาทำลายพืชผลทางการเกษตร
ลามเข้ามาภายใน บริเวณโรงงานเผาทำลายทรัพย์สิน บริเวณรอบโรงงาน สูญเสียทรัพสินไป ประมาณ 1.2 ล้านบาท ตั้งแต่ตอนนั้นทางครอบครัวผมก็มี
ความวิตกเกี่ยวกับไฟไหม้มาก มาปีนี้พวกเราเองก็ยังไม่คลายความกังวลลง จนกระทั้งเกิดเหตุ ภายในโรงงานที่คุณพ่อรักที่สุด ในวันที่เราเสีย
คุณพ่อไป นั้นก็คือคืนวันลอยกระทง เพลิงไหม้เผาผลาญ โรงงานเสียหายไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
วันที่ 6 พฤศจิกายน คืนนั้นเป็นคืนวันลอยกระทง ผมเดินทางกลับจากโรงงานมากตอนเย็น เพื่อกลับไปกินข้าวกับครอบครัว เมื่อกลับมากินข้าว
ต่อมาเวลาประมาณ 2 ทุ่ม 40 นาที ก็ได้มีโทรศัพท์จากผู้จัดการโรงงาน แจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงาน ไฟโหมลุกค่อนข้างหนัก ผมจึงได้
แจ้งพี่ชายและคนอื่นให้ทราบ และรีบเข้าไปที่โรงงานทันที ระหว่างทางก็โทรสอบถามพนักงานบริษัท และคนในพื้นที่ที่เข้าไปช่วยกันดับเพลิงเบื้องต้นว่า
มีพนักงานดับเพลิงเข้าพื้นที่หรือยัง ติดต่อใครไปแล้วบ้าง ทั้งยังได้กำชับไม่ให้พนักงานบริษัทเข้าไปในพื้นที่ที่มีเสียงภัยเกินไป เมื่อผมเข้าไปถึง เห็นภาพ
โรงงานถูกไฟโหม รุนแรง มายังอาคาร 2 อาคาร 3 เสียหายจากทั้งหมด ณ ตอนนั้นในหัวของผมคิดได้อย่างเดียวว่า น่าจะเป็นโคมลอย เพราะตลอดเส้น
ทางที่ผมขับรถมานั้นก็เห็นโคมลอยจำนวนมากระหว่างทาง และ อาคาร 3 ซึ่งเป็น จุดที่ ผจก.แจ้งว่า เป็นจุดแรกที่เกิด เปลวไฟ นั้นก็กำลังอยู่ในช่วงการ
ปรับปรุงสภาพ โรงงานใหม่ ซึ่งมีการรื้อเอาสายไฟเก่าออกทั้งหมด ในตอนนั้นทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง มากกว่า 70 นาย รถดับเพลิงกว่า 20 คัน และมี
ตำรวจและทหารจากพัน 12 รักษาพระองค์ นำกำลังมาช่วยเหลือ กว่า 70 นาย แต่ก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นเพลิงไว้ได้ เนื่องจาก วัสดุภายในโรงงานนั้นเป็น
เชื้อไฟได้อย่างดี กว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ก็เป็นเวลา ประมาณ เที่ยงคืน ของคืนนั้น เจ้าหน้าที่ก็ยังคงดับเพลิง ต่อเนื่อง เมื่อเพลิงเริ่ม สงบ พนักงานบาง
ส่วนและเจ้าหน้าที่ก็เริ่ม ทยอยกลับบ้านหรือหน่วยที่ตั้ง เวลาประมาณ ตีสามของวันต่อมา ผมได้แยกย้าย นำกล้อง CCTV ไปเพื่อตรวจเช็คภาพภายใน
โรงงานเพื่อหาสาเหตุ ก็พบภาพ ที่ทางผมอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนใดๆมาพูดได้
เดวมาต่อนะครับ