ถ้าเราซื้อ OPLOT M 50 คัน ส่วนหนึ่งแล้ว Merkava MK.4 อีกซัก 20 คันกองพันรถถังเราคงเจ๋งมิใช่น้อย
Merkavaถูกพัฒนาตั้งแต่ยุค70เรื่อยมาตั้งแต่รุ่น1-2-3 ซึ่งยังคงพื้นฐานที่ได้พิสูจน์ในสงครามระหว่างชาติอาหรับมาแล้วในอดีต ด้วยตัวรถที่ถูกออกแบบให้มีเครื่องยนต์ติดตั้งที่ด้านหน้าและมีด้านท้ายเปิดประตูเข้าออก ลำเลียงทหารไปกับรถได้(6-นาย) ตัวป้อมที่ลาดเอียงเพื่อความสามารถในการป้องกันกระสุนและจรวดต่อต้านรถถังทุกชนิด

เมอร์คาว่า มาร์ค-4 คือรุ่นที่เราจะหยิบมาคุยกัน เนื่องจากได้รับการพัฒนา(อัพเกรดแล้วกัน)ในช่วงปี2003 ใส่เทคโนโลยีใหม่ๆที่ต้องใช้ในสงครามยุคใหม่เข้าไป เช่นเดียวกับรถถังหลักของชาติมหาอำนาจทั้งหลายที่พยายามมีจุดเด่นลบจุดด้อยในตนเองออกไป
ความไม่เหมือนใครคือเครื่องยนต์ด้านหน้าตัวรถซึ่งก็มีข้อดีที่ช่วยให้สามารถเสริมเกราะด้านหน้าให้หนามากขึ้น เครื่องยนต์ด้านหน้าสามารถป้องกันกำลังพลภายในรถหากด้านหน้าถูกยิงเข้าแบบจังๆ เกราะด้านหน้านอกจากหนาผิดคนอื่นยังเสริมความลาดเอียงให้กระสุนที่ปะทะเกิดการแฉลบได้เช่นกัน
ตัวป้อมใช้เกราะแบบโมดูลหรือเป็นชิ้นๆหลายชนิดเสริมเข้าไปเพื่อให้มีอำนาจป้องกันสูงสุด เพิ่มความลาดเอียงเพื่อให้เฉพาะชิ้นเกราะที่เสริมทับป้อมตัวรถมีความหนาสุดๆถึง1200มม.ในด้านหน้า ส่วนตัวคิดว่าหนาที่สุดในโลกแล้ว เมื่อเกราะเสียหายสามารถถอดออกใส่เกราะชิ้นใหม่เข้าไปแทนที่โดยทำการเปลี่ยนได้ในสนามรบทันที

เกราะด้านหลังแม้ว่าจะเปิดเข้าออกตัวรถได้ แต่ก็มีความหนาผิดกับท้ายรถถังรุ่นอื่นๆที่ต้องใช้เป็นห้องเครื่องยนต์รวมถึงระบบระบายความร้อน ท่อไอเสียเป็นต้น

เกราะหนาหฤโหดเป็นวัสดุคอมโพสิตชนิดต่างๆเรียงสลับชั้นกัน(ถึงจะปิดเป็นความลับแต่คาดกันว่าไม่ต่างจากเกราะของM1A2หรือเกราะแบบชอฟแบม นั้นเอง) ที่มุมลาดเอียง75องศา ส่วนบนเป็นเกราะวัสดุคอมโพสิตมีความหนาถึง200มม. เกราะกั้นส่วนถังน้ำมันหนา40มม. เกราะกั้นห้องเครื่องยนต์หนา80มม.(ในแนวตั้ง) เสริมเกราะระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์อีก60มม. ที่มุมลาดต่ำสุด25องศาเกราะจะมีความหนา100มม.
ความลาดเอียงที่นอกจากเพิ่มความสามารถในการป้องกันยังรวมถึงลดการตรวจจับของเรดาห์ด้วย

เครื่องยนต์ขนาด1500แรงม้า V12สูบ รุ่นGD883 ของเจเนรัล-ไดนามิกส์ (แผนแบบMTUของเยอรมัน) ถูกออกแบบให้มีการนำอากาศเข้าห้องเครื่องยนต์อยู่ด้านขวาใต้มุมป้อม(กรณีเกิดเพลิงลุกไหม้หรือมีเปลวเพลิงบริเวณนี้จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายทันทีเพราะดูดเปลวเพลิงเข้าห้องเครื่องยนต์เต็มๆ) ท่อไอเสียด้านขวาที่เป็นแผ่นครีบบังคับเปิด-ปิดไอเสียให้ผสมไอเย็นพอดีเพื่อให้อากาศที่ปล่อยออกมามีความร้อนน้อยลงก่อให้เกิดการบิดเบือนการตรวจจับของกล้องความร้อนข้าศึก พร้อมเกียร์อัตโนมัติส่งกำลัง5สปีด ของ Renk RK325 ใช้ในการขับเคลื่อนที่คล่องตัว
อีกเรื่องนึงที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของMerkava 4 คือน้ำหนักที่มากขึ้น ว่ากันว่าหนักมากถึง68ตัน(บางแหล่งว่าถึง70ตัน)
ปืนใหญ่MG253 120มม. L44 บรรจุด้วยกำลังพล ซึ่งอุปกรณ์หลักคือARMSออโต้แม็กกาซีนเพื่อเก็บกระสุนและโหลดเลือกกระสุนสำหรับยิงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตัวแม็กกาซีนเองสามารถป้ิองกันกระสุนระเบิดได้ ในตัวรถมีกระสุน48นัดในซองบรรจุไฟเบอร์กลาสทนไฟเผาได้นาน40นาที นอกจากนั้นยังมีกระสุนพิเศษคือจรวดนำวิถียิงจากลำลก้องปืนรุ่นLAHATด้วย
นอกจากนั้นยังมีปืนกลร่วมแกน7.62มม. ปืน.ค.60มม. ระยะยิง2.7ก.ม.และท่อยิงระเบิดควันจำนวน12ท่อยิง
Credit Board index ‹ Military Worldwide ( วงการทหารทั่วโลก ) ‹ Military Technology | เทคโนโลยีทางทหาร
K.MIG31
ถ้าเราซื้อ OPLOT M 50 คัน ส่วนหนึ่งแล้ว Merkava MK.4 อีกซัก 20 คันกองพันรถถังเราคงเจ๋งมิใช่น้อย
Merkavaถูกพัฒนาตั้งแต่ยุค70เรื่อยมาตั้งแต่รุ่น1-2-3 ซึ่งยังคงพื้นฐานที่ได้พิสูจน์ในสงครามระหว่างชาติอาหรับมาแล้วในอดีต ด้วยตัวรถที่ถูกออกแบบให้มีเครื่องยนต์ติดตั้งที่ด้านหน้าและมีด้านท้ายเปิดประตูเข้าออก ลำเลียงทหารไปกับรถได้(6-นาย) ตัวป้อมที่ลาดเอียงเพื่อความสามารถในการป้องกันกระสุนและจรวดต่อต้านรถถังทุกชนิด
เมอร์คาว่า มาร์ค-4 คือรุ่นที่เราจะหยิบมาคุยกัน เนื่องจากได้รับการพัฒนา(อัพเกรดแล้วกัน)ในช่วงปี2003 ใส่เทคโนโลยีใหม่ๆที่ต้องใช้ในสงครามยุคใหม่เข้าไป เช่นเดียวกับรถถังหลักของชาติมหาอำนาจทั้งหลายที่พยายามมีจุดเด่นลบจุดด้อยในตนเองออกไป
ความไม่เหมือนใครคือเครื่องยนต์ด้านหน้าตัวรถซึ่งก็มีข้อดีที่ช่วยให้สามารถเสริมเกราะด้านหน้าให้หนามากขึ้น เครื่องยนต์ด้านหน้าสามารถป้องกันกำลังพลภายในรถหากด้านหน้าถูกยิงเข้าแบบจังๆ เกราะด้านหน้านอกจากหนาผิดคนอื่นยังเสริมความลาดเอียงให้กระสุนที่ปะทะเกิดการแฉลบได้เช่นกัน
ตัวป้อมใช้เกราะแบบโมดูลหรือเป็นชิ้นๆหลายชนิดเสริมเข้าไปเพื่อให้มีอำนาจป้องกันสูงสุด เพิ่มความลาดเอียงเพื่อให้เฉพาะชิ้นเกราะที่เสริมทับป้อมตัวรถมีความหนาสุดๆถึง1200มม.ในด้านหน้า ส่วนตัวคิดว่าหนาที่สุดในโลกแล้ว เมื่อเกราะเสียหายสามารถถอดออกใส่เกราะชิ้นใหม่เข้าไปแทนที่โดยทำการเปลี่ยนได้ในสนามรบทันที
เกราะด้านหลังแม้ว่าจะเปิดเข้าออกตัวรถได้ แต่ก็มีความหนาผิดกับท้ายรถถังรุ่นอื่นๆที่ต้องใช้เป็นห้องเครื่องยนต์รวมถึงระบบระบายความร้อน ท่อไอเสียเป็นต้น
เกราะหนาหฤโหดเป็นวัสดุคอมโพสิตชนิดต่างๆเรียงสลับชั้นกัน(ถึงจะปิดเป็นความลับแต่คาดกันว่าไม่ต่างจากเกราะของM1A2หรือเกราะแบบชอฟแบม นั้นเอง) ที่มุมลาดเอียง75องศา ส่วนบนเป็นเกราะวัสดุคอมโพสิตมีความหนาถึง200มม. เกราะกั้นส่วนถังน้ำมันหนา40มม. เกราะกั้นห้องเครื่องยนต์หนา80มม.(ในแนวตั้ง) เสริมเกราะระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์อีก60มม. ที่มุมลาดต่ำสุด25องศาเกราะจะมีความหนา100มม.
ความลาดเอียงที่นอกจากเพิ่มความสามารถในการป้องกันยังรวมถึงลดการตรวจจับของเรดาห์ด้วย
เครื่องยนต์ขนาด1500แรงม้า V12สูบ รุ่นGD883 ของเจเนรัล-ไดนามิกส์ (แผนแบบMTUของเยอรมัน) ถูกออกแบบให้มีการนำอากาศเข้าห้องเครื่องยนต์อยู่ด้านขวาใต้มุมป้อม(กรณีเกิดเพลิงลุกไหม้หรือมีเปลวเพลิงบริเวณนี้จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายทันทีเพราะดูดเปลวเพลิงเข้าห้องเครื่องยนต์เต็มๆ) ท่อไอเสียด้านขวาที่เป็นแผ่นครีบบังคับเปิด-ปิดไอเสียให้ผสมไอเย็นพอดีเพื่อให้อากาศที่ปล่อยออกมามีความร้อนน้อยลงก่อให้เกิดการบิดเบือนการตรวจจับของกล้องความร้อนข้าศึก พร้อมเกียร์อัตโนมัติส่งกำลัง5สปีด ของ Renk RK325 ใช้ในการขับเคลื่อนที่คล่องตัว
อีกเรื่องนึงที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของMerkava 4 คือน้ำหนักที่มากขึ้น ว่ากันว่าหนักมากถึง68ตัน(บางแหล่งว่าถึง70ตัน)
ปืนใหญ่MG253 120มม. L44 บรรจุด้วยกำลังพล ซึ่งอุปกรณ์หลักคือARMSออโต้แม็กกาซีนเพื่อเก็บกระสุนและโหลดเลือกกระสุนสำหรับยิงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตัวแม็กกาซีนเองสามารถป้ิองกันกระสุนระเบิดได้ ในตัวรถมีกระสุน48นัดในซองบรรจุไฟเบอร์กลาสทนไฟเผาได้นาน40นาที นอกจากนั้นยังมีกระสุนพิเศษคือจรวดนำวิถียิงจากลำลก้องปืนรุ่นLAHATด้วย
นอกจากนั้นยังมีปืนกลร่วมแกน7.62มม. ปืน.ค.60มม. ระยะยิง2.7ก.ม.และท่อยิงระเบิดควันจำนวน12ท่อยิง
Credit Board index ‹ Military Worldwide ( วงการทหารทั่วโลก ) ‹ Military Technology | เทคโนโลยีทางทหาร
K.MIG31