กลิ่นตัวของเพื่อนนั้นสำคัญไฉน?

กระทู้คำถาม
เรามีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันอยู่9คน ตอนอยู่โรงเรียนจะสนิทและไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งกลุ่ม แต่พอนอกโรงเรียนจะสนิทกับอีกคนมากที่สุด เธอชื่อหน่องตับ [นามสมมติ]

เราสนิทกันมากๆ มีอะไรก็จะบอกและคอยปรึกษากันตลอด คุยนั่นคุยนี่ได้ทุกเรื่อง แต่หน่องตับค่อนข้างจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ออกแนวติ๊งต๊องงี้อ่ะค่ะ

คบกันมาก็4ปีแล้ว หน่องตับมีปัญหาอย่างหนึ่งที่เพื่อนในกลุ่มไม่มี นั่นก็คือกลิ่นตัว บร๊ะเจ้า กลิ่นตัวของนางยิ่งกว่าน้ำหอมใดๆ ดมทีสตงสติถูกฉุดกระชากออกจากร่างเลยทีเดียวเชียว 5555555

เรากับเพื่อนรับรู้ถึงกลิ่นอัน(ไม่)พึงประสงค์นี้มานานมากแล้วววว ไล่ตั้งแต่กลิ่นปากที่พอนางอ้าปากทีกลิ่นก็กระจายเสียยิ่งกว่าโฆษณาที่บอกว่ามีแคปซูลเล็กแตกตัวในน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่ะค่ะ

ถัดมานั่นคือกลิ่นลมหายใจรสมิ้นประหนึ่งกลิ่นหมากฝรั่งยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง (ไม่ใช่ละ) -..- ถ้ามีขายจริงคงขอบายคนแรกเลยแหละ เวลาที่เรานั่งข้างหน่องตับทีไร กลิ่นลมหายใจที่เพียงแค่สูดรับอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าปอดก็... อื้อหือ อย่าให้ได้อธิบายละเอียดเลยค่ะ กลิ่นที่ลอยมากับลมนี่พุ่งเข้ารูจมูกจนเราทรงตัวไม่อยู่ ไปไหนไม่ถูกเลยค่า! สมองขาวโพลนราวกับเจอรักแรกพบเข้าเต็มเต็ง

ต่อไปคือกลิ่นจากผิวเนื้อและร่างกายอันผุดผ่องประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ 555555 เราไม่เคยทราบเลยว่าเพื่อนตัวเองมันมีกลิ่นที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น อันนี้พูดจริงนะ แค่ตื่นเช้ามากลิ่นปาก กลิ่นลมหายใจ กลิ่นตัวมาครบชุด! ยิ่งเวลาที่เหงื่อออกเยอะๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง ล่าสุดคือเมื่อก่อนค่ะ นางซ้อมเต้นกีฬาสีใช่ป่ะคะ พอเลิกปุ๊บหน่องตับก็วิ่งตรงมาหาอิฉันปั๊บ เอาแล้ว...วินาทีนั้นคิดในใจว่ากูคงไม่รอดแน่ๆ กลิ่นมันต้องร้ายแรงถึงขั้นเป็นมลภาวะให้กับอากาศได้เลย หน่องตับหยุดยืนข้างๆเราค่า...เธอพุ่งคำพูดออกมาเต็มหน้าเราเลย ผมนี่ถึงกับอึ้ง! ไม่เคยคิดเคยฝันว่าเวลาช็อกและถูกกระชากวิญญาณมันเป็นอย่างไรจนได้มาพบกับหน่องตับคนนี้ คนที่เป็นเพื่อนสนิทสุดเลิฟนี่แหละค่ะ

นางพูดอย่างไม่เกรงใจ ได้โอกาสก็ขี้โม้เต็มที่โดยไม่คำนึงนึกถึงคนตาดำๆที่ทนรับพิษบาดแผลไม่ไหวแบบเพื่อนเล้ย ก็ได้แค่คิดแหละนะ จะพูดก็กระไรอยู่ เรานี่ฮึ๊บไว้ค่ะ ได้แต่ท่องไว้ในใจว่าต้องฮึ๊บไว้ แต่ผลสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กับกลิ่นอันแรงกล้าของนาง ไม่ไหวเจ้าค่า ทรุดตัวลงรัวๆ ถอนหายใจเพื่อปล่อยพิษออกจากร่างกายแล้วใส่เกียร์หมาวิ่งสุดชีวิต!! ไม่สงไม่สนยิ้มละ จะเพื่อนก็เพื่อนเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้กูไม่ขอเสี่ยงกับมันครับ!

เพื่อนๆเคยถามนะว่าเวลาพูดนี่ได้กลิ่นปากตัวเองป่ะ นางก็บอกว่าไม่ *ทำหน้าตาเฉย*

พอถามว่าแต่ละวันได้อาบน้ำมั้ย หน่องตับก็ตอบว่าอาบ *ทำหน้าตาเฉย* แต่พ่อของเธอเคยบอกพวกเราว่านางไม่ชอบอาบน้ำ

ผมนี่ถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แหม่...ถ้าเป็นเรื่องจริงมันคงจะเหลือเชื่อน่าดู ยังมีคนที่เป็นเจ้าของกลิ่นหัวเชื้อชั้นดีแบบนางอยู่บนโลกอีกเยอะป่ะ?!

เราแบบทนไม่ไหวมากๆ มากถึงมากที่สุด ปรึกษาเพื่อนอยู่นานก็จับเข่าคุยกันเลยจ้า ได้โอกาสอันเหมาะสมเลยชิ่งถามนางออกไปว่า

เรา : ตับ...ถามจริงเหอะ เวลาไปใกล้คนอื่นนี่ไม่กลัวเค้าเหม็นเหรอ? (ถามไปด้วยกลัวไปด้วย แอบสงสารเพื่อนตัวเองเบาๆที่ต้องพูดตรงๆ บางทีอาจจะสะกิดหัวใจอันบอบช้ำของนางก็ได้)

หน่องตับ : ไม่อ่ะ *ทำหน้าตาที่มองแล้วอยากเป็นหมูอวกาศเหินฟ้าถีบยอดหน้ามันสักที*

เรา : เออ รู้งี้แล้วทำไมไม่รู้จักปรับปรุงตัวเอง

หน่องตับ : ก็ทำอยู่...*น้ำเสียงจริงจัง*

เรา : ที่บอกทำน่ะทำอะไร แต่ละวันอาบน้ำหรือเปล่า แปรงฟันหรือเปล่า? *เป็นการเป็นงานมากค่ะ ในใจอีนี่ไม่มีไรนอกจากความหวังดี กลัวนางเข้าใกล้คนอื่นแล้วเขาจะรังเกียจ ส่วนเพื่อนคงไม่ต้องพูดถึง จมูกพวกกูชินกลิ่นหมักหมมนี่มาหลายปีหลายวันหลายวินาทีแล้วจ้า*

สรุปคือพวกเราเคยบอกแบบตรงๆแล้ว ถามตรงๆแล้ว ด่าตรงๆก็แล้ว แต่กลิ่นของนางก็ไม่เคยแตกต่างจากเมื่อสามปีที่แล้วเลย มันเป็นยังไงก็เป็นอย่างงั้น มิหนำซ้ำยังแรงกว่าเดิมหลายเท่าเสียอีก

พอบอกด้วยความหวังดีก็ชอบเปลี่ยนเรื่องคุย ตื่นเช้ามากลิ่นก็เป็นแบบเดิมไม่เปลี่ยน คือไม่สงสารเพื่อน ไม่สงสารพ่อแม่ที่ร่วมชายคา ก็ควรสงสารตัวเองบ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะชินกลิ่นตัวเองเหรอคะ เวลามาเข้าใกล้เรา เราต้องเดินหลีกออกห่างประจำ แต่ไม่ได้แสดงออกมากมายว่าเหม็นอะไรขนาดนั้นหรอกนะคะ ทั้งที่ความจริงมันยิ่งกว่าขยะเน่า!

ที่ตั้งกระทู้ก็ไม่ได้จะประจานเพื่อนตัวเองหรือทำให้คนอื่นอับอาย แต่เราอยากได้วิธีแก้ไข บอกตรงๆนางก็ไม่ได้ใส่ใจ ประหนึ่งว่าเรื่องที่พวกเรากำลังเครียดเป็นเรื่องขี้ตีนของตัวเองก็ไม่ปาน

ยังไงก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะว่าพวกเราต้องทำยังไง ถ้าจะปล่อยไปมันก็ไม่ไหวแน่ๆอ่ะ สงสารปอดตัวเอง 55555555555 นี่ยังจะขำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่