[SR] Pantip in Kazakhstan by Singha ; รีวิวโดย totodkub ตอนที่ 2 " ชีวิต ผู้คน หมู่บ้าน รอยยิ้ม ระหว่างทาง"



ความเดิมจากตอนที่แล้ว  http://pantip.com/topic/32747179
ขอเริ่มต้นด้วยคำถามที่หลายๆคนสงสัย

- โต้จะไปคาซัคสถานหรอ...ไม่เห็นมีคนไทยไปเที่ยวที่นั้นเลย  มันจะมีอะไรหรอ...
-ถ้าไปจริงๆ ไปดูมาให้หน่อย ว่า นอกจากสาวน้อยซาบีน่า  "คาซัคสถาน" ประเทศที่ได้ยินชื่อก็ตอนที่ เป็นนักกีฬามา แข่งขันกับทีมไทย
อย่างเช่น  ฟุตบอล วอลเลย์บอล หรือมวยสากลสมัครเล่น  "ลองไปดูมาดิ ว่านอกจากนี้ มันมีอะไรอีกไหม เหมือนอย่างที่คิด  หรือต่างจากที่เคย(คิด)ว่าเข้าใจ

- ประเทศอย่างนี้หรือเปล่า ที่เขาสู้รบกัน  พวกประเทศ ที่ตามหลัง "_ _ _ _ สถาน"
-  มันน่ากลัวนะ   เค้าว่ากันโครตดุเลย .....
- ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาราชการ คนส่วนใหญ่ใช้ภาษารัสเซีย  จะขึ้นรถลงเรือ สื่อสารกันได้อย่างไร....
- ดูใน INTERNET คนไทยไม่เห็นค่อยได้ไป    จะอยู่อย่างไง กินอย่างไง  เตรียมใจไปให้ดี
- ไปจริงหรอ...!!!!!!!
- พื้นที่มันเป็นอย่างไร ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ ทะเลทราย ต้นไม้ ใบหญ้า และอีกสารพัดมากมาย ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยแล้วกัน

ก็ด้วยการสนับสนุนจากบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
ในการจัดกิจกรรมพิเศษให้สมาชิกใน pantip ได้ร่วมสนุกกัน และได้รับการประสานความร่วมมือจากทาง สถานฑูตคาซัคสถานในประเทศไทย
ก็ทำให้ผมหยิบเอาความสงสัยในหลายๆประการ มาพิสูจน์ให้เห็นตา






พวกเราร่ำลาสาวน้อย ( Sabina Altynbekova ) นักวอลเลย์บอลทีมชาติคาซัคสถาน
ด้วยความรู้สึกที่แสนยินดี แม้จะเป็นเวลาไม่มากมายนัก ที่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน (ที่จริงต้องบอกว่าฟังคำสัมภาษณ์กันเสียมากกว่า )
ดูเหมือนว่า  บนแผ่นดินเอเชียกลางที่ประเทศ "คาซัคสถาน" มีอะไรอีกมากมายที่(ชวน)น่าสนใจมากกว่าที่เคยรับรู้ หรือได้ยินมาอย่างแน่นอน


แม้เริ่มต้นการเดินทาง คือความตั้งใจ ที่จะได้มาพบสาวน้อยคนนี้ แต่เห็นทีถ้าเดินทางไกล หลายพันกิโล เพื่อแค่พบเจอเธอ ก็ดูจะเสียโอกาสอย่างแน่นอนอีกมากมาย
แล้วคราวนี้เราจะเดินทางไปไหนกันต่อไปดี  
กำหนดการเดินทาง มีเวลาอีก เกือบ 1 อาทิตย์ ทีมเดินทางสำรวจ เลือกที่จะเดินทางในพื้นที่ใกล้เคียงเมืองอัลมาตี เพื่อทำการเจาะลึกในเขตพื้นที่โดยรอบ
มากกว่าเร่งเดินทางไกล เพื่อหวังดูภาพรวม กับพื้นที่ในวงกว้างของประเทศที่พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก

อันที่จริง ก็วางแผนเดินทางกันมา เพื่อตอบคำถามในสิ่งที่หลายคนสงสัย
ในเวลาที่มีอยู่อาจไม่มากมายนัก แต่สำหรับการเปิด มุมมองในพื้นที่ใหม่ๆ
เท่าไหร่ เท่ากัน...
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกัน


ฝนยังคงตกโปรยปราย ให้พอได้เดินไปไหนมาไหน ได้ใช้อุปกรณ์กันฝนที่เตรียมา
สำหรับการเดินทางไปนอกเมืองอัลมาตี วิธีการที่เหมาะที่สุด ที่พวกเราเลือกก็การ
ใช้บริการบริษัททัวร์ภายในประเทศ มีไกด์ท้องถิ่นที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
พร้อมกับ รถ 4*4 ขับเคลื่อนเต็มกำลัง พร้อมกับคนขับรถมากประสบการณ์ที่พร้อมจะพาออกเดินทางไปในหลายๆพื้นที่



แล้วทำไมไม่ไปกันเอง..!!!!!
แบบซื้อตั๋วรถทัวร์แบบบ้านเรา ที่ขึ้นจากหมอชิตไปลงเชียงใหม่  แล้วต่อรถแดงขึ้นไปดอยสุเทพไม่มีหรอ...!!!!
หรือไม่ก็เช่ารถเก๋ง รถกระบะ รถบ้าน ขับชิวๆ จอดรถสบายใจ ค่ำไหนนอนนั้น ไม่ได้หรอ...!!!!
ผมก็แอบมีคำถาม แต่เชื่อว่า เดี๋ยวก็คงเจอคำตอบระหว่างทางแน่นอน  อย่ารอช้า  


" รีบขึ้นรถกันดีกว่า ระยะทางวันนี้ ไม่ถึง 200 กิโลเมตร  ถ้าเป็นอย่างที่พยากรณ์อากาศ เราอาจจะถึงที่หมายในเวลาดึก"
ไกด์สาวบอกกับพวกเราให้รีบขึ้นรถเตรียมตัวออกเดินทาง

บ่ายโมงกว่าๆ รถ 2 คัน กับคน 9 คน ก็พาออกนอกเมือง สภาพอากาศภายนอกเย็นต่ำกว่า 10 องศา ไม่มีแสงแดดให้เห็น และฝนยังคงโปรยปราย
สลับกับถนนหนทางที่กำลังปรับปรุง เหลือบมองเห็นหน้าปัดไมล์ เข็มกระดิกไปมาอยู่แถวๆ 60 -70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คิดในใจ มันจะมืดค่ำไปได้ไง 200 หาร 70 เต็มที่ก็ไม่เกิน 4 ชั่วโมง
แต่สิ่งปากว่าคงไม่เท่าตาเห็น...


นั้นไง บางช่วง
รถเริ่มติด ทำให้ชีวิตเริ่มเปลี่ยน
เข็มไมล์กระดิกอยู่แถว 20- 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บางแห่งต้องลงไปวิ่งบนทางเบี่ยงซ้ายที ขวาที
ลุยทางที่กำลังปรับปรุง ขนานไปกับถนนทางหลวงสายหลักระหว่างเมืองที่กำลังปรับปรุง ขยายถนนให้กว้างมากกว่าเดิม




"สิ่งใหม่ๆ สำหรับผมมันชวนให้ตื่นเต้นเสมอ"  
ทั้งสภาพสองข้างทาง บรรยากาศที่พบเจอ  ตลอดจนพาหนะร่วมเดินทางบนนถนนสายเดียวกัน
นอกจากเรื่องเล่า ภาพถ่ายคงเป็นสิ่งที่ยืนยันในสิ่งที่ได้พบเจอ
พี่คนขับรถ เห็นหน้าตาที่ตื่นเต้นกับสองข้างทาง
จอดรถที่ไหล่ทาง  หยุดพักการเดินทาง ให้เราได้เดินยืดเส้นยืดสาย เลือกมุมถ่ายภาพกันให้เพลิดเพลินใจ ก่อนจะเดินทางต่อไป
เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา...ที่ไกด์สาว บอกไว้ดูน่าจะมีความจริง



ทัศนวิสัยด้านนอกไม่เข้าข้างนักเดินทางทั้ง 6 คน
หมอกลงจัด ในสภาพเส้นทางที่กำลังปรับปรุง นึกเล่นๆถ้าให้ขับรถมาเอง มากกว่าความสนุก คงตื่นเต้นน่าดู
แต่ด้วยความชำนาญของคนขับรถ และคุ้นชินกับสภาพพื้นที่ ก็พาเราออกมาไกลจากเมืองอัลมาตี
ถามดูเพิ่งจะผ่านมาได้แค่ครึ่งทาง

ระยะทางข้างหน้าจะเจอทางแยก เราจะเลี้ยวเข้าไปวิ่งไปตามถนน
ที่ลัดเลาะบนภูเขา ก่อนจะถึงพื้นที่ ถ้าสภาพอากาศไม่เลวร้ายก็นี้อีกไม่นานก็คงทำความเร็วและถึงเวลาช้ากว่าที่กำหนดไม่นาน


  

พายุหิมะก็โหมกระหน่ำลงมาอย่างหนัก  
จากที่รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ครั้งแรกในชีวิตที่พบเจอ
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าแล้วจะไปต่อกันได้อย่างไร
เพราะขนาดจอดรถ เปิดไฟหน้ารถไว้  คนเดินตัดหน้าก็แทบจะยังไม่เห็นเลย
ยิ่งนาน ยิ่งหนัก  ฮิตเตอร์ในรถเปิดเต็มระบบ ยังรู้สึกถึงอุณหภูมิและอากาศภายนอก
ไม่ได้แค่เย็น แต่ถ้าลงไปคงเปียกปอน  นึกในใจ ธรรมชาติคงรอต้อนรับ นักเดินทางจากเมืองไทยแน่นอน
แล้วจู่ๆ คนขับรถ ก็เหยียบคันเร่ง เปิดไฟสูง เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
พร้อมกับใช้วิทยุสื่อสารพูดคุยกันระหว่างสองคัน...

สภาพอากาศเริ่มเย็นลง  ทั้งลม ทั้งหิมะยังคงตกลงอย่างไม่ลืมหูลืมตา
พอๆกับสภาพเส้นทาง แม้จะบรรยากาศข้างนอกจะมองไม่คอยจะเห็นขรุขระ ให้พอได้นั่งกระดอนไปมา ตื่นตัว ตื่นเต้น อยู่ตลอดเวลาที่
ตั้งเจอกับทางลงเขาอันตราย  โค้งซ้ายหักศอก  เลี้ยวขวามีรถสวนมา สี่ทุ่มกว่าๆ
รถ 4*4 ทั้งสองคัน  ดับเครื่อง จอดสนิท กลางหมู่บ้านเล็กๆ ในของอุทยานแห่งชาติ Altyn Emel
ซึ่งเป็นที่พักของเราในค่ำคืนนี้...ทุกคนปลอดภัย ตูดเริ่มระบบ มือเริ่มชา ขนาดแค่เดินออกมาจากรถ ยกกระเป๋าเข้าที่พักเพียงนิดเดียว แทบสลบกันเลย



แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่เตรียมอาหารค่ำในครัวไว้ให้พวกเรา
ทั้งของหวาน ของคาว ผลไม้ และน้ำชาอุ่นๆ
กินไป ง่วงไปแทบจะหลับกลางอากาศ รีบเข้าห้องนอน รอให้พี่หาวหลับไปก่อนซัก สิบนาที สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน

คิดในใจ เฮ้ย...
"สมมุติเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงมันแค่ฝันไป ถ้าจู่ๆเผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพิ่งรู้ว่าความจริงเรากำลังเพิ่งเริ่มต้นออกเดินทาง จะทำอย่างไร"....*-*


ประสบการณ์ในคืนที่สอง ที่ได้นอนกับเพื่อนร่วมเดินทาง
ถ้าในตอนเช้าอยากลุกขึ้นมาแล้วออกไปทำอะไร
เตรียมอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ แล้ววางไว้ให้พร้อม
รุ่งเช้า จะได้ไม่ต้องเปิดไฟ แล้วชุลมุนวุ่นวายหาของอยู่คนเดียว ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องยังคงหลับฝันดี
นึกในใจ ทำไมไม่คิดได้ตั้งแต่เมื่อคืน....


"หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไกลออกไปจากเมืองใหญ่อย่างอัลมาตี
ที่ตั้งอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติ ในประเทศคาซัคสถาน"
คือโจทย์คำถามที่ปลุกให้ผมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง....
แม้เมื่อคืนจะเข้ามากลางดึก
แต่แสงจันทร์ในคืนเดือนหงาย บวกกับแสงไฟที่ลอดมาจากในบ้าน ก็ทำให้พอจะรู้เป้าหมายในตอนเช้าที่หมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นอย่างไร....


ผมมีเวลาก่อนนัดกินข้าวเช้า และออกเดินทาง ไม่มากมายนัก
หยิบกล้องและอุปกรณ์ พร้อมๆกับรอยยิ้มชนิดที่เรียกว่าแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง






นอกจากที่นี่จะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสำหรับการมาพักค้างแรม
รอบๆศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก็รายล้อมไปด้วยบ้านเรือน   โดยมีถนนตัดผ่านกลางหมู่บ้าน ทอดยาวเป็นเส้นตรงยาวประมาณ เกือบ 1 กิโลเมตร
ให้พอได้เดินสำรวจวนไปวนมา...ว่าแล้วก็รีบไปเดี๋ยวจะกลับมากินข้าวไม่ทัน
มีโรงเรียนให้เด็กๆ ได้มาเรียนหนังสือ


มีมัสยิดกลางหมู่บ้าน สำหรับปฎิบัติศาสนกิจ
และมีฉากชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ก็ปรากฎขึ้น ให้ผมได้เก็บภาพความประทับใจมาฝาก


ชื่อสินค้า:   Pantip in Kazakhstan
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่