หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๒
http://pantip.com/topic/32775820
ตอนที่ ๓
ปีศาจในซอกเขา
“นี่คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันจะเขียนมาถึงพี่ ฉันไม่เคยลืมภาพความรักของเราทั้งสองที่ซอกเขาในคืนนั้นเลย ที่นั่น ฉันได้พบกับความรักที่เฝ้าโหยหามาแสนนาน แต่ความสุขของฉัน มันจะต้องแลกมาด้วยความทุกข์อันแสนสาหัสเสมอ ฉันสร้างตราบาปให้กับผู้มีพระคุณที่ดูแลชุบเลี้ยงฉันมา ฉันต้องหวนกลับไปยังวังหมอกไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไปเพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน ไปเพื่อเซ่นสังเวยกับเจ้าหญิงผู้ให้พรแก่ฉันจนได้ลิ้มรสกับความรักอันหอมหวานนี้ หลังคำพิพากษาของท่านเหมันต์ หัวใจของฉันได้ตายลงที่วังหมอก พร้อมกับการกำเนิดของหัวใจอีกดวง
ฉันจะรอพี่ในคืนวันเพ็ญเดือนอ้าย หลังพิธีบวงสรวง
...พลับพลึง”
แสงสูรย์ปิดเปลือกตาลงช้าๆ พร้อมกับพับเอากระดาษสีซีดจางในมือสอดไว้ใต้ลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะทำงาน เมื่อฤดูหนาวมาถึงทีไร เขาเป็นต้องหวนรำลึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดนั้นทุกครั้ง เขาพยายามลบเลือนมันออกจากความทรงจำ แต่ผ่านมาจนกระทั่งยี่สิบกว่าปี... ภาพของพลับพลึงและเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา
แสงสูรย์เป็นที่รู้จักดีในนามผู้สืบทอดตระกูลที่มั่งมีรองจากบ้านท่านเหมันต์ในพื้นที่แถบนี้ เขาแต่งงานกับสมสวาท ลูกสาวแม่ค้าในเมือง ทั้งคู่ให้กำเนิดบุตรชายสองคนอันได้แก่ สุริยา วัยยี่สิบหกปี และเมฆาวัยยี่สิบสี่ปี เขาและครอบครัวได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่หลังจากที่สูงศักดิ์ พี่ชายของเขาแต่งงานกับพลับพลึง บุตรบุญธรรมคนสุดท้องของนายท่านเหมันต์ เขายังจำภาพในขณะนั้นได้ดี ทั้งคู่ต้องต้านทานแรงค้านทั้งจากฝั่งเขาเอง ด้วยที่บิดาและมารดาหมายจะหาหญิงอื่นไว้รออยู่แล้ว และทางฝั่งท่านเหมันต์ที่แสดงอาการหวงลูกบุตรธรรมราวกับแม่ไก่หวงไข่ แต่ทั้งคู่ก็ฝ่าด่านทั้งหมดจนได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยา
แต่แล้วเรื่องน่าละอายก็ได้บังเกิดขึ้น วันนั้นสูงศักดิ์ที่ไปทำงานในเมืองไม่ได้กลับบ้านด้วยรถเกิดเสียกลางทาง พลับพลึงผู้รอคอยอย่างเป็นห่วง เดินทางไปยังบ้านใหญ่เพื่อขอยืมรถนายท่านเหมันต์ แต่ฝ่ายนั้นกลับปฏิเสธ คืนนั้นสูงศักดิ์ต้องไปนอนกับเพื่อนอยู่ในอีกหมู่บ้าน ทิ้งให้ภรรยาสาวต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง เปิดโอกาสให้ปีศาจร้ายตนนั้นเข้ามารุมขย้ำเธออย่างไม่มีชิ้นดี
แสงสูรย์กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น เสียงหัวใจเขาเต้นโครมครามเมื่อหลุดเข้าไปในภวังค์นั้น เขาตื่นขึ้นกลางดึกด้วยลางสังหรณ์ประหลาด ย่องออกจากบ้านตรงมายังเรือนพักพี่ชาย เขามองเห็นหลังไวๆ ของใครบางคนที่รู้สึกคุ้นตา วิ่งเหยาะๆ หายไปในเงามืด วินาทีนั้นแสงสูรย์ใจเสียทันที พอวิ่งขึ้นไปบนบ้านจึงได้รู้ว่าเขามาสายไปเสียแล้ว...
พลับพลึงนอนร้องไห้อยู่บนเตียงนอนยับย่น แสงจันทร์ในวันเพ็ญสาดเปื้อนลงใส่เรือนร่างเนียนขาว เธอดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย ผมเพ้ายุ่งเหยิง สองตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ปีศาจตนนั้นจากไป... โดยทิ้งคราบสกปรกโสมมเอาไว้บนตัวเธอ ทิ้งรอยด่างดำอันแสนน่ารังเกียจนี้ไว้ในใจผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง
ชายสูงวัยปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ ระบายลมหายใจยาวเพื่อขับไล่ความอัดอั้นนั้นให้ออกไปจากร่างกาย สักพักนางสมสวาทจึงมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องนอน โดยแจ้งว่านายสมยศพาชายหนุ่มจากเมืองกรุงมาขอพบ
“นี่คุณแสงสูรย์ครับ ไร่ของเขาอยู่ติดกับน้ำตก เผื่อวันไหนคุณฐานสิทธิ์อยากมาพักผ่อนแถวนี้จะได้ให้แสงสูรย์พาไป” สมยศแนะนำฐานสิทธิ์ให้รู้จักกับพ่อบ้านวัยย่างห้าสิบปี เขาคือแสงสูรย์ บิดาของสุริยาผู้เป็นคู่หมั้นของพิมพ์อัปสร
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ แล้วก็ขอแสดงความยินดีกับคุณสุริยาด้วย” ฐานสิทธิ์บอกด้วยท่าทีนอบน้อม อีกฝ่ายยิ้มตอบไปอย่างเรียบๆ บุคลิกลักษณะเขาเหมือนผู้นำเฉกเช่นนายท่านเหมันต์ แต่ภายในแววตาบนใบหน้ากรำแดดนั้นเหมือนซ่อนความทุกข์ตรมเอาไว้
สมยศขอตัวเข้าไปทำธุระในเมืองโดยอ้างว่าพบเพื่อนเก่า เขาจะกลับมาวังหมอกอีกครั้งในวันมะรืน ฐานสิทธิ์ขอเดินไปชมน้ำตกที่อยู่ท้ายไร่ของแสงสูรย์ โดยมีชายคราวพ่อเป็นผู้นำทาง
“คุณไปรู้จักกับสมสยศได้ยังไงครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงขรึม ฐานสิทธิ์ละสายตาจากภูผาสูงหันมาหาอีกฝ่าย
“ลุงยศทำงานที่กรุงเทพฯ น่ะครับ พอดีคุณพ่อไปพบโดยบังเอิญเมื่อสามเดือนก่อน พอเห็นว่าผมกำลังหาที่พักผ่อนช่วงฤดูหนาวเลยแนะนำให้มาที่วังหมอก ลุงยศแกลาพักร้อนพอดีเลยได้มาเป็นสารถีพาผมมาที่นี่”
“จะว่าไปเจ้ายศก็จากที่นี่ไปนานพอสมควร... แต่มันก็ยังเหมือนเดิม เป็นคนใจกว้าง ไม่มีอคติกับใคร ทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ มันยังไปกินข้าวกับพวกบ้านใหญ่อยู่มั้ย?” คำถามนั้นถึงกับทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง
“ใช่ครับ... เอ...ผมเองก็ไม่เคยถามว่าลุงยศแกไปเกี่ยวข้องกับบ้านนั้นได้ยังไง แต่เห็นคุณพิรุณเธอให้การนับถือเขาพอสมควร”
“นายสมยศมันเป็นเพื่อนรักของพร้อมพันธ์ ลูกชายท่านเหมันต์ยังไงล่ะ เอาล่ะครับ ผมส่งคุณเพียงเท่านี้ ช่วงนี้น้ำกำลังพอดี แต่อย่าลงไปไกลนะครับเพราะปลายน้ำตกมีแก่งหิน ข้างล่างลึกพอควร ผมขี้เกียจไปงมศพคุณขึ้นมา” คำพูดของเขาถึงกับทำให้ฐานสิทธิ์ผายยิ้มกว้าง เกือบหลุดหัวเราะ
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง อ้อ...อย่าเพิ่งไปครับคุณแสงสูรย์ ผมมีอะไรจะให้” คำพูดนั้นทำให้ร่างที่กำลังจะหันหลังเดินกลับต้องหยุดนิ่ง แสงสูรย์จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังล้วงเอาซองกระดาษที่พับใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมา
“คุณพิรุณฝากผมมาให้คุณ”
หมอกเมืองมาร ตอนที่ ๓
ปีศาจในซอกเขา
“นี่คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันจะเขียนมาถึงพี่ ฉันไม่เคยลืมภาพความรักของเราทั้งสองที่ซอกเขาในคืนนั้นเลย ที่นั่น ฉันได้พบกับความรักที่เฝ้าโหยหามาแสนนาน แต่ความสุขของฉัน มันจะต้องแลกมาด้วยความทุกข์อันแสนสาหัสเสมอ ฉันสร้างตราบาปให้กับผู้มีพระคุณที่ดูแลชุบเลี้ยงฉันมา ฉันต้องหวนกลับไปยังวังหมอกไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไปเพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน ไปเพื่อเซ่นสังเวยกับเจ้าหญิงผู้ให้พรแก่ฉันจนได้ลิ้มรสกับความรักอันหอมหวานนี้ หลังคำพิพากษาของท่านเหมันต์ หัวใจของฉันได้ตายลงที่วังหมอก พร้อมกับการกำเนิดของหัวใจอีกดวง
ฉันจะรอพี่ในคืนวันเพ็ญเดือนอ้าย หลังพิธีบวงสรวง
...พลับพลึง”
แสงสูรย์ปิดเปลือกตาลงช้าๆ พร้อมกับพับเอากระดาษสีซีดจางในมือสอดไว้ใต้ลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะทำงาน เมื่อฤดูหนาวมาถึงทีไร เขาเป็นต้องหวนรำลึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดนั้นทุกครั้ง เขาพยายามลบเลือนมันออกจากความทรงจำ แต่ผ่านมาจนกระทั่งยี่สิบกว่าปี... ภาพของพลับพลึงและเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา
แสงสูรย์เป็นที่รู้จักดีในนามผู้สืบทอดตระกูลที่มั่งมีรองจากบ้านท่านเหมันต์ในพื้นที่แถบนี้ เขาแต่งงานกับสมสวาท ลูกสาวแม่ค้าในเมือง ทั้งคู่ให้กำเนิดบุตรชายสองคนอันได้แก่ สุริยา วัยยี่สิบหกปี และเมฆาวัยยี่สิบสี่ปี เขาและครอบครัวได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่หลังจากที่สูงศักดิ์ พี่ชายของเขาแต่งงานกับพลับพลึง บุตรบุญธรรมคนสุดท้องของนายท่านเหมันต์ เขายังจำภาพในขณะนั้นได้ดี ทั้งคู่ต้องต้านทานแรงค้านทั้งจากฝั่งเขาเอง ด้วยที่บิดาและมารดาหมายจะหาหญิงอื่นไว้รออยู่แล้ว และทางฝั่งท่านเหมันต์ที่แสดงอาการหวงลูกบุตรธรรมราวกับแม่ไก่หวงไข่ แต่ทั้งคู่ก็ฝ่าด่านทั้งหมดจนได้แต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยา
แต่แล้วเรื่องน่าละอายก็ได้บังเกิดขึ้น วันนั้นสูงศักดิ์ที่ไปทำงานในเมืองไม่ได้กลับบ้านด้วยรถเกิดเสียกลางทาง พลับพลึงผู้รอคอยอย่างเป็นห่วง เดินทางไปยังบ้านใหญ่เพื่อขอยืมรถนายท่านเหมันต์ แต่ฝ่ายนั้นกลับปฏิเสธ คืนนั้นสูงศักดิ์ต้องไปนอนกับเพื่อนอยู่ในอีกหมู่บ้าน ทิ้งให้ภรรยาสาวต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง เปิดโอกาสให้ปีศาจร้ายตนนั้นเข้ามารุมขย้ำเธออย่างไม่มีชิ้นดี
แสงสูรย์กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น เสียงหัวใจเขาเต้นโครมครามเมื่อหลุดเข้าไปในภวังค์นั้น เขาตื่นขึ้นกลางดึกด้วยลางสังหรณ์ประหลาด ย่องออกจากบ้านตรงมายังเรือนพักพี่ชาย เขามองเห็นหลังไวๆ ของใครบางคนที่รู้สึกคุ้นตา วิ่งเหยาะๆ หายไปในเงามืด วินาทีนั้นแสงสูรย์ใจเสียทันที พอวิ่งขึ้นไปบนบ้านจึงได้รู้ว่าเขามาสายไปเสียแล้ว...
พลับพลึงนอนร้องไห้อยู่บนเตียงนอนยับย่น แสงจันทร์ในวันเพ็ญสาดเปื้อนลงใส่เรือนร่างเนียนขาว เธอดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย ผมเพ้ายุ่งเหยิง สองตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ปีศาจตนนั้นจากไป... โดยทิ้งคราบสกปรกโสมมเอาไว้บนตัวเธอ ทิ้งรอยด่างดำอันแสนน่ารังเกียจนี้ไว้ในใจผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง
ชายสูงวัยปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ ระบายลมหายใจยาวเพื่อขับไล่ความอัดอั้นนั้นให้ออกไปจากร่างกาย สักพักนางสมสวาทจึงมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องนอน โดยแจ้งว่านายสมยศพาชายหนุ่มจากเมืองกรุงมาขอพบ
“นี่คุณแสงสูรย์ครับ ไร่ของเขาอยู่ติดกับน้ำตก เผื่อวันไหนคุณฐานสิทธิ์อยากมาพักผ่อนแถวนี้จะได้ให้แสงสูรย์พาไป” สมยศแนะนำฐานสิทธิ์ให้รู้จักกับพ่อบ้านวัยย่างห้าสิบปี เขาคือแสงสูรย์ บิดาของสุริยาผู้เป็นคู่หมั้นของพิมพ์อัปสร
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ แล้วก็ขอแสดงความยินดีกับคุณสุริยาด้วย” ฐานสิทธิ์บอกด้วยท่าทีนอบน้อม อีกฝ่ายยิ้มตอบไปอย่างเรียบๆ บุคลิกลักษณะเขาเหมือนผู้นำเฉกเช่นนายท่านเหมันต์ แต่ภายในแววตาบนใบหน้ากรำแดดนั้นเหมือนซ่อนความทุกข์ตรมเอาไว้
สมยศขอตัวเข้าไปทำธุระในเมืองโดยอ้างว่าพบเพื่อนเก่า เขาจะกลับมาวังหมอกอีกครั้งในวันมะรืน ฐานสิทธิ์ขอเดินไปชมน้ำตกที่อยู่ท้ายไร่ของแสงสูรย์ โดยมีชายคราวพ่อเป็นผู้นำทาง
“คุณไปรู้จักกับสมสยศได้ยังไงครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงขรึม ฐานสิทธิ์ละสายตาจากภูผาสูงหันมาหาอีกฝ่าย
“ลุงยศทำงานที่กรุงเทพฯ น่ะครับ พอดีคุณพ่อไปพบโดยบังเอิญเมื่อสามเดือนก่อน พอเห็นว่าผมกำลังหาที่พักผ่อนช่วงฤดูหนาวเลยแนะนำให้มาที่วังหมอก ลุงยศแกลาพักร้อนพอดีเลยได้มาเป็นสารถีพาผมมาที่นี่”
“จะว่าไปเจ้ายศก็จากที่นี่ไปนานพอสมควร... แต่มันก็ยังเหมือนเดิม เป็นคนใจกว้าง ไม่มีอคติกับใคร ทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ มันยังไปกินข้าวกับพวกบ้านใหญ่อยู่มั้ย?” คำถามนั้นถึงกับทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง
“ใช่ครับ... เอ...ผมเองก็ไม่เคยถามว่าลุงยศแกไปเกี่ยวข้องกับบ้านนั้นได้ยังไง แต่เห็นคุณพิรุณเธอให้การนับถือเขาพอสมควร”
“นายสมยศมันเป็นเพื่อนรักของพร้อมพันธ์ ลูกชายท่านเหมันต์ยังไงล่ะ เอาล่ะครับ ผมส่งคุณเพียงเท่านี้ ช่วงนี้น้ำกำลังพอดี แต่อย่าลงไปไกลนะครับเพราะปลายน้ำตกมีแก่งหิน ข้างล่างลึกพอควร ผมขี้เกียจไปงมศพคุณขึ้นมา” คำพูดของเขาถึงกับทำให้ฐานสิทธิ์ผายยิ้มกว้าง เกือบหลุดหัวเราะ
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง อ้อ...อย่าเพิ่งไปครับคุณแสงสูรย์ ผมมีอะไรจะให้” คำพูดนั้นทำให้ร่างที่กำลังจะหันหลังเดินกลับต้องหยุดนิ่ง แสงสูรย์จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังล้วงเอาซองกระดาษที่พับใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมา
“คุณพิรุณฝากผมมาให้คุณ”