ไปมาได้สักพักใหญ่ละค่ะแต่อยากมาแชร์ประสบการณ์
ไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค 2557
ออกเดินทาง....
เราขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี รอบ 07.50 แต่กว่าจะออกก็ประมาณ 8 โมงหน่อยๆ
(ขบวนนี้ฟรีนะค่ะ) กว่าจะถึงกาญเล่นเอาเมื่อยกันเลยทีเดียว
กว่าจะถึงกาญเล่นเอาเมื่อยกันเลยทีเดียว เกือบ 5 ชั่วโมง
รถไฟจะจอดเพื่อเปลี่ยนหัวรถจักรนานพอให้เรา เข้าห้องน้ำ ซื้อขนม กินนม ดูดบุหรี่ ฯลฯ
เราเปลี่ยนที่นั่งกันใหม่ค่ะด้วยความที่รักสงบและรักสบาย

สะพานประวัติศาสตร์ มั่วแต่อึนๆมึนๆเลยไม่ได้สักรูปเลยค่ะ

ชมวิวแก้เบื่อ^^
สถานีถ้ำกระแซ
เข้าสู่ทางรถไฟสายมรณะ
ตอนแรกก็สงสัยค่ะว่าเขาลุกดูอะไรกันเพราะเรานั่งท้ายๆขบวน (คือทุกคนจับกล้องหมดยกเว้นเรา)
เคยเห็นอะไรที่มันสวยมากๆแล้วทำอะไรไม่ถูกป่ะ แบบนั้นเลย
เคยเห็นแค่หน้าปกหนังสือผ่านๆพอมาเจอของจริงคือสวยมากกกกกกก สูงมากกกก แอบน่ากลัวนิดๆ
รถไฟขับช้ามากค่ะ มีเวลาจิตนาการเยอะเลย^^

รถไฟวิ่งอยู่ริมเขาตลอดเลยเกือบๆชั่วโมงได้มั้ง จำไรไม่ค่อยได้เลยอ่ะ

สถานีคนลงเยอะค่ะ จำไม่ได้อ่ะว่าที่สถานีอะไร
หลังจากนั้นเป็นเวลาอีกยาววววววนานนนนนน จ้องตากันไปมาสักใหญ่ๆ

สักพักเราก็ ห้อยโหนกันไปมาตามแรงโน้มถ่วงโลก นอนก็แล้ว คือทำทุกอย่างเสมือนอยู่บ้านอ่ะ ยกเว้นเข้าห้องน้ำ
ในที่สุดเราก็ถึงแล้วค่ะ "สถานีน้ำตก" ซึ่งไม่มีน้ำตก ถึงประมาณบ่าย 3 น่าจะได้ค่ะ (แต่เค้าไม่ได้ถ่ายรูปมานะมั่วแต่ปวดฉี่)
ลงจากรถไฟปุ๊ปก็จะมีพี่ๆใจดี กลัวเราหลงทางบ้างละ กลัวถือกระเป๋าไม่ไหวบ้างละ เค้าจะรับเราไปน้ำตกไทรโยคหรือถ้าใครจะไปสังขละก็ขึ้นรถคันนี้แล้วไปต่อรถตู้ รถบัสได้ค่ะ คนละ 20 บาทไทย พวกเราไม่ไปค่ะพวกเราสนใจจะเหมาไปสังขละเลยเรามากัน 6 คน ไปเจอเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน พี่ใจดีคิดเราคนละ 200 บาท คือเท่าที่สืบมารถตู้ก็ 180 บาท เป็นโรคจิตค่ะอยากเอาหน้าต้านลมเล่นๆเลยไม่ไปรถตู้กัน

นั่งมาได้สักพักก็อินๆกับธรรมชาติ สักพักโอ้ยยยยอยากตายค่ะ โค้งเยอะพอกับปายหรือป่าวววเนี้ยยย คือนึกภาพตามนะ รถกะบะมีหลังคา(ทำไม)ต่ำมากก
เวียนหัวกันยกแก๊ง เพื่อนบอกว่าใครอ้วกก่อนแพ้ พอดีอยากแพ้ไงเค้าเลยเสียสละ ^^" ใช้บริการพี่เขาได้นะค่ะถ่ายมาแต่เบอร์
ถึงละค่าาาาสังขละ อากาศดีมากกกกกกกๆๆๆๆ แผนของเราก็คือนอนเต้นท์ พี่คนขับใจดีค่ะพาเรามาส่งถึงที่กางเต้นท์เลย
กางฟรีๆไม่เสียค่าใช้จ่ายนะค่ะ มีห้องน้ำให้เข้าด้วยมีไฟด้วยนะค่ะ คือดีอ่ะ

นั่งพักได้แปปเดียวก็หาที่กางเต้นท์ตอนแรกนึกว่าจะกางข้างบนๆ แต่เพื่อนอยากเอาบรรยายกาศเลยกางตรงนี้
คือโดดลงไปอ่ะ น้ำละแต่โดดไม่ได้นะค่ะสูงเอาการเลย

ตอนเราไปสะพานยังไม่เสร็จนะค่ะ แต่วิวสวยมากกกก

จริงๆแล้วข้างบนมีไฟครบทุกอย่าง แต่เราจะนอนตรงนี้ตอนเย็นๆนี่ก็สวยอยู่หรอก

กลางคืนเท่านั้นละ มืดเหมือนหลับตา เพื่อนอาสาเดินไปหาไรมากินก็ไม่ไกลค่ะเกือบๆกิโลเอง ผู้หญิงอย่างเราเลยเดินหาฟืนกันเพื่อจุดไฟให้แสงสว่างอากาศค่อนข้างเย็น เรื่องเล่าที่นี้เยอะมากกกๆๆๆๆแต่ว่าไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลยค่ะเหนื่อย เพลียกับการนั่งรถมากๆเลย
เช้าแล้วก็ต้องเดินลงเขาเพื่อไปสะพานมอญ (พวกเราเช่ามอไซค์มาคันนึงค่ะ น่าจะ 400 ต่อวันตอนเพื่อนไปซื้อข้าวเป็นกิโลละค่ะ ขากลับไม่ไหวจะเดิน)
ก็เดินจนกว่าเพื่อนจะมารับ เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียวTT

ถึงสะที จากการที่เราเดินมาเรื่อยๆเราเลยตัดสินใจว่าเราจะชมวิวแต่สะพานไม้นี่ละ (ตอนเราไปน้ำลงค่ะต้องเดินลงบันไดไปอีก)

เมื่อคืนเรานอนตรงนู้นนนนนนนนน^^ ไกลเชียว
อกกเดินทาง.......อีกครั้งมุ่งหน้าสู่ อำเภอ ศรีสวัสดิ์ เขื่อนศรีนครินทร์ (แพแม่น้ำใส)
ข่าวดีของเราค่ะ ตอนแรกว่าจะโบกรถไป แต่ชาวบ้านบอกว่ามันไม่ค่อยมีรถไปหรอกคือถ้าเราจะไป เราต้องกลับไปจุดเริ่มต้นคือไทรโยค
พวกเราเลยตัดสินใจ ว่าจะลองเหมารถไปดูถามราคาคนไทย 2500 บาท คืออยากตายตรงนั้นแพงไปๆๆๆๆๆๆๆ
พี่อีกคนเดินมาคุยกะเราบอกว่า 2000 ไหวไหม (ไม่ไหวได้ไหมอ่ะ) ไหวค่ะ ต่อกันอยู่นานก็ได้ราคา 2000 นั่นละค่ะ
รถกะบะพี่เขารุ่นเก่าค่ะ อย่าได้ถามหาความนิ่มคือไม่มีอ่ะ แต่เราไม่ซีค่ะนอนหลับเฉยเลย สนใจก็ 0807810804 ชื่อพี่สายชูนะค่ะ ใจดีค่ะอยากให้แวะเที่ยวตรงไหนพี่แกจัดให้ได้ แต่พวกเราไม่ได้แวะกันค่ะ
ถึงแล้วๆๆๆ (เขียวๆนั้นไม่ใช่แพเรานะ)

อันนี้แพเราราคาไม่แพง ค่อยข้างจะสนิทกับเจ้าของแพค่ะ
เราไปบ่อยด้วย เรารักแพนี้ผูกผันกับมันเหมือนบ้านเห็นแบบนี้นอนสบายมากกกนะค่ะ
ถ้าสนใจลองเข้าไปดูกันค่ะ
https://www.facebook.com/longpephaplearn?fref=ts
เจ้าของแพเป็นกันเองโครตๆๆๆๆ
เก็บของไม่ทันจะเสร็จก็โดดน้ำเลย

ตกดึกดาวจะเยอะมากสวยมาก ที่แพมีไฟฟ้านะค่ะ มีห้องน้ำ
แต่เราชอบปิดไฟและจุดตะเกียงน้ำมันกันมากกว่า (แต่ก่อนมาเที่ยวไฟฟ้ายังไม่มีนะค่ะเลยติดนิสัยมา)

ห้องน้ำของพวกเราใหญ่ที่สุดในโลก ว่ายไปไกลๆแพและก็แปรฟัน
กลับละนะ สนใจแพก็ติดต่อพี่กิ๊กได้เลยค่ะทางเฟสบุ๊ค
ตอนน้ำลงก็ต้องออกแรงกันหน่อย
จากปากทางเข้า ก็ไกลพอสมควรค่ะเราต้องเดินออกไปเพื่อนโบกรถเข้าเมือง
ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่^^
โบกเป็นชั่วโมงกว่าจะมีคนรับเรา สุดท้ายก็มีค่ะแต่พี่เขาไปแค่เขื่อนศรีเอง แต่แค่รับก็ดีใจแล้ว
เพื่อนๆคลุกทรายกันมันเลย บอกให้เราไปนั่งหน้าเพราะเราตัวใหญ่ TT
จากเขื่อน เราก็โบกรถต่อมาลงที่น้ำตกเอราวัณแล้วให้พี่ตำรวจช่วยโบกอีกที
แล้วให้พี่ตำรวจช่วยโบก ชาวบ้านบอกว่ารถจะจอดง่ายกว่าเราโบกเอง^^ เรื่องจริงเลยแปปเดียวมีรถจอดและรับพวกเราไปตัวเมือง
จากตัวเมืองเราก็ไปขึ้นรถตู้กลับ กรุงเทพฯ ถึงบ้านแบบหมดแรงงงงงง
การไปเที่ยวครั้งนี้สังเกตุได้เลยพวกเราไม่ค่อยจริงจังกลับจุดหมายเท่าไรนัก เราชอบระหว่างทางมากกว่า มันสนุก มันสดชื่น
ขอโทษด้วยนะค่ะที่เล่าไม่ค่อยเป็นเรื่องเป็นราว รูปก็ไม่ครบมีให้ดูบ้างไม่มีบ้างแถมมีและยังไม่สวยอีกต่างหาก บางเหตุการณ์
เราไม่สามารถหยิบกล้องได้จริงๆค่ะ ข้อมูลบางอย่างเราก็ไม่รู้จริงๆค่ะ เราชอบไปแบบไม่มีแผนละเอียดๆ มีความเชื่อที่ว่า
อะไรที่มันบังเอิญ มันจะสนุก และมันก็สนุกทุกครั้งเลย^^
#####ครั้งแรกในชีวิตกับการแชร์ประสบการณ์####
นั่งรถไฟไปกาญ-สังขละ-เขื่อนศรี (tam-pen-issara)
ไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค 2557
ออกเดินทาง....
เราขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี รอบ 07.50 แต่กว่าจะออกก็ประมาณ 8 โมงหน่อยๆ
(ขบวนนี้ฟรีนะค่ะ) กว่าจะถึงกาญเล่นเอาเมื่อยกันเลยทีเดียว
กว่าจะถึงกาญเล่นเอาเมื่อยกันเลยทีเดียว เกือบ 5 ชั่วโมง
รถไฟจะจอดเพื่อเปลี่ยนหัวรถจักรนานพอให้เรา เข้าห้องน้ำ ซื้อขนม กินนม ดูดบุหรี่ ฯลฯ
เราเปลี่ยนที่นั่งกันใหม่ค่ะด้วยความที่รักสงบและรักสบาย
สะพานประวัติศาสตร์ มั่วแต่อึนๆมึนๆเลยไม่ได้สักรูปเลยค่ะ
ชมวิวแก้เบื่อ^^
สถานีถ้ำกระแซ
เข้าสู่ทางรถไฟสายมรณะ
ตอนแรกก็สงสัยค่ะว่าเขาลุกดูอะไรกันเพราะเรานั่งท้ายๆขบวน (คือทุกคนจับกล้องหมดยกเว้นเรา)
เคยเห็นอะไรที่มันสวยมากๆแล้วทำอะไรไม่ถูกป่ะ แบบนั้นเลย
เคยเห็นแค่หน้าปกหนังสือผ่านๆพอมาเจอของจริงคือสวยมากกกกกกก สูงมากกกก แอบน่ากลัวนิดๆ
รถไฟขับช้ามากค่ะ มีเวลาจิตนาการเยอะเลย^^
รถไฟวิ่งอยู่ริมเขาตลอดเลยเกือบๆชั่วโมงได้มั้ง จำไรไม่ค่อยได้เลยอ่ะ
สถานีคนลงเยอะค่ะ จำไม่ได้อ่ะว่าที่สถานีอะไร
หลังจากนั้นเป็นเวลาอีกยาววววววนานนนนนน จ้องตากันไปมาสักใหญ่ๆ
สักพักเราก็ ห้อยโหนกันไปมาตามแรงโน้มถ่วงโลก นอนก็แล้ว คือทำทุกอย่างเสมือนอยู่บ้านอ่ะ ยกเว้นเข้าห้องน้ำ
ในที่สุดเราก็ถึงแล้วค่ะ "สถานีน้ำตก" ซึ่งไม่มีน้ำตก ถึงประมาณบ่าย 3 น่าจะได้ค่ะ (แต่เค้าไม่ได้ถ่ายรูปมานะมั่วแต่ปวดฉี่)
ลงจากรถไฟปุ๊ปก็จะมีพี่ๆใจดี กลัวเราหลงทางบ้างละ กลัวถือกระเป๋าไม่ไหวบ้างละ เค้าจะรับเราไปน้ำตกไทรโยคหรือถ้าใครจะไปสังขละก็ขึ้นรถคันนี้แล้วไปต่อรถตู้ รถบัสได้ค่ะ คนละ 20 บาทไทย พวกเราไม่ไปค่ะพวกเราสนใจจะเหมาไปสังขละเลยเรามากัน 6 คน ไปเจอเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน พี่ใจดีคิดเราคนละ 200 บาท คือเท่าที่สืบมารถตู้ก็ 180 บาท เป็นโรคจิตค่ะอยากเอาหน้าต้านลมเล่นๆเลยไม่ไปรถตู้กัน
นั่งมาได้สักพักก็อินๆกับธรรมชาติ สักพักโอ้ยยยยอยากตายค่ะ โค้งเยอะพอกับปายหรือป่าวววเนี้ยยย คือนึกภาพตามนะ รถกะบะมีหลังคา(ทำไม)ต่ำมากก
เวียนหัวกันยกแก๊ง เพื่อนบอกว่าใครอ้วกก่อนแพ้ พอดีอยากแพ้ไงเค้าเลยเสียสละ ^^" ใช้บริการพี่เขาได้นะค่ะถ่ายมาแต่เบอร์
ถึงละค่าาาาสังขละ อากาศดีมากกกกกกกๆๆๆๆ แผนของเราก็คือนอนเต้นท์ พี่คนขับใจดีค่ะพาเรามาส่งถึงที่กางเต้นท์เลย
กางฟรีๆไม่เสียค่าใช้จ่ายนะค่ะ มีห้องน้ำให้เข้าด้วยมีไฟด้วยนะค่ะ คือดีอ่ะ
นั่งพักได้แปปเดียวก็หาที่กางเต้นท์ตอนแรกนึกว่าจะกางข้างบนๆ แต่เพื่อนอยากเอาบรรยายกาศเลยกางตรงนี้
คือโดดลงไปอ่ะ น้ำละแต่โดดไม่ได้นะค่ะสูงเอาการเลย
ตอนเราไปสะพานยังไม่เสร็จนะค่ะ แต่วิวสวยมากกกก
จริงๆแล้วข้างบนมีไฟครบทุกอย่าง แต่เราจะนอนตรงนี้ตอนเย็นๆนี่ก็สวยอยู่หรอก
กลางคืนเท่านั้นละ มืดเหมือนหลับตา เพื่อนอาสาเดินไปหาไรมากินก็ไม่ไกลค่ะเกือบๆกิโลเอง ผู้หญิงอย่างเราเลยเดินหาฟืนกันเพื่อจุดไฟให้แสงสว่างอากาศค่อนข้างเย็น เรื่องเล่าที่นี้เยอะมากกกๆๆๆๆแต่ว่าไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลยค่ะเหนื่อย เพลียกับการนั่งรถมากๆเลย
เช้าแล้วก็ต้องเดินลงเขาเพื่อไปสะพานมอญ (พวกเราเช่ามอไซค์มาคันนึงค่ะ น่าจะ 400 ต่อวันตอนเพื่อนไปซื้อข้าวเป็นกิโลละค่ะ ขากลับไม่ไหวจะเดิน)
ก็เดินจนกว่าเพื่อนจะมารับ เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียวTT
ถึงสะที จากการที่เราเดินมาเรื่อยๆเราเลยตัดสินใจว่าเราจะชมวิวแต่สะพานไม้นี่ละ (ตอนเราไปน้ำลงค่ะต้องเดินลงบันไดไปอีก)
เมื่อคืนเรานอนตรงนู้นนนนนนนนน^^ ไกลเชียว
อกกเดินทาง.......อีกครั้งมุ่งหน้าสู่ อำเภอ ศรีสวัสดิ์ เขื่อนศรีนครินทร์ (แพแม่น้ำใส)
ข่าวดีของเราค่ะ ตอนแรกว่าจะโบกรถไป แต่ชาวบ้านบอกว่ามันไม่ค่อยมีรถไปหรอกคือถ้าเราจะไป เราต้องกลับไปจุดเริ่มต้นคือไทรโยค
พวกเราเลยตัดสินใจ ว่าจะลองเหมารถไปดูถามราคาคนไทย 2500 บาท คืออยากตายตรงนั้นแพงไปๆๆๆๆๆๆๆ
พี่อีกคนเดินมาคุยกะเราบอกว่า 2000 ไหวไหม (ไม่ไหวได้ไหมอ่ะ) ไหวค่ะ ต่อกันอยู่นานก็ได้ราคา 2000 นั่นละค่ะ
รถกะบะพี่เขารุ่นเก่าค่ะ อย่าได้ถามหาความนิ่มคือไม่มีอ่ะ แต่เราไม่ซีค่ะนอนหลับเฉยเลย สนใจก็ 0807810804 ชื่อพี่สายชูนะค่ะ ใจดีค่ะอยากให้แวะเที่ยวตรงไหนพี่แกจัดให้ได้ แต่พวกเราไม่ได้แวะกันค่ะ
ถึงแล้วๆๆๆ (เขียวๆนั้นไม่ใช่แพเรานะ)
อันนี้แพเราราคาไม่แพง ค่อยข้างจะสนิทกับเจ้าของแพค่ะ
เราไปบ่อยด้วย เรารักแพนี้ผูกผันกับมันเหมือนบ้านเห็นแบบนี้นอนสบายมากกกนะค่ะ
ถ้าสนใจลองเข้าไปดูกันค่ะ https://www.facebook.com/longpephaplearn?fref=ts
เจ้าของแพเป็นกันเองโครตๆๆๆๆ
เก็บของไม่ทันจะเสร็จก็โดดน้ำเลย
ตกดึกดาวจะเยอะมากสวยมาก ที่แพมีไฟฟ้านะค่ะ มีห้องน้ำ
แต่เราชอบปิดไฟและจุดตะเกียงน้ำมันกันมากกว่า (แต่ก่อนมาเที่ยวไฟฟ้ายังไม่มีนะค่ะเลยติดนิสัยมา)
ห้องน้ำของพวกเราใหญ่ที่สุดในโลก ว่ายไปไกลๆแพและก็แปรฟัน
กลับละนะ สนใจแพก็ติดต่อพี่กิ๊กได้เลยค่ะทางเฟสบุ๊ค
ตอนน้ำลงก็ต้องออกแรงกันหน่อย
จากปากทางเข้า ก็ไกลพอสมควรค่ะเราต้องเดินออกไปเพื่อนโบกรถเข้าเมือง
ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่^^
โบกเป็นชั่วโมงกว่าจะมีคนรับเรา สุดท้ายก็มีค่ะแต่พี่เขาไปแค่เขื่อนศรีเอง แต่แค่รับก็ดีใจแล้ว
เพื่อนๆคลุกทรายกันมันเลย บอกให้เราไปนั่งหน้าเพราะเราตัวใหญ่ TT
จากเขื่อน เราก็โบกรถต่อมาลงที่น้ำตกเอราวัณแล้วให้พี่ตำรวจช่วยโบกอีกที
แล้วให้พี่ตำรวจช่วยโบก ชาวบ้านบอกว่ารถจะจอดง่ายกว่าเราโบกเอง^^ เรื่องจริงเลยแปปเดียวมีรถจอดและรับพวกเราไปตัวเมือง
จากตัวเมืองเราก็ไปขึ้นรถตู้กลับ กรุงเทพฯ ถึงบ้านแบบหมดแรงงงงงง
การไปเที่ยวครั้งนี้สังเกตุได้เลยพวกเราไม่ค่อยจริงจังกลับจุดหมายเท่าไรนัก เราชอบระหว่างทางมากกว่า มันสนุก มันสดชื่น
ขอโทษด้วยนะค่ะที่เล่าไม่ค่อยเป็นเรื่องเป็นราว รูปก็ไม่ครบมีให้ดูบ้างไม่มีบ้างแถมมีและยังไม่สวยอีกต่างหาก บางเหตุการณ์
เราไม่สามารถหยิบกล้องได้จริงๆค่ะ ข้อมูลบางอย่างเราก็ไม่รู้จริงๆค่ะ เราชอบไปแบบไม่มีแผนละเอียดๆ มีความเชื่อที่ว่า
อะไรที่มันบังเอิญ มันจะสนุก และมันก็สนุกทุกครั้งเลย^^
#####ครั้งแรกในชีวิตกับการแชร์ประสบการณ์####