จากโพสต์ของคุณบรรยง พงษ์พานิช
Banyong Pongpanich
เกรงใจประชาชนซะบ้างเถอะครับ....(20 ตุลาคม 2557)
ใครเห็นข่าวการจัดซื้อรถไฟโดยสารรุ่นใหม่ของรฟท. 115 คัน เกือบ 4,700 ล้านบาท แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ...ผมขอเรียบเรียงความรู้สึกส่วนตัวให้ฟังนะครับ
- การจัดซื้อรถใหม่ย่อมเป็นเรื่องดี เพราะรถเก่านั้นสภาพโหลยโท่ย ไม่มีใครอยากนั่ง (แถมไม่ปลอดภัย..อย่างกรณีน้องแก้ม) ...แต่ผมสงสัยหน่อยๆว่า ได้มีการศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ เรื่องความคุ้มทุนหรือเปล่า จะตั้งราคาดี แข่งกับรถทัวร์ และเครื่องบิน อย่างที่ท่านปลัดฯว่าได้จริงไหม (พูดอย่างนี้ แสดงชัดว่า ต้องการแข่งขัน ไม่ใช่สวัสดิการปชช.ที่อาจยอมขาดทุนได้อย่างที่ชอบอ้างๆกัน) ...เรื่องนี้น่าจะมีการเปิดเผยรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ต่อสาธารณะได้นะครับ
- เอ้า...สมมุติว่ามีการศึกษาความเป็นไปได้จริง ...ซึ่งเค้าก็ต้องทำให้เป็นไปได้อยู่แล้ว ผมก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่า การซื้อโบกี้ที่มีที่นั่ง 36 ที่ ในราคา 40 ล้านบาทนั้น มันคุ้มค่าได้อย่างไร ในเมื่อรถทัวร์ 36 ที่นั่ง มันคันละ 4.0 ล้านบาทเอง (ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ของรฟท.มากกว่าของเอกชนแน่นอน) รฟท.ที่มีขาดทุนสะสมบักโกรกกว่าแสนล้านบาทควรที่จะลงทุนเพิ่มเรื่องนี้เองหรือไม่
สรุปเบื้องต้นว่า....ในประเด็นแรก ผมสงสัยมากว่า ที่ซื้อนี่ ...ควรซื้อ หรือ อยากซื้อ
ที่นี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญ คือ วิธีการจัดซื้อ
- ในข่าวไม่ได้มีการเปิดเผยว่าจัดซื้อกันอย่างไร มีการประมูล หรือจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ ...ถ้าประมูล เริ่มต้นวิเคราะห์ออกแบบ TOR กันอย่างไร กำหนดราคากลางด้วยวิธีใด มีใครเข้าประมูลบ้าง เสนอราคากันเท่าใด ...ถ้าจัดซื้อวิธีพิเศษ ก็คงต้องเปิดเผยรายละเอียดยิ่งขึ้นอีก ว่าทำไมต้องพิเศษ เร่งด่วนอย่างไร สืบราคากันดีแล้ว วิเคราะห์ทางเลือกอื่นๆ(เช่น ต่อเองอย่างที่เคยทำ)
- ไอ้ที่งงกว่านี่ก็คือ ผลสุดท้ายของการได้คู่ค้านี่แหละครับ ...ในกิจการร่วมค้าบีบีซี ที่ได้สัญญาไปนั้น ไอ้ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯน่ะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่อีกสองบริษัทไทยนี่สิครับ คือ บริษัท เขาหลักแบมบู ออร์คิด จก. กะ บ. ร่วมมิตรเหมืองแร่ จก. ...เห็นชื่อแล้วชวนให้สงสัยอยู่ครามครัน ว่าเข้ามามีส่วนร่วม มีบทบาทยังไงในเรื่องนี้ ...จะว่า เค้าใช้แคร่ไม้ไผ่ทำเตียงนอนรถไฟ หรือจะประดับดอกกล้วยไม้ทั้งขบวน หรือ ว่าเค้าต้องเริ่มจากการขุดแร่ถลุงเหล็กไปทำโบกี้ มันก็ฟังดูทะ

ไม่เข้าเค้า ...ก็เลยเกิดคำถามต่อว่า ทำไมต้องมีวะ เค้ามีหน้าที่อะไร ในช่วงไหน แล้วได้อะไรตอบแทนบ้าง ...เค้าช่วยติดต่อให้มีโครงการ? ช่วยล็อคเสปค? ช่วยประสานการตัดสินใจ? วิ่งเต้นการฮั้ว? (ซึ่งถ้าถามไป คงมีคำตอบประมาณว่า ช่วยในการเมนเทแนนซ์ ซ่อมบำรุง อะไรประมาณนี้) ...ซึ่งงานขนาดนี้ คงต้องดูถึงประสพการณ์ ความชำนาญ ความมั่นคงของคู่สัญญาให้ดีด้วย และถ้าจะให้ดี คู่สัญญาทุกฝ่าย จะต้องเปิดเผยข้อตกลงระหว่างกันทั้งหมดด้วย จะได้รู้ว่า ใครทำอะไร ได้อะไร มีเรื่องไม่ถูกต้องบ้างหรือเปล่า ...ทำไมรฟท.ไม่ติดต่อซื้อตรงจากผู้ผลิต เจรจาไม่เป็น? พูดภาษาปะกิดไม่ได้? เค้าพูดได้แต่จีนกลาง? หรือ ค่าจ้างล่ามมันแพงไป? เรื่องเหล่านี้มันชวนสงสัยไปหมด
ขอกราบเรียนว่า....ทั้งหมดนี่ยังไม่ใช่ข้อกล่าวหาใดๆนะครับ เป็นเพียงข้อสงสัย ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิทธิ์ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย (เอ...เราเป็นปชต.รึเปล่าหว่า แต่อย่างน้อยเค้าก็ว่าจะพยายามให้เป็น)ที่จะตั้งข้อสงสัยได้ ...อย่าว่าแต่ในสังคมเรา มันมีแต่เรื่องชวนให้สงสัยชวนให้ระแวงไปทั้งสิ้น ตั้งแต่ซื้อไมโครโฟนราคาไม่กี่ล้าน ไปจนถึงโบกี้รถไฟเป็นหลายพันล้านอย่างนี้ ยิ่งตอนนี้มีแผนจะเร่งลงทุนสาดพรมเป็นหลายล้านๆบาท ถ้าไม่ทำให้ดี ย่อมมีแต่ความสงสัยไปทุกจุด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น หน้าซื่อๆ คารมจริงใจของท่านนายกฯก็อาจช่วยไม่ได้มาก "ความสุข"ที่ท่านอุตสาหะคืนให้ประชาชนมาตลอดก็จะพาลหดหายไปหมดได้
คำว่า"ความโปร่งใส" เป็นเครื่องมือเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยแก้ปัญหาที่ว่านี้ได้ ทุกอย่างทุกขั้นตอนต้องโปร่งใสเปิดเผยได้ และต้องตั้งใจเปิดเผยตั้งแต่ต้น อย่ารอจนมีคำถามแล้วค่อยโต้แย้ง
เครื่องมือที่จะช่วยให้"ความโปร่งใส"มาช่วยคลี่คลาย ป้องกันไม่ให้มีเรื่องมิชอบ รวมทั้งทำให้"เรื่องชอบ"ที่ถูกกังขาได้รับความกระจ่างจากสังคม มีอยู่มากมายครับ เช่น มาตรฐานบรรษัทภิบาลและการเปิดเผยข้อมูลของรัฐวิสาหกิจ (มีทั้งของ World Bank ของOECD ของIMF) มาตรฐานการติดตามโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่(CoST)ที่ประเทศไทยเพิ่งเข้าเป็นสมาชิก มาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างIntegrity Pact ของ Transparency International ซึ่งหลายเรื่องก็กำลังถูกจัดเตรียมนำมาใช้ในประเทศเรา โดยเฉพาะ การขับเคลื่อนโดย คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(ที่คนชอบเรียกว่า Super Board) ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง และยังอาจไม่สามารถครอบคลุมไปทั้งหมดได้ทันที (แก้ปัญหาที่หมักหมมมาหลายสิบปี ต้องขอเวลาหน่อยนะครับ) และที่สำคัญต้องได้รับการหนุนหลังจากประชาชนเพื่อให้เกิดผลแท้จริงในระยะยาว
ขอกลับมาเรื่องจัดซื้อโบกี้รถไฟต่อนะครับ.... เพื่อให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างนำร่อง เพื่อสร้างมาตรฐานการโปร่งใส ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาสร้างความกระจ่าง ขอให้ คตร.ของ พลอ.อนันตพร (ที่ไหนๆท่านก็เสร็จสิ้นภาระกิจตรวจสอบไมโครโฟนแล้ว)เข้าดำเนินการตรวจสอบ (ไม่ใช่เพราะสงสัยนะครับ แต่ทำเพื่อยืนยันความโปร่งใส) ขอให้สำนักข่าวต่างๆ(โดยเฉพาะ Investigative Reporter อย่าง สำนักข่าวอิศรา หรือ ThaiPublica ตามกัด ตามตรวจ รายงานให้ประชาชน. ขอให้การรถไฟฯเปิดเผยทุกอย่างอย่างไร้เงื่อนไข(ท่านจะได้พ้นข้อกังขาไปด้วย) ขอลองให้เรื่องนี้ เป็นProject นำร่องของความโปร่งใสสักครั้งนะครับ
ความเคยชินเดิมๆ ที่เราเคยเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาจะได้ถูกแก้ไข ประชาชนจะได้รู้จักตื่นตัวลุกขึ้นมารักษาประโยชน์ชาติบ้าง อย่าให้พวกนั้นเค้าดูถูกเรา จนแม้กระทั่งจะยอมเสียเวลาไปเปลี่ยนชื่อบริษัทให้มันเข้าเค้ากับภาระกิจสักหน่อย เขายังไม่ทำเลยครับ
(สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านข่าวนี้ : ผมขอ copy ข่าวใน"ไทยรัฐออนไลน์"มาให้นะครับ)
ว้าว!รถไฟยกเครื่องจัดซื้อรถแอร์ใหม่
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ 18 ต.ค. 2557 05:15 จาก ไทยรัฐออนไลน์
1,428 ครั้ง
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามสัญญาจัดซื้อรถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับให้บริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คัน วงเงิน 4,668.89 ล้านบาท กับกิจการร่วมค้าบีบีซี ซึ่งประกอบด้วยบริษัท เขาหลักแบมบู ออร์คิด จำกัด บริษัท ร่วมมิตรเหมืองแร่ จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรั๊กชั่นจำกัด เพื่อให้บริการรถไฟประเภทรถนอนปรับอากาศเพิ่ม รองรับผู้โดยสารระดับกลางและระดับบน ทั้งนี้โครงการจัดซื้อรถโดยสารครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ได้ผ่านมติ ครม.เมื่อปี 53 ซึ่งอยู่ในแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วนปี 56-57 วงเงิน 1.76 แสนล้านบาท
เนื่องจากรถโดยสารประเภทรถนอนปรับอากาศในปัจจุบันไม่พอ และมีอายุใช้งานนาน ดังนั้นจึงต้องจัดซื้อเพิ่มเพื่อให้บริการของ ร.ฟ.ท.ดีขึ้น หวังจะช่วยให้แข่งขันกับรถทัวร์ และเครื่องบินได้ โดยรถโดยสารรุ่นใหม่ที่จัดซื้อจะส่งมอบรอบแรกได้ 26 ตู้ ในเดือน ส.ค.58 หลังจากนั้นจะทยอยส่งจนครบในปี 59 ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักร 20 หัวที่ลงนามก่อนหน้านี้ กำลังอยู่ระหว่างรอรับมอบ คาดว่าในปลายปีนี้จะได้รับมอบ 2 หัวแรกก่อน ส่วนที่เหลือจะส่งมอบครบในเดือน มิน.ย.ปีหน้า สำหรับแผนการจัดซื้อรถโดยสาร หัวรถจักร และแคร่ขนสินค้าในระยะต่อไป ร.ฟ.ท.มีแผนจัดซื้อรถโดยสารดีเซลชั้นสอง 186 คัน มาใช้วิ่งในเส้นทางระยะไกลและกลาง นอกจากนั้นขั้นต่อไป ร.ฟ.ท.ยังเตรียมจัดซื้อรถขนสินค้า (แคร่) จำนวน 308 คันต่อไป.
.......
เปิดเผยให้โปร่งใส ครับ อย่าให้ใครมาสงสัย คนเผ่าคนดี
สมาชิกซุปเบอร์บอร์ด ยังต้องร้องให้เปิดเผยรายละเอียดซื้อตู้รถไฟ ให้โปร่งใส หรือจะมีส่วนต่างเยอะเกินไปหรือเปล่า
Banyong Pongpanich
เกรงใจประชาชนซะบ้างเถอะครับ....(20 ตุลาคม 2557)
ใครเห็นข่าวการจัดซื้อรถไฟโดยสารรุ่นใหม่ของรฟท. 115 คัน เกือบ 4,700 ล้านบาท แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ...ผมขอเรียบเรียงความรู้สึกส่วนตัวให้ฟังนะครับ
- การจัดซื้อรถใหม่ย่อมเป็นเรื่องดี เพราะรถเก่านั้นสภาพโหลยโท่ย ไม่มีใครอยากนั่ง (แถมไม่ปลอดภัย..อย่างกรณีน้องแก้ม) ...แต่ผมสงสัยหน่อยๆว่า ได้มีการศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ เรื่องความคุ้มทุนหรือเปล่า จะตั้งราคาดี แข่งกับรถทัวร์ และเครื่องบิน อย่างที่ท่านปลัดฯว่าได้จริงไหม (พูดอย่างนี้ แสดงชัดว่า ต้องการแข่งขัน ไม่ใช่สวัสดิการปชช.ที่อาจยอมขาดทุนได้อย่างที่ชอบอ้างๆกัน) ...เรื่องนี้น่าจะมีการเปิดเผยรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ต่อสาธารณะได้นะครับ
- เอ้า...สมมุติว่ามีการศึกษาความเป็นไปได้จริง ...ซึ่งเค้าก็ต้องทำให้เป็นไปได้อยู่แล้ว ผมก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่า การซื้อโบกี้ที่มีที่นั่ง 36 ที่ ในราคา 40 ล้านบาทนั้น มันคุ้มค่าได้อย่างไร ในเมื่อรถทัวร์ 36 ที่นั่ง มันคันละ 4.0 ล้านบาทเอง (ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ของรฟท.มากกว่าของเอกชนแน่นอน) รฟท.ที่มีขาดทุนสะสมบักโกรกกว่าแสนล้านบาทควรที่จะลงทุนเพิ่มเรื่องนี้เองหรือไม่
สรุปเบื้องต้นว่า....ในประเด็นแรก ผมสงสัยมากว่า ที่ซื้อนี่ ...ควรซื้อ หรือ อยากซื้อ
ที่นี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญ คือ วิธีการจัดซื้อ
- ในข่าวไม่ได้มีการเปิดเผยว่าจัดซื้อกันอย่างไร มีการประมูล หรือจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ ...ถ้าประมูล เริ่มต้นวิเคราะห์ออกแบบ TOR กันอย่างไร กำหนดราคากลางด้วยวิธีใด มีใครเข้าประมูลบ้าง เสนอราคากันเท่าใด ...ถ้าจัดซื้อวิธีพิเศษ ก็คงต้องเปิดเผยรายละเอียดยิ่งขึ้นอีก ว่าทำไมต้องพิเศษ เร่งด่วนอย่างไร สืบราคากันดีแล้ว วิเคราะห์ทางเลือกอื่นๆ(เช่น ต่อเองอย่างที่เคยทำ)
- ไอ้ที่งงกว่านี่ก็คือ ผลสุดท้ายของการได้คู่ค้านี่แหละครับ ...ในกิจการร่วมค้าบีบีซี ที่ได้สัญญาไปนั้น ไอ้ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯน่ะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่อีกสองบริษัทไทยนี่สิครับ คือ บริษัท เขาหลักแบมบู ออร์คิด จก. กะ บ. ร่วมมิตรเหมืองแร่ จก. ...เห็นชื่อแล้วชวนให้สงสัยอยู่ครามครัน ว่าเข้ามามีส่วนร่วม มีบทบาทยังไงในเรื่องนี้ ...จะว่า เค้าใช้แคร่ไม้ไผ่ทำเตียงนอนรถไฟ หรือจะประดับดอกกล้วยไม้ทั้งขบวน หรือ ว่าเค้าต้องเริ่มจากการขุดแร่ถลุงเหล็กไปทำโบกี้ มันก็ฟังดูทะ
ขอกราบเรียนว่า....ทั้งหมดนี่ยังไม่ใช่ข้อกล่าวหาใดๆนะครับ เป็นเพียงข้อสงสัย ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิทธิ์ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย (เอ...เราเป็นปชต.รึเปล่าหว่า แต่อย่างน้อยเค้าก็ว่าจะพยายามให้เป็น)ที่จะตั้งข้อสงสัยได้ ...อย่าว่าแต่ในสังคมเรา มันมีแต่เรื่องชวนให้สงสัยชวนให้ระแวงไปทั้งสิ้น ตั้งแต่ซื้อไมโครโฟนราคาไม่กี่ล้าน ไปจนถึงโบกี้รถไฟเป็นหลายพันล้านอย่างนี้ ยิ่งตอนนี้มีแผนจะเร่งลงทุนสาดพรมเป็นหลายล้านๆบาท ถ้าไม่ทำให้ดี ย่อมมีแต่ความสงสัยไปทุกจุด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น หน้าซื่อๆ คารมจริงใจของท่านนายกฯก็อาจช่วยไม่ได้มาก "ความสุข"ที่ท่านอุตสาหะคืนให้ประชาชนมาตลอดก็จะพาลหดหายไปหมดได้
คำว่า"ความโปร่งใส" เป็นเครื่องมือเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยแก้ปัญหาที่ว่านี้ได้ ทุกอย่างทุกขั้นตอนต้องโปร่งใสเปิดเผยได้ และต้องตั้งใจเปิดเผยตั้งแต่ต้น อย่ารอจนมีคำถามแล้วค่อยโต้แย้ง
เครื่องมือที่จะช่วยให้"ความโปร่งใส"มาช่วยคลี่คลาย ป้องกันไม่ให้มีเรื่องมิชอบ รวมทั้งทำให้"เรื่องชอบ"ที่ถูกกังขาได้รับความกระจ่างจากสังคม มีอยู่มากมายครับ เช่น มาตรฐานบรรษัทภิบาลและการเปิดเผยข้อมูลของรัฐวิสาหกิจ (มีทั้งของ World Bank ของOECD ของIMF) มาตรฐานการติดตามโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่(CoST)ที่ประเทศไทยเพิ่งเข้าเป็นสมาชิก มาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างIntegrity Pact ของ Transparency International ซึ่งหลายเรื่องก็กำลังถูกจัดเตรียมนำมาใช้ในประเทศเรา โดยเฉพาะ การขับเคลื่อนโดย คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(ที่คนชอบเรียกว่า Super Board) ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง และยังอาจไม่สามารถครอบคลุมไปทั้งหมดได้ทันที (แก้ปัญหาที่หมักหมมมาหลายสิบปี ต้องขอเวลาหน่อยนะครับ) และที่สำคัญต้องได้รับการหนุนหลังจากประชาชนเพื่อให้เกิดผลแท้จริงในระยะยาว
ขอกลับมาเรื่องจัดซื้อโบกี้รถไฟต่อนะครับ.... เพื่อให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างนำร่อง เพื่อสร้างมาตรฐานการโปร่งใส ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาสร้างความกระจ่าง ขอให้ คตร.ของ พลอ.อนันตพร (ที่ไหนๆท่านก็เสร็จสิ้นภาระกิจตรวจสอบไมโครโฟนแล้ว)เข้าดำเนินการตรวจสอบ (ไม่ใช่เพราะสงสัยนะครับ แต่ทำเพื่อยืนยันความโปร่งใส) ขอให้สำนักข่าวต่างๆ(โดยเฉพาะ Investigative Reporter อย่าง สำนักข่าวอิศรา หรือ ThaiPublica ตามกัด ตามตรวจ รายงานให้ประชาชน. ขอให้การรถไฟฯเปิดเผยทุกอย่างอย่างไร้เงื่อนไข(ท่านจะได้พ้นข้อกังขาไปด้วย) ขอลองให้เรื่องนี้ เป็นProject นำร่องของความโปร่งใสสักครั้งนะครับ
ความเคยชินเดิมๆ ที่เราเคยเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาจะได้ถูกแก้ไข ประชาชนจะได้รู้จักตื่นตัวลุกขึ้นมารักษาประโยชน์ชาติบ้าง อย่าให้พวกนั้นเค้าดูถูกเรา จนแม้กระทั่งจะยอมเสียเวลาไปเปลี่ยนชื่อบริษัทให้มันเข้าเค้ากับภาระกิจสักหน่อย เขายังไม่ทำเลยครับ
(สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านข่าวนี้ : ผมขอ copy ข่าวใน"ไทยรัฐออนไลน์"มาให้นะครับ)
ว้าว!รถไฟยกเครื่องจัดซื้อรถแอร์ใหม่
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ 18 ต.ค. 2557 05:15 จาก ไทยรัฐออนไลน์
1,428 ครั้ง
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามสัญญาจัดซื้อรถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับให้บริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คัน วงเงิน 4,668.89 ล้านบาท กับกิจการร่วมค้าบีบีซี ซึ่งประกอบด้วยบริษัท เขาหลักแบมบู ออร์คิด จำกัด บริษัท ร่วมมิตรเหมืองแร่ จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรั๊กชั่นจำกัด เพื่อให้บริการรถไฟประเภทรถนอนปรับอากาศเพิ่ม รองรับผู้โดยสารระดับกลางและระดับบน ทั้งนี้โครงการจัดซื้อรถโดยสารครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ได้ผ่านมติ ครม.เมื่อปี 53 ซึ่งอยู่ในแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วนปี 56-57 วงเงิน 1.76 แสนล้านบาท
เนื่องจากรถโดยสารประเภทรถนอนปรับอากาศในปัจจุบันไม่พอ และมีอายุใช้งานนาน ดังนั้นจึงต้องจัดซื้อเพิ่มเพื่อให้บริการของ ร.ฟ.ท.ดีขึ้น หวังจะช่วยให้แข่งขันกับรถทัวร์ และเครื่องบินได้ โดยรถโดยสารรุ่นใหม่ที่จัดซื้อจะส่งมอบรอบแรกได้ 26 ตู้ ในเดือน ส.ค.58 หลังจากนั้นจะทยอยส่งจนครบในปี 59 ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักร 20 หัวที่ลงนามก่อนหน้านี้ กำลังอยู่ระหว่างรอรับมอบ คาดว่าในปลายปีนี้จะได้รับมอบ 2 หัวแรกก่อน ส่วนที่เหลือจะส่งมอบครบในเดือน มิน.ย.ปีหน้า สำหรับแผนการจัดซื้อรถโดยสาร หัวรถจักร และแคร่ขนสินค้าในระยะต่อไป ร.ฟ.ท.มีแผนจัดซื้อรถโดยสารดีเซลชั้นสอง 186 คัน มาใช้วิ่งในเส้นทางระยะไกลและกลาง นอกจากนั้นขั้นต่อไป ร.ฟ.ท.ยังเตรียมจัดซื้อรถขนสินค้า (แคร่) จำนวน 308 คันต่อไป.
.......
เปิดเผยให้โปร่งใส ครับ อย่าให้ใครมาสงสัย คนเผ่าคนดี