หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมบรรดาผู้นำเหล่าทัพ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีนักข่าวถามพลเอก
วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้เป็นประธานการ ประชุมว่า ถ้าการปฏิรูปสำเร็จ
จะไม่เกิดรัฐประหารขึ้นอีกใช่หรือไม่? ได้รับคำตอบจาก ผบ.สส.ว่าถ้ามีการปฏิรูปได้
นักการเมืองที่ดีมาบริหารประเทศ และนักการเมืองบริหารประเทศดีก็ไม่มีปัญหา
คำตอบของ ผบ.สส.คล้ายกับจะเป็นสัญญาประชาคม
จะไม่มีรัฐประหารอีกถ้าได้นักการเมืองดี
มาบริหารบ้านเมือง แต่ในโลกของความเป็นจริงในการเมืองไทย ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะ
ไม่มีรัฐประหารอีก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
ก็เคยพูดหลายครั้งว่ารัฐประหารล้าสมัยไม่มีใครทำแต่ แล้วก็เกิดขึ้นจนได้
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ชาวเยอรมันคนหนึ่ง ซึ่งศึกษารัฐประหารในประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย
ฟันธงว่าสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของรัฐประหาร คือ “ประเพณี” หรือวัฒนธรรมทางการเมือง
ของประเทศนั้นๆที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไทยเป็นประเทศที่สืบทอดรัฐประหารในอันดับต้นๆของ
โลก มีรัฐประหารที่สำเร็จ 12 ครั้ง ไม่สำเร็จเป็นกบฏ 23 ครั้ง ในช่วงเวลา82ปี
ประเทศไทยไม่ใช่จะเพิ่งมีรัฐประหารหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่มีมาแต่โบราณ ย้อน
หลังกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาดูได้ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ก็คือการ
รัฐประหาร ต่อมาในปี 2476 คือรัฐประหารที่ล้มเหลวกลายเป็นกบฏครั้งใหญ่ ล่าสุดคือ
รัฐประหาร
22 พฤษภาคม 2557 เกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัตน์ที่ทั่วโลกเป็นประชาธิปไตย
กว่า 82 ปี ในยุคประชาธิปไตย ประเทศไทยมีการเปลี่ยนกันเข้าสู่อำนาจ ระหว่างรัฐบาลเลือกตั้ง
กับรัฐบาลรัฐประหาร และอยู่ภายใต้รัฐบาลทหารถึง 42 ปี นายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด
มาจากทหาร คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม อยู่ถึง 12 ปีครึ่ง ส่วนข้ออ้างหรือเหตุผลในการรัฐประหาร
ในระยะแรก มักอ้างปัญหาปากท้องประชาชน
คณะรัฐประหารในยุคแรกๆ มักอ้างรัฐบาลไร้ความสามารถ ในการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน
ปล่อยให้ข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัส ต่อมาอ้างว่ามีการทุจริตโกงกินมโหฬาร
ในวงรัฐบาล และต่อมาอ้างว่ารัฐบาลเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งและแตกแยกในหมู่ประชาชน จน
นำไปสู่ความรุนแรง จึงต้องเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย
ผบ.สส.กล่าวว่า ถ้าได้นักการเมืองดี และบริหารประเทศดีจะไม่มีปัญหา จึงหวังว่ารัฐประหารครั้งนี้
จะเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับประเทศไทย เป็นรัฐประหารเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่การเมือง
สังคมหรือเศรษฐกิจ แต่ปฏิรูปแม้แต่กองทัพ เพื่อให้รัฐประหารครั้งนี้แปรเปลี่ยนเป็นพลังทางการเมือง
อันยิ่งใหญ่ สามารถระงับยับยั้ง และแก้ไขปัญหาทั้งปวงรวมทั้งรัฐประหาร.
http://www.thairath.co.th/content/458433
รัฐประหารครั้งสุดท้าย? บทบรรณาธิการ ...ไทยรัฐออนไลน์ .... sao..เหลือ..noi
วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้เป็นประธานการ ประชุมว่า ถ้าการปฏิรูปสำเร็จ
จะไม่เกิดรัฐประหารขึ้นอีกใช่หรือไม่? ได้รับคำตอบจาก ผบ.สส.ว่าถ้ามีการปฏิรูปได้
นักการเมืองที่ดีมาบริหารประเทศ และนักการเมืองบริหารประเทศดีก็ไม่มีปัญหา
คำตอบของ ผบ.สส.คล้ายกับจะเป็นสัญญาประชาคมจะไม่มีรัฐประหารอีกถ้าได้นักการเมืองดี
มาบริหารบ้านเมือง แต่ในโลกของความเป็นจริงในการเมืองไทย ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะ
ไม่มีรัฐประหารอีก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
ก็เคยพูดหลายครั้งว่ารัฐประหารล้าสมัยไม่มีใครทำแต่ แล้วก็เกิดขึ้นจนได้
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ชาวเยอรมันคนหนึ่ง ซึ่งศึกษารัฐประหารในประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย
ฟันธงว่าสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของรัฐประหาร คือ “ประเพณี” หรือวัฒนธรรมทางการเมือง
ของประเทศนั้นๆที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไทยเป็นประเทศที่สืบทอดรัฐประหารในอันดับต้นๆของ
โลก มีรัฐประหารที่สำเร็จ 12 ครั้ง ไม่สำเร็จเป็นกบฏ 23 ครั้ง ในช่วงเวลา82ปี
ประเทศไทยไม่ใช่จะเพิ่งมีรัฐประหารหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่มีมาแต่โบราณ ย้อน
หลังกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาดูได้ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ก็คือการ
รัฐประหาร ต่อมาในปี 2476 คือรัฐประหารที่ล้มเหลวกลายเป็นกบฏครั้งใหญ่ ล่าสุดคือรัฐประหาร
22 พฤษภาคม 2557 เกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัตน์ที่ทั่วโลกเป็นประชาธิปไตย
กว่า 82 ปี ในยุคประชาธิปไตย ประเทศไทยมีการเปลี่ยนกันเข้าสู่อำนาจ ระหว่างรัฐบาลเลือกตั้ง
กับรัฐบาลรัฐประหาร และอยู่ภายใต้รัฐบาลทหารถึง 42 ปี นายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด
มาจากทหาร คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม อยู่ถึง 12 ปีครึ่ง ส่วนข้ออ้างหรือเหตุผลในการรัฐประหาร
ในระยะแรก มักอ้างปัญหาปากท้องประชาชน
คณะรัฐประหารในยุคแรกๆ มักอ้างรัฐบาลไร้ความสามารถ ในการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน
ปล่อยให้ข้าวยากหมากแพง ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัส ต่อมาอ้างว่ามีการทุจริตโกงกินมโหฬาร
ในวงรัฐบาล และต่อมาอ้างว่ารัฐบาลเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งและแตกแยกในหมู่ประชาชน จน
นำไปสู่ความรุนแรง จึงต้องเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย
ผบ.สส.กล่าวว่า ถ้าได้นักการเมืองดี และบริหารประเทศดีจะไม่มีปัญหา จึงหวังว่ารัฐประหารครั้งนี้
จะเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับประเทศไทย เป็นรัฐประหารเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ไม่ใช่ปฏิรูปแค่การเมือง
สังคมหรือเศรษฐกิจ แต่ปฏิรูปแม้แต่กองทัพ เพื่อให้รัฐประหารครั้งนี้แปรเปลี่ยนเป็นพลังทางการเมือง
อันยิ่งใหญ่ สามารถระงับยับยั้ง และแก้ไขปัญหาทั้งปวงรวมทั้งรัฐประหาร.
http://www.thairath.co.th/content/458433