บทความเรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหาร บนเส้นทางที่ยาวไกล โดย อ.เจตน์ ธารารัตนชัย





ฤดูกาลเกณฑ์ทหารเวียนมาอีกครั้งในช่วงเดือนเม.ย. ของทุกปี แต่นโยบายเปลี่ยนการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจของรัฐบาล ยังดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามแผนการปฏิรูปกองทัพของกระทรวงกลาโหม ที่คาดว่าจะยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารได้ในปี 71
นโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงเลือกตั้ง  และเมื่อเป็นรัฐบาลได้ประกาศนโยบายต่อรัฐสภา โดยใช้ข้อความว่า “เปลี่ยนผ่านรูปแบบการเกณฑ์ทหารไปสู่แบบสมัครใจ” แต่ยังคงความหมายว่าเดิม คือการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจากพรรคเพื่อไทยมาแล้ว 2 คนคือ ใช้สุทิน คลังแสง (2566-2567) และภูมิธรรม เวชยชัย (2567-ปัจจุบัน)  แต่ยังไม่สามารถยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ตามที่เคยหาเสียงไว้ได้สำเร็จ
ก่อนเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยได้เคยประกาศไว้ว่าจะ
ยกเลิกการเกณฑ์ทหารจากการบังคับ ให้เป็นไปโดยสมัครใจทันที โดยการเปิดกว้างให้การสมัครทหารออนไลน์ทำได้ง่ายและครอบคลุมมากขึ้น โดยไม่กำหนดเป้าหมายการรับ เพื่อให้ทหารเป็นทหารมืออาชีพ และปรับลดงบประมาณกลาโหมลง 10% เพื่อนำไปใช้ตั้งกองทุนสนับสนุนธุรกิจคนรุ่นใหม่ เพื่อให้งบประมาณที่ใช้เหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นจริง
แปรค่ายทหารเป็นวิทยาลัย เป็นแหล่งเรียนรู้วิชาชีพ มีใบประกอบวิชาชีพตามความถนัด เพื่อเพิ่มศักยภาพทหารเกณฑ์ ให้ประเทศสามารถใช้แรงงานกองทัพมาพัฒนาประเทศทดแทนแรงงานในยามสงบอย่างเหมาะสม
เพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบได้ คืนความเป็นธรรมให้ทหารชั้นผู้น้อย ด้วยระบบราชการดิจิทัลเพื่อประชาชน
แต่หลังจัดตั้งรัฐบาล  เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ก็ไม่ได้ลงนามรับรอง ร่าง พ.ร.บ. รับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ฉบับพรรคก้าวไกล ที่ถูกตีความว่าเป็นร่าง พ.ร.บ. เกี่ยวกับการเงิน ทำให้ร่าง พ.ร.บ. ไม่สามารถบรรจุเข้าวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร
ขณะเดียวกันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่มีร่างกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ. รับราชการทหาร พ.ศ.2497 หรือร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เสนอรัฐสภาให้พิจารณาแม้แต่ฉบับเดียว  และทำได้เพียงการปรับลดตัวเลขทหารเกณฑ์ลง และสร้างแรงจูงใจคนรุ่นใหม่สมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการมากขึ้น เช่น การลดการฝึกที่รุนแรง ป้องกันการลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย  และเพิ่มสิทธิประโยชน์สวัสดิการ เช่น ได้รับเงินเดือนรวมค่าครองชีพ 11,000 บาท การรักษาพยาบาล ได้รับโอกาสเพิ่มวุฒิการศึกษา ฝึกอบรมทักษะอาชีพ ได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษในการสอบเข้าโรงเรียนในสังกัดกองทัพ ตลอดจนได้รับโควตาที่นั่ง ในการสมัครสอบเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก ร้อยละ 80 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด
บทความโดย อ.เจตน์ ธารารัตนชัย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่