วันที่ 19 กันยายน 2569 ที่ผ่านมามีการประชุมกันระหว่าง ผบ เหล่าทัพทุกเหล่า ที่จะเกษียณในปีนี้รวมถึง รอง ผบ เหล่าทัพทุกเหล่าเข้าร่วมประชุมด้วย รอง ผบ เหล่าทัพที่เข้าประชุมคือคนที่จะได้เป็นว่าที่ ผบ เหล่าทัพคนต่อไป
1. กองทัพไทยถือว่าเขมรเป็นภัยต่อความมั่นคง อันดับ 1 ที่ทางกองทัพต้องวางแผนรับมือ โดยการส่งไม้ต่อให้กับ รอง ผบ รุ่นต่อไปที่จะขึ้นมาทำงานแทน
2.ข้อสำคัญคือ ตาม สมช ความมั่นคงที่มีการระบุก่อนหน้านี้ให้สร้างรั้วชายแดนไทย เขมร ทหารทุกฝ่ายมีมติเดียวกันในทางเดียวกัน ทางกองทัพต้องการสร้างรั้วชายแดนไทยเขมร เพื่อป้องกันปัญหาและให้ควบคุมปัญหาให้ง่ายขึ้น โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยดังนี้
2.1 รั้วจะไม่สามารถทำทันหรือผ่านร่างงบประมาณในสมัยรัฐบาลชุดนี้ได้เพราะ รัฐบาลมีอายุแค่ 4 เดือน
2.2 แต่จะมีการให้สร้างรั้วในรัฐบาลชุดต่อไป ถึงแม้ไม่สำเร็จในรัฐบาลชุดหน้า แต่จะมีการผลักดันจากรุ่นสู่รุ่นของ ผบ เหล่าทัพทุกเหล่าให้มีการสร้างรั้วต่อไปจนสำเร็จ ผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ เหล่าทัพทุกเหล่าทุกรุ่นมีหน้าที่สืบทอดแนวคิดนี้ต่อไปจนกว่าจะสร้างรั้วสำเร็จ
2.3 ทางกองทัพได้กำหนดุด Start ออกมาแล้วว่าต้องเริ่มสร้างรั้วที่แรกที่ชายแดน อ.อรัญญประเทศ เป็นจุดแรก
2.4 ในระหว่างรอการทำรั้วกำแพงถาวร ทางกองทัพได้อยากให้มีการทำรั้วชั่วคราวและติดตั้งกล้องวงจรปิด
2.5 แบบในการสร้างรั้ว มีคนเสนอให้ดูตัวอย่างรั้วชายแดนเวียดนามเขมร ทางกองทัพก็อยากจะได้รั้วแบบนั้น
3. คณะนายทหารได้ออกมาประณามการกระทำของทหารเขมร ที่ใช้ผู้หญิงและเด็กมาเป็นแนวหน้าและตัวเองหลบอยู่ด้านหลัง
4. ผบ สูงสุด ออกมาสดุดีให้คณะนายทหารที่ร่วมประชุมยืนไว้อาลัยกับทหารที่เสียชีวิตในการรบครั้งนี้
5. ผบ สูงสุด พล.อ ทรงวิทย์ หนุนภักดี ได้แสดงท่าทีที่หลายครั้งไม่เข้าไปร่วมประชุม JBC RBC เพราะมีการสอดไส้ข้อเจรจาการเปิดด่านเข้ามา ท่านเลยไม่ไปแต่ส่งตัวแทนเข้าไปแทน พร้อมกันนี้เสนาธิการทหารที่เป็นเพื่อนของ พล อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้ออกมาโต้แย้ง บิ๊กเล็กเรื่องการเปิดด่านเพราะทางกองทัพไม่ต้องการเปิดด่าน เสียงของนายทหารทุกคนไปในทางเดียวกันหมดคือต้องทำให้เขมรหมดสภาพเสียก่อน จึงจะเปิดด่านได้
ไม่มีใครสรุปเรื่องการประชุมของ ผบ เหล่าทัพ วันที่ 19 กันยา ผมสรุปให้ว่าทหารพร้อมใจให้สร้างรั้วที่ชายแดน
1. กองทัพไทยถือว่าเขมรเป็นภัยต่อความมั่นคง อันดับ 1 ที่ทางกองทัพต้องวางแผนรับมือ โดยการส่งไม้ต่อให้กับ รอง ผบ รุ่นต่อไปที่จะขึ้นมาทำงานแทน
2.ข้อสำคัญคือ ตาม สมช ความมั่นคงที่มีการระบุก่อนหน้านี้ให้สร้างรั้วชายแดนไทย เขมร ทหารทุกฝ่ายมีมติเดียวกันในทางเดียวกัน ทางกองทัพต้องการสร้างรั้วชายแดนไทยเขมร เพื่อป้องกันปัญหาและให้ควบคุมปัญหาให้ง่ายขึ้น โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยดังนี้
2.1 รั้วจะไม่สามารถทำทันหรือผ่านร่างงบประมาณในสมัยรัฐบาลชุดนี้ได้เพราะ รัฐบาลมีอายุแค่ 4 เดือน
2.2 แต่จะมีการให้สร้างรั้วในรัฐบาลชุดต่อไป ถึงแม้ไม่สำเร็จในรัฐบาลชุดหน้า แต่จะมีการผลักดันจากรุ่นสู่รุ่นของ ผบ เหล่าทัพทุกเหล่าให้มีการสร้างรั้วต่อไปจนสำเร็จ ผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ เหล่าทัพทุกเหล่าทุกรุ่นมีหน้าที่สืบทอดแนวคิดนี้ต่อไปจนกว่าจะสร้างรั้วสำเร็จ
2.3 ทางกองทัพได้กำหนดุด Start ออกมาแล้วว่าต้องเริ่มสร้างรั้วที่แรกที่ชายแดน อ.อรัญญประเทศ เป็นจุดแรก
2.4 ในระหว่างรอการทำรั้วกำแพงถาวร ทางกองทัพได้อยากให้มีการทำรั้วชั่วคราวและติดตั้งกล้องวงจรปิด
2.5 แบบในการสร้างรั้ว มีคนเสนอให้ดูตัวอย่างรั้วชายแดนเวียดนามเขมร ทางกองทัพก็อยากจะได้รั้วแบบนั้น
3. คณะนายทหารได้ออกมาประณามการกระทำของทหารเขมร ที่ใช้ผู้หญิงและเด็กมาเป็นแนวหน้าและตัวเองหลบอยู่ด้านหลัง
4. ผบ สูงสุด ออกมาสดุดีให้คณะนายทหารที่ร่วมประชุมยืนไว้อาลัยกับทหารที่เสียชีวิตในการรบครั้งนี้
5. ผบ สูงสุด พล.อ ทรงวิทย์ หนุนภักดี ได้แสดงท่าทีที่หลายครั้งไม่เข้าไปร่วมประชุม JBC RBC เพราะมีการสอดไส้ข้อเจรจาการเปิดด่านเข้ามา ท่านเลยไม่ไปแต่ส่งตัวแทนเข้าไปแทน พร้อมกันนี้เสนาธิการทหารที่เป็นเพื่อนของ พล อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้ออกมาโต้แย้ง บิ๊กเล็กเรื่องการเปิดด่านเพราะทางกองทัพไม่ต้องการเปิดด่าน เสียงของนายทหารทุกคนไปในทางเดียวกันหมดคือต้องทำให้เขมรหมดสภาพเสียก่อน จึงจะเปิดด่านได้