คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
บางส่วนที่คัดลอกมาครับ
"คำตอบก็คือเส้นทางชีวิตของนายวิชาต้องถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเมื่อปี 2534 ได้เกิดกรณีที่เรียกว่าวิกฤตตุลาการขึ้นมาตอนนั้นหัวหน้ากบฏคือนายอุดม เฟื่องฟุ้งและเลขาธิการฝ่ายกบฏก็คือ นายวิชา มหาคุณ นั่นเอง
ขณะนั้นรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน มีนายประภาศน์ อวยชัย เป็นรมว.ยุติธรรมในช่วงที่มีการเฟ้นหาตัวประธานศาลฎีกาคนใหม่ซึ่งตามคิวอาวุโสที่ 1 คือนายสวัสดิ์ โชติพานิช ขณะที่อาวุโสถัดไปคือ นายประวิทย์ ขัมภรัตน์ แต่คณะกรรมการตุลาการหรือกต. ชุดที่มีนายโสภณ รัตนากรเป็นประธานเห็นว่า ไม่ควรเป็นนายสวัสดิ์ ก็ดึงเรื่องไว้จนกลายเป็นปัญหาขัดแย้งขึ้นมานายประภาสได้วอคเอาท์ทำให้ก.ต. ฝ่ายที่เป็นเสียงข้างมากโหวตตั้งนายประวิทย์แทน ซึ่งนายประภาศน์ก็ไม่ยอมจึงได้มีการประท้วงมีการจัดม็อบผู้พิพากษามากัน 5-6 ร้อยคน บอกรับไม่ได้ ระบุว่าให้ความนับถือก.ต. มากกว่ารัฐมนตรี
นายประภาศน์จึงได้ตั้งกรรมการสอบสวนเอาวินัยล็อตแรก 13 คน แล้วก็ลงโทษวินัยร้ายแรงให้ไล่ออกทุกคนรวมทั้งนายวิชา มหาคุณด้วย ระหว่างนั้นก็มีโปรดเกล้าแต่งตั้งนายสวัสดิ์เป็นประธานศาลฎีกา
นายวิชาและพวกที่โดนไล่ออกหมด ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษแต่ติดขัดในแง่กฎหมาย เพราะการพระราชทานอภัยโทษต้องเป็นกรณีคดีอาญาเท่านั้น แต่นี่เป็นกรณีคดีผิดวินัยร้ายแรงสุดท้ายจึงมีพระราชกระแสว่าให้ลงโทษสถานเบา
หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปโดยสิ่งที่เป็นคำถามตามมาในยุคหลังๆก็คือโทษสถานเบาของการผิดวินัยร้ายแรงคืออะไรเพราะตามกฎหมายคือให้ออกปลดออกและไล่ออกสถานเบาคือให้ออกใช่หรือไม่?
ขณะที่นายวิชา มหาคุณ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณผ่าน วิกฤตตุลาการ มาได้โดยที่ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของการลงโทษสถานเบาอีกเลยมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อมีการรัฐประหารในปี 2549 นายวิชาก็ยอมรับว่า ได้รับการทาบทามจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภาให้เข้ามารับตำแหน่งป.ป.ช.ภายหลังจากการรัฐประหารเพียงวันเดียว โดยเข้ามาเป็นป.ป.ช. ด้วยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์จากการทำรัฐประหารนั่นเอง"
เส้นทาง‘วิชา มหาคุณ’ จาก‘กบฏตุลาการ’สู่ ป.ป.ช./นารถ นเรนทร
http://www.bangkok-today.com/node/209
"คำตอบก็คือเส้นทางชีวิตของนายวิชาต้องถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเมื่อปี 2534 ได้เกิดกรณีที่เรียกว่าวิกฤตตุลาการขึ้นมาตอนนั้นหัวหน้ากบฏคือนายอุดม เฟื่องฟุ้งและเลขาธิการฝ่ายกบฏก็คือ นายวิชา มหาคุณ นั่นเอง
ขณะนั้นรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน มีนายประภาศน์ อวยชัย เป็นรมว.ยุติธรรมในช่วงที่มีการเฟ้นหาตัวประธานศาลฎีกาคนใหม่ซึ่งตามคิวอาวุโสที่ 1 คือนายสวัสดิ์ โชติพานิช ขณะที่อาวุโสถัดไปคือ นายประวิทย์ ขัมภรัตน์ แต่คณะกรรมการตุลาการหรือกต. ชุดที่มีนายโสภณ รัตนากรเป็นประธานเห็นว่า ไม่ควรเป็นนายสวัสดิ์ ก็ดึงเรื่องไว้จนกลายเป็นปัญหาขัดแย้งขึ้นมานายประภาสได้วอคเอาท์ทำให้ก.ต. ฝ่ายที่เป็นเสียงข้างมากโหวตตั้งนายประวิทย์แทน ซึ่งนายประภาศน์ก็ไม่ยอมจึงได้มีการประท้วงมีการจัดม็อบผู้พิพากษามากัน 5-6 ร้อยคน บอกรับไม่ได้ ระบุว่าให้ความนับถือก.ต. มากกว่ารัฐมนตรี
นายประภาศน์จึงได้ตั้งกรรมการสอบสวนเอาวินัยล็อตแรก 13 คน แล้วก็ลงโทษวินัยร้ายแรงให้ไล่ออกทุกคนรวมทั้งนายวิชา มหาคุณด้วย ระหว่างนั้นก็มีโปรดเกล้าแต่งตั้งนายสวัสดิ์เป็นประธานศาลฎีกา
นายวิชาและพวกที่โดนไล่ออกหมด ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษแต่ติดขัดในแง่กฎหมาย เพราะการพระราชทานอภัยโทษต้องเป็นกรณีคดีอาญาเท่านั้น แต่นี่เป็นกรณีคดีผิดวินัยร้ายแรงสุดท้ายจึงมีพระราชกระแสว่าให้ลงโทษสถานเบา
หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปโดยสิ่งที่เป็นคำถามตามมาในยุคหลังๆก็คือโทษสถานเบาของการผิดวินัยร้ายแรงคืออะไรเพราะตามกฎหมายคือให้ออกปลดออกและไล่ออกสถานเบาคือให้ออกใช่หรือไม่?
ขณะที่นายวิชา มหาคุณ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณผ่าน วิกฤตตุลาการ มาได้โดยที่ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของการลงโทษสถานเบาอีกเลยมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อมีการรัฐประหารในปี 2549 นายวิชาก็ยอมรับว่า ได้รับการทาบทามจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภาให้เข้ามารับตำแหน่งป.ป.ช.ภายหลังจากการรัฐประหารเพียงวันเดียว โดยเข้ามาเป็นป.ป.ช. ด้วยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์จากการทำรัฐประหารนั่นเอง"
เส้นทาง‘วิชา มหาคุณ’ จาก‘กบฏตุลาการ’สู่ ป.ป.ช./นารถ นเรนทร
http://www.bangkok-today.com/node/209
แสดงความคิดเห็น
นายวิชา มหาคุณ ทำใมถูกให้ออกจากราชการ ทราบๆกันใหมครับ