###เหตุการณ์จุดประกาย###
เหตุการแรกที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ตอนสมัยหนุ่มๆครับ ผมไปดูหนังกับสาวรอบสุดท้าย พอดีหนังเลิกเที่ยงคืน ผมก็เดินลงมากับสาว พอถึงรถปุ๊บปรากฏว่ารถผมยางรั่วครับ โทรหาช่างทั่วเชียงใหม่เลย โทรเป็นชั่วโมงก็ไม่มีช่างว่างเพราะช่วงนั้นติดเทศการสงการ์นครับ ผมอายมากเลยที่พาสาวมาเที่ยวแต่ดันหาเรื่องให้เขาต้องรอซะงั้น ผมเลยตัดสินใจเข็นรถจากเซ็นทรัลแอร์พอร์ด(เชียงใหม่)ไปหลัง มช ครับ
พอเข็นได้สักห้าเมตร มีวัยรุ่นแซ๊บคนนึงหน้าตาโหดเอาเรื่อง แว๊นผ่านมาแล้วหันหลังมามองครับ ผมก็คิดว่า อะไรวะรถเสียยังจะมาหาเรื่องอีก สักพักเขาวนรถย้อนศรกลับมาแล้วมาถามผมว่า "รถยางรั่วหรอครับ" ผมตอบไปว่า"ใช่ครับ โทรหาช่างที่ไหนก็ไม่ได้เลย" เขาเลยอาสา ถีบ รถไปให้ครับเพราะเขารู้ว่าตรงหน้าวัดโลกโมลี(ในเมือง) ร้านนี้เปิด 24hr ผมดีใจมากเลย ผมขอบคุณเขายกใหญ่แล้วตอบแทนเขาด้วยเงินเล็กน้อยที่เหลือจากการซ่อมเสร็จ(ตอนถึงร้านช่างไม่อยู่เขาก็รอกับผมจนช่างมานะ)
**จากวันนั้นมาเขาทำให้ผมได้รู้สองอย่างคือ
1.คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ภายนอก อยู่ที่ภายในต่างหาก
2.การเป็นผู้ถูกช่วยจากเหตุหารณ์คับขันนั้นมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก ผมจึงเก็บความรู้สึกนี้ไว้ เวลาช่วยคนอื่นผมก็จะคิดว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่ผมเคยรู้สึกเช่นกัน
3.เขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำดีและช่วยเหลือคนอื่นๆต่อไปจนถึงทุกวันนี้
###เมื่อผมไปอเมริกา###
หลังจากนั้นไม่นานผมได้มีโอกาสได้ไปอเมริกาครับ ผมไปกับเพื่อนสองคนที่เป็นคนไทย(work and travel) นอกนั้นเป็นต่างชาติหมดเลยครับ
พอผมทำงานของผมเสร็จ ผมก็ไปช่วยงานคนอื่นต่อ คนที่โน่นแปลกใจมากเลยครับ ปกติแล้วคนที่โน่นจะทำงานเฉพาะของใครของมัน แต่ผมช่วยทุกคนนะครับแล้วไม่เคยบ่นด้วย ทำด้วยความเต็มใจ ผมเลยอธิบายไปว่าคนไทยมักจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้อยู่แล้ว จากนั้นมาเพื่อนๆในที่ทำงานผมก็ช่วยเหลือกัน ช่วยเหลือผมด้วย เขาบอกว่าเธอช่วยฉันเธอดีกับฉัน ฉันก็จะดีกับเธอ ผมทำแบบนี้จนเพื่อนๆและหัวหน้าในที่ทำงานชื่นชอบในตัวผมถึงขนาดไม่อยากให้ผมกลับ จะให้ผมแต่งงานกับลูกสาวเขาก็มีนะครับ แต่ผมต้องกัลบมาเรียนก่อนครับ หัวหน้าเลยบอกว่าถ้ากลับมาอีกภายในหนึ่งถึงสองปีเขาจะรับผมทำงานแน่นอน
***จากวันนั้นทำให้ผมรู้ว่า
พลังแห่งการให้และช่วยเหลือกันมันยิ่งใหญ่มาก ยิ่งให้เท่ากับยิ่งได้ครับ และคนรอบข้างก็มีความสุขด้วย
###ที่ญี่ปุ่น###
ผมกับเพื่อนได้มีโอกาสนั่งรถไฟครับ ตอนนั้นตอนเช้าสักประมาณเจ็ดโมงเช้า โดยปกติแล้วญี่ปุ่นเขาจะไม่ค่อยลุกให้คนแก่ ผ็ญ อะไรพวกนี้นั่งนะครับ ผมก้ไม่ทราบเหมือนกันเพราะอะไร แต่คนที่โน่นเทพมากโดยเฉพาะคนแก่ เขายืนโดยที่ไม่เกาะอะไรเลยแถมกางกนังสือพิมพ์อ่านอีก ไม่ล้มด้วยนะ
เหตุการณ์ก็คือ
ผมกับเพื่อนเห็นคนแก่มากเดินมายืนเกาะข้างหน้าครับ ผมกับเพื่อนก็ลุกให้นั่ง สิ่งที่ผมเห็นก็คือ เขาดีใจมาก เขาก้มห้วให้ผมกับเพื่อนจนหัวจะแตะพื้นอยู่แล้ว!!!! แล้วหน้าตาลุงเขายิ้มดูมีความสุขมากกกก พร้อมพูดว่า Thank youสำเนียงญี่ปุ่น (ปกติที่เห็นก็แค่โน้มตัวลงนิดหน่อย) แต่ทำให้ผมกับเพื่อนอึ้งไปเลยครับ เป็นความรู้สึกที่ปราบปลื้มมากครับ ดีมากอย่างบอกไม่ถูก
*****จากวันนั้นทำให้ผมรู้ว่า
1.ความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะเคารพคนที่เด็กกว่าได้ขนาดนี้ เพราะโดยส่วนมากแล้วคนที่มีอายุมากกว่ามักจะถือตัว ไม่แสดงความขอบคุณหรือไหว้ ทั้งๆที่เขาเป็นผู้รับแท้ๆ
2.การที่คนที่แก่(คุณลุงญี่ปุ่น)กว่าไหว้หรือทำความเคารพคนที่เด็กกว่า(ผมเอง) ทำให้คนที่เด็กกว่ารู้สึกว่าตัวเองมีค่าต่อเขามาก และทำให้ยิ่งยินดีที่จะทำดีขึ้นไปเรื่อยๆครับ จากนั้นมาน้องๆหรือใครที่เด็กกว่าช่วยเหลือผม ผมก็ไหว้ขอบคุณเขาตลอดตามที่ลุงญี่ปุ่นได้เป็นแบบอย่างให้กับผมครับ
###นี่เป็นประสบการณ์ดีๆของผมอีกประสบการณ์หนึ่งครับ ที่คนทำก็มีความสุข คนรับก็มีความสุขเช่นกันครับ
ขอให้ประสบการณ์ของผมเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆได้ทำดีโดยไม่หวังผลต่อไปนะครับ รับรองสิ่งดีๆจะกลับมาหาเองอย่างแน่นอนครับ
มาแชร์ประสบการณ์ดีๆของพวกเราเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนได้ทำดีกันครับ
เหตุการแรกที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ตอนสมัยหนุ่มๆครับ ผมไปดูหนังกับสาวรอบสุดท้าย พอดีหนังเลิกเที่ยงคืน ผมก็เดินลงมากับสาว พอถึงรถปุ๊บปรากฏว่ารถผมยางรั่วครับ โทรหาช่างทั่วเชียงใหม่เลย โทรเป็นชั่วโมงก็ไม่มีช่างว่างเพราะช่วงนั้นติดเทศการสงการ์นครับ ผมอายมากเลยที่พาสาวมาเที่ยวแต่ดันหาเรื่องให้เขาต้องรอซะงั้น ผมเลยตัดสินใจเข็นรถจากเซ็นทรัลแอร์พอร์ด(เชียงใหม่)ไปหลัง มช ครับ
พอเข็นได้สักห้าเมตร มีวัยรุ่นแซ๊บคนนึงหน้าตาโหดเอาเรื่อง แว๊นผ่านมาแล้วหันหลังมามองครับ ผมก็คิดว่า อะไรวะรถเสียยังจะมาหาเรื่องอีก สักพักเขาวนรถย้อนศรกลับมาแล้วมาถามผมว่า "รถยางรั่วหรอครับ" ผมตอบไปว่า"ใช่ครับ โทรหาช่างที่ไหนก็ไม่ได้เลย" เขาเลยอาสา ถีบ รถไปให้ครับเพราะเขารู้ว่าตรงหน้าวัดโลกโมลี(ในเมือง) ร้านนี้เปิด 24hr ผมดีใจมากเลย ผมขอบคุณเขายกใหญ่แล้วตอบแทนเขาด้วยเงินเล็กน้อยที่เหลือจากการซ่อมเสร็จ(ตอนถึงร้านช่างไม่อยู่เขาก็รอกับผมจนช่างมานะ)
**จากวันนั้นมาเขาทำให้ผมได้รู้สองอย่างคือ
1.คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ภายนอก อยู่ที่ภายในต่างหาก
2.การเป็นผู้ถูกช่วยจากเหตุหารณ์คับขันนั้นมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก ผมจึงเก็บความรู้สึกนี้ไว้ เวลาช่วยคนอื่นผมก็จะคิดว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่ผมเคยรู้สึกเช่นกัน
3.เขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำดีและช่วยเหลือคนอื่นๆต่อไปจนถึงทุกวันนี้
###เมื่อผมไปอเมริกา###
หลังจากนั้นไม่นานผมได้มีโอกาสได้ไปอเมริกาครับ ผมไปกับเพื่อนสองคนที่เป็นคนไทย(work and travel) นอกนั้นเป็นต่างชาติหมดเลยครับ
พอผมทำงานของผมเสร็จ ผมก็ไปช่วยงานคนอื่นต่อ คนที่โน่นแปลกใจมากเลยครับ ปกติแล้วคนที่โน่นจะทำงานเฉพาะของใครของมัน แต่ผมช่วยทุกคนนะครับแล้วไม่เคยบ่นด้วย ทำด้วยความเต็มใจ ผมเลยอธิบายไปว่าคนไทยมักจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้อยู่แล้ว จากนั้นมาเพื่อนๆในที่ทำงานผมก็ช่วยเหลือกัน ช่วยเหลือผมด้วย เขาบอกว่าเธอช่วยฉันเธอดีกับฉัน ฉันก็จะดีกับเธอ ผมทำแบบนี้จนเพื่อนๆและหัวหน้าในที่ทำงานชื่นชอบในตัวผมถึงขนาดไม่อยากให้ผมกลับ จะให้ผมแต่งงานกับลูกสาวเขาก็มีนะครับ แต่ผมต้องกัลบมาเรียนก่อนครับ หัวหน้าเลยบอกว่าถ้ากลับมาอีกภายในหนึ่งถึงสองปีเขาจะรับผมทำงานแน่นอน
***จากวันนั้นทำให้ผมรู้ว่า
พลังแห่งการให้และช่วยเหลือกันมันยิ่งใหญ่มาก ยิ่งให้เท่ากับยิ่งได้ครับ และคนรอบข้างก็มีความสุขด้วย
###ที่ญี่ปุ่น###
ผมกับเพื่อนได้มีโอกาสนั่งรถไฟครับ ตอนนั้นตอนเช้าสักประมาณเจ็ดโมงเช้า โดยปกติแล้วญี่ปุ่นเขาจะไม่ค่อยลุกให้คนแก่ ผ็ญ อะไรพวกนี้นั่งนะครับ ผมก้ไม่ทราบเหมือนกันเพราะอะไร แต่คนที่โน่นเทพมากโดยเฉพาะคนแก่ เขายืนโดยที่ไม่เกาะอะไรเลยแถมกางกนังสือพิมพ์อ่านอีก ไม่ล้มด้วยนะ
เหตุการณ์ก็คือ
ผมกับเพื่อนเห็นคนแก่มากเดินมายืนเกาะข้างหน้าครับ ผมกับเพื่อนก็ลุกให้นั่ง สิ่งที่ผมเห็นก็คือ เขาดีใจมาก เขาก้มห้วให้ผมกับเพื่อนจนหัวจะแตะพื้นอยู่แล้ว!!!! แล้วหน้าตาลุงเขายิ้มดูมีความสุขมากกกก พร้อมพูดว่า Thank youสำเนียงญี่ปุ่น (ปกติที่เห็นก็แค่โน้มตัวลงนิดหน่อย) แต่ทำให้ผมกับเพื่อนอึ้งไปเลยครับ เป็นความรู้สึกที่ปราบปลื้มมากครับ ดีมากอย่างบอกไม่ถูก
*****จากวันนั้นทำให้ผมรู้ว่า
1.ความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะเคารพคนที่เด็กกว่าได้ขนาดนี้ เพราะโดยส่วนมากแล้วคนที่มีอายุมากกว่ามักจะถือตัว ไม่แสดงความขอบคุณหรือไหว้ ทั้งๆที่เขาเป็นผู้รับแท้ๆ
2.การที่คนที่แก่(คุณลุงญี่ปุ่น)กว่าไหว้หรือทำความเคารพคนที่เด็กกว่า(ผมเอง) ทำให้คนที่เด็กกว่ารู้สึกว่าตัวเองมีค่าต่อเขามาก และทำให้ยิ่งยินดีที่จะทำดีขึ้นไปเรื่อยๆครับ จากนั้นมาน้องๆหรือใครที่เด็กกว่าช่วยเหลือผม ผมก็ไหว้ขอบคุณเขาตลอดตามที่ลุงญี่ปุ่นได้เป็นแบบอย่างให้กับผมครับ
###นี่เป็นประสบการณ์ดีๆของผมอีกประสบการณ์หนึ่งครับ ที่คนทำก็มีความสุข คนรับก็มีความสุขเช่นกันครับ
ขอให้ประสบการณ์ของผมเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆได้ทำดีโดยไม่หวังผลต่อไปนะครับ รับรองสิ่งดีๆจะกลับมาหาเองอย่างแน่นอนครับ