มารู้จักการจัดอันดับมหาวิทยาลัยกันเถอะ

ช่วงปลายๆ ปี คนในแวดวงการศึกษา หรือผู้ที่ติดตามข่าวการศึกษา มักจะเห็นการจัดอันดับที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก
และก็มักพบว่า มีมหาวิทยาลัยไทยติดอันดับด้วย มหาวิทยาลัยเราหรือเปล่านะ และก็เป็นที่ถกเถียงกันตลอดว่า มหาวิทยาลัยฉันดีกว่าเธอ มหาวิทยาลัยฉันก็ติดนะ หรือ การจัดอันดับเชื่อถือไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ ทำไมไม่มีมหาวิทยาลัยฉัน และอีกหลายๆ คนก็อาจมองถึงอนาคต ตั้งเป้าหมายชีวิต วางแผนการศึกษาต่อในสาขาที่สนใจในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และมีคุณภาพ แต่เราจะเชื่อถือได้อย่างไร ว่าที่เขาๆ จัดกันมาเนี่ย มันดีจริงๆ



ผมเองก็สงสัยครับ เด็กๆ มักใฝ่ฝันอยากไปโกอินเตอร์ เลือก U ที่ดังๆ ไว้ในใจ แต่สุดท้ายก็กลายมาเป็นหมอในเมืองไทยแทน เพราะภาษาไปไม่ไหวจริงๆ ฮ่า... แต่ตอนนี้ก็ยังคงติดตามการจัดอันดับเสมอ และมักพบว่า Top university มักเป็นมหาวิทยาลัยเดิมๆ ไม่กี่ที่ และก็มักมาจากอเมริกาหรืออังกฤษเสมอ เช่น เจ้าพ่อขาประจำอย่าง Harvard, MIT, CalTech, Cambridge หรือ Oxford ส่วน U ในเอเชียก็วนเวียนไปมาระหว่าง NUS ของสิงคโปร์ The University of Hong Kong หรือ The University of Tokyo ส่วนในเมืองไทยสมัยก่อนขาประจำก็คงเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยมหิดล และหน้าใหม่ปีล่าสุดอย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) ที่เป็น U เดียวในไทยที่ติดอันดับของ Times Higher Education World Universities Ranking ทำให้เราสงสัยกันใหญ่เลยว่า ที่ไหนดีกว่ากันกันแน่



การจัดอันดับสำคัญๆ ของโลกคงหนีไม่พ้นจาก 2 สำนักนี้ คือ QS World University Rankings (รูปบน) ซึ่งจัดทำโดย British Quacquarelli Symonds (QS) บริษัทการศึกษาของอังกฤษ และอีกแหล่งคือ Times Higher Education World Universities Ranking (รูปล่าง) ซึ่งก็เป็นบริษัทจัดอันดับทางการศึกษาของอังกฤษเช่นเดียวกัน แม้อันดับบางส่วนจะแตกต่างกัน แต่ที่ไม่ต้องแปลกใจเลยคือ U ในอังกฤษมักติดอันดับ top เสมอ

ทำไมอันดับของแต่ละแหล่งจึงแตกต่างกัน เพราะเกณฑ์ที่ใช้จัดอันดับแตกต่างกันนั่นเอง เรามาดูกันดีกว่าว่า เกณฑ์แต่ละที่เป็นอย่างไร



สำหรับ QS นั้น ใช้เกณฑ์ ชื่อเสียงทางการศึกษา 40% ชื่อเสียงด้านการจ้างงาน 10% อัตราส่วนของคณะและนักศึกษา 20% การอ้างอิงงานวิจัย 20% ความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษา 5% และความหลากหลายของอาจารย์อีก 5%



ส่วนเกณฑ์ของ THE นั้นจะดูแตกต่างกันในแต่ละสาขาวิชา โดยให้คะแนนด้านการเรียนการสอนและบรรยากาศการศึกษาอยู่ที่ 27.5-37.5% (โดยที่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นคะแนนหลักของ QS ก็อยู่ในหมวดนี้ และให้น้ำหนักอยู่ที่ 17.9-25.3%) ปริมาณและชื่อเสียงของผลงานวิจัยที่ 27.5-37.5% การอ้างอิงงานวิจัย 15-35% รายได้จากการพัฒนานวัตกรรม 2.5-5% และภาพลักษณ์นานาชาติอีก 7.5%

ดังนั้นจากภาพรวมทั้งหมด จะเห็นได้ว่า ทาง QS ให้น้ำหนักทางชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก คือ40% ในขณะที่ทาง THE ให้น้ำหนักในส่วนนี้มากที่สุดเพียง 33.8% (นำคะแนนในส่วนของชื่อเสียงมหาวิทยาลัยและภาพลักษณ์นานาชาติมารวมกัน) ในขณะที่คะแนนด้านงานวิจัยของ QS อยู่ที่ 20% ในขณะที่ THE ให้น้ำหนักในสาขาที่มากที่สุด (วิทยาศาสตร์และชีวการแพทย์) ถึง 62.5% (นำคะแนนด้านปริมาณและชื่อเสียงของงานวิจัย กับ การอ้างอิงงานวิจัย มารวมกัน) ทำให้เราอาจอนุมานได้ว่า อันดับของ QS นั้นอาจจะปรากฏมหาวิทยาลัยเก่าแก่และมีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ มากกว่านั่นเอง ส่วนอันดับของ THE ก็น่าจะมาจากคะแนนส่วนของงานวิจัยที่มากกว่าเช่นกัน

สุดท้ายแล้ว ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่า มหาวิทยาลัยใดดีที่สุดในโลก หรือมหาวิทยาลัยใดดีกว่ามหาวิทยาลัยใด เพราะคำถามเหล่านั้นคงตอบได้ยากลำบาก แต่คิดว่ากระทู้นี้อาจทำให้หลายๆ คนที่สนใจจะไปศึกษาต่อต่างประเทศในการแสวงหาสถาบันการศึกษาที่ตอบโจทย์ของแต่ละคน บางคนอาจต้องการทำงานวิจัยที่มีคุณภาพ หรือบางคนอาจต้องการสถาบันที่มี Coarse work ที่เข้มข้น ดังนั้นการพิจารณาการจัดอันดับอย่างมีวิจารณญาณน่าจะช่วยหลายๆ ท่านได้ครับ และผลพลอยได้คือ จะได้เลิกเถียงกันซะทีว่าสถาบันใครดีกว่ากัน เพราะเกณฑ์การวัดจริงๆ แล้วสุดท้าย ก็ใช้ความรู้สึกเป็นเกณฑ์หนึ่งในการวัดอยู่ดี แต่อยากให้ทุกท่านได้มองจุดแข็งจุดอ่อนของสถาบันเรา เพื่อพัฒนาและเติมเต็มการศึกษาของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปครับ

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ก็เป็นเพียงความคิดของผมเอง บางครั้งข้อมูลอาจผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยทุกท่าน และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเช่นกันครับ ฮ่า...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่