เก็บเรียงร้อยเรื่องราวเพื่อกล่าวขาน ถึงถิ่นบ้านถิ่นเมืองเรืองชื่อเสียง
เล่าเรื่องราวด้วยภาพแทนสำเนียง เป็นหนึ่งเสียงเล่าขานเมืองสตูล...
ว่าถิ่นนี้ช่างสะอาดและสงบ มองไปพบธรรมชาติบริสุทธิ์
ผู้คนมากศีลธรรมของมนุษย์ อยากจะหยุดสตูลไว้ให้นาน...นาน

ออกจาก กทม.เวลา 17.00น. ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ เพื่อมุ่งหน้าสู่สตูลนั่งรถประมาณ 15 ชม. รถแวะตลอดทางทั้งรับทั้งส่งคน จนมาถึงสถานนีขนส่งตรังเวลาใกล้จะ 6 โมงเช้า เหลือบนอกหน้าต่างเจอรถแบบนี้

ตอนไปถึงสตูลก็ประมาณ 7.30น. ฝนเทลงมาอย่างหนักนั่งรอพี่ๆ จากทีม Reef Guardian Thailand มารับ และแล้วคนที่มาก็คือ ผช.หนวดยาวขับรถมอร์เตอร์ไซค์มาคนเดียวเปียกปอนทั้งตัว

พี่เอกชวนพวกเราไปนั่งกินน้ำชา กาแฟ ร้านดังก่อน (โหสะดุดตาจริงๆ)

โรตีสาระพัดรูปแบบ และรสชาต คนทอดเป็นอาบัง ที่มือไวมาก ฟาดป๊าบๆๆๆๆๆๆ อย่างเร็วจนถ่ายไม่ทัน

ไส้มะตะบะ อร่อยมาก ขายดีสุดๆ

นี่เลยเมื่อเสร็จพร้อมเข้าปาก ลากลงกระเพาะ อร่อยเวอร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่ภาษาบ้านเราเรียกว่า ต้มสามเหลี่ยม เค็มๆ อร่อยมากเมื่อกินกะกาแฟ

บนโต๊ะกาแฟจะมีขนมแบบนี้วางไว้พร้อมสรรพ ขอบอกราคาถูกมากๆ อร่อยด้วย

ดีน่ะที่ฝนตกคนเลยไม่ค่อยมาร้านถ้าปกติฝนไม่ตกล่ะก็ร้านแน่นไม่มีที่นั่งเลย

เพื่อนร่วมเดินทางจาก กทม. 3 หนุ่ม 3 มุม

ภาพแรกที่เจอตอนก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติเภตรา

โต๊ะอายุเยอะแล้วแต่ก็มาขุดหอย ที่เรียกว่าหอยหล้าๆ (หอยเหลือๆ ที่คนเมื่อก่อนไม่กินกัน)

พื้นที่นิดเดียวใต้ต้นลำภูชาวบ้านมุงกันขุดหอยโดยใช้ช้อนกินข้าวคุ้ยๆ ได้หอยมากมาย

เมื่อมีทะเล มีธรรมชาติ คนเลก็มีอาหาร คนเลก็มีตัง แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้จะหายไป "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงสวรรค์"

ผืนทรายชายหาดมีรากลำพูโผล่จากดินเป็นที่หลบซ้อนของหอย ชาวบ้านต้องใช้ช้อนกินข้าวค่อยๆขุดหอยขึ้นมา พื้นที่น่าจะมีประมาณ 7x7เมตร แต่ขุดหอยกันมา 3 วันแล้วยังไม่หมด ธรรมชาติรังสรรค์ มนุษย์ได้ประโยชน์ ชาวบ้านไม่ใช้จอบขุดเพราะจะทำให้พื้นที่เสียหาย พื้นที่แค่นี้ชาวบ้านยังรักษา แล้วการพัฒนาคืออะไร พัฒนาเพื่อใคร ทำลายอะไรไปบ้างคุ้มแล้วหรือ

เด็กๆ ที่บ้านบ่อเจ็ดลูกช่างมีความสุขมากมายจริงๆ
บันทึกบทที่ 1 ก้าวเท้าแรกบนผืนดินสตูล
เล่าเรื่องราวด้วยภาพแทนสำเนียง เป็นหนึ่งเสียงเล่าขานเมืองสตูล...
ว่าถิ่นนี้ช่างสะอาดและสงบ มองไปพบธรรมชาติบริสุทธิ์
ผู้คนมากศีลธรรมของมนุษย์ อยากจะหยุดสตูลไว้ให้นาน...นาน
ออกจาก กทม.เวลา 17.00น. ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ เพื่อมุ่งหน้าสู่สตูลนั่งรถประมาณ 15 ชม. รถแวะตลอดทางทั้งรับทั้งส่งคน จนมาถึงสถานนีขนส่งตรังเวลาใกล้จะ 6 โมงเช้า เหลือบนอกหน้าต่างเจอรถแบบนี้
ตอนไปถึงสตูลก็ประมาณ 7.30น. ฝนเทลงมาอย่างหนักนั่งรอพี่ๆ จากทีม Reef Guardian Thailand มารับ และแล้วคนที่มาก็คือ ผช.หนวดยาวขับรถมอร์เตอร์ไซค์มาคนเดียวเปียกปอนทั้งตัว
พี่เอกชวนพวกเราไปนั่งกินน้ำชา กาแฟ ร้านดังก่อน (โหสะดุดตาจริงๆ)
โรตีสาระพัดรูปแบบ และรสชาต คนทอดเป็นอาบัง ที่มือไวมาก ฟาดป๊าบๆๆๆๆๆๆ อย่างเร็วจนถ่ายไม่ทัน
ไส้มะตะบะ อร่อยมาก ขายดีสุดๆ
นี่เลยเมื่อเสร็จพร้อมเข้าปาก ลากลงกระเพาะ อร่อยเวอร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นี่ภาษาบ้านเราเรียกว่า ต้มสามเหลี่ยม เค็มๆ อร่อยมากเมื่อกินกะกาแฟ
บนโต๊ะกาแฟจะมีขนมแบบนี้วางไว้พร้อมสรรพ ขอบอกราคาถูกมากๆ อร่อยด้วย
ดีน่ะที่ฝนตกคนเลยไม่ค่อยมาร้านถ้าปกติฝนไม่ตกล่ะก็ร้านแน่นไม่มีที่นั่งเลย
เพื่อนร่วมเดินทางจาก กทม. 3 หนุ่ม 3 มุม
ภาพแรกที่เจอตอนก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติเภตรา
โต๊ะอายุเยอะแล้วแต่ก็มาขุดหอย ที่เรียกว่าหอยหล้าๆ (หอยเหลือๆ ที่คนเมื่อก่อนไม่กินกัน)
พื้นที่นิดเดียวใต้ต้นลำภูชาวบ้านมุงกันขุดหอยโดยใช้ช้อนกินข้าวคุ้ยๆ ได้หอยมากมาย
เมื่อมีทะเล มีธรรมชาติ คนเลก็มีอาหาร คนเลก็มีตัง แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้จะหายไป "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงสวรรค์"
ผืนทรายชายหาดมีรากลำพูโผล่จากดินเป็นที่หลบซ้อนของหอย ชาวบ้านต้องใช้ช้อนกินข้าวค่อยๆขุดหอยขึ้นมา พื้นที่น่าจะมีประมาณ 7x7เมตร แต่ขุดหอยกันมา 3 วันแล้วยังไม่หมด ธรรมชาติรังสรรค์ มนุษย์ได้ประโยชน์ ชาวบ้านไม่ใช้จอบขุดเพราะจะทำให้พื้นที่เสียหาย พื้นที่แค่นี้ชาวบ้านยังรักษา แล้วการพัฒนาคืออะไร พัฒนาเพื่อใคร ทำลายอะไรไปบ้างคุ้มแล้วหรือ
เด็กๆ ที่บ้านบ่อเจ็ดลูกช่างมีความสุขมากมายจริงๆ