คุณเคยรักใครมากๆ อยากให้เขามีความสุข จนต้องยอมปล่อยเขาไปไหม ?
โคตรเป็นประโยคที่เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้วเลย
ผมเคยคิดว่า โอ้ย นี่มันคำพูดของพระเอกละคร ไม่มีทีทางเกิดกับชีวิตกูหรอก นี่มันชีวิตจริงนะโว้ย แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก.....
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจาก เมื่อตอนมัธยมปลายผมชอบผู้หญิงคนหนึ่งเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนผม เธอไม่ได้สวยระดับนางฟ้าหรอกครับ แต่เธอดูน่ารัก ผมคิดว่านิสัยเธอมีสเน่ห์มากๆ เฮฮา ทะลึ่งนิดหน่อย เข้ากับคนได้ง่าย ส่วนผมก็ผู้ชายธรรมดา เจ้าชู้นิดๆ ปากหมา หน้าตาไม่ได้หล่อขี้แตกขี้แตน อาศัยเป็นชนกลุ่มน้อยในเรียนสตรี (ถือได้ว่าเป็นของแรร์ หง่อวว) ผมเริ่มด้วยการพยายามทักทายเธอ จนวันหนึ่งผมเจอเธอกับเพื่อนที่โรงอาหารของโรงเรียน ผมขอให้เธอมาช่วยทำงานวิชาภาษาอังกฤษของผม เราเริ่มสนิทกัน ผมพยายามไปหาเธอที่เรียนพิเศษ แม้ในวันที่ผมไม่มีเรียนผมก็ไปนั่งคุยกับเพื่อนๆ เพื่อรอที่จะได้เจอเธอ จนเราได้เจอกันบ่อยสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้ววันที่ผมพร้อมและรวบรวมความกล้าที่จะบอกชอบเธอมาถึง ผมอาจจะเป็นคนหัวโบราณมั้งครับ ชอบใครก็ต้องบอกจากปาก เหมือนเราได้แสดงความจริงใจของของเราให้ใครซักคนได้รับรู้ และให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกนั้นจริงๆ เลยแบบว่าเอาวะกูต้องบอกละไม่บอกกูกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ อึดอัดโคตรๆ วันนั้นผมไปรอเธอที่เรียนพิเศษพยายามไปนั่งโต๊ะใกล้ๆกับเธอ จังหวะที่เธอกำลังนั่งเก็บของจะกลับบ้าน ผมเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ แล้วบอกว่า".....เค้าชอบแกนะ" เธอทำหน้าเป็นอาม่าอึ้งสักพัก ผมก็กลัวเธอจะไม่เชื่อคิดว่าผมแกล้งเล่น เลยย้ำไปอีกที"จริงๆนะ!" เธอก็บอกแค่ว่า"อื้อ"แล้วยิ้มเล็กๆ (ตอนนั้นหัวใจโคตรพองโต แบบเขินสัดๆ อยากจะกรี๊ดให้ตุ๊ดแตก จะชอบหรือไม่ชอบก็เถอะ แต่โล่งเหมือนนั่งรถตอนปวดขี้นานๆแล้วได้ขี้สักที) แล้วผมก็พูดต่อไปว่า"ต่อไปนี้เค้าจะจีบแกนะ" พอดีว่าตอนนั้นเธอกำลังรีบกลับบ้านพอดี ผมเลยไม่ทันได้สังเกตอาการของเธอ แต่หลังจากวันนั้นไม่รู้เพื่อนๆรู้ได้ยังไงมาแซวกันใหญ่เลย ผมพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เธอชอบ เราคุยกันมาเรื่อยๆ ผมยิ่งชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นว่าผมใส่ใจ จริงใจกับเธอ ผมเคยทำอาหารจากบ้านมาให้เธอกิน เป็นหมูย่างโง่ๆ แต่โคตรใส่ใจเลยนะขอบอก เธอบอกปวดประจำเดือนเท่านั้นแหละ ผมนี่รีบไปหายาที่ห้องพยาบาลกับน้ำเปล่ามาให้เธอกิน (ตอนนั้นเรียกได้ว่าถ้ากูกลืนยาแทนได้กูทำไปละ 5555 )
ผมชวนเธอไปเดทครั้งแรก ผมแต่ตัวแบบที่คิดว่าดูดีที่สุดในชีวิตละ(แบบว่าใส่สูทได้กูจะใส่) เธอมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เราตกลงกันว่าจะไปดูหนัง ผมไปรอเธอที่หน้าโรงหนังเธอมาช้านิดหน่อย ระหว่างที่รอหนังฉาย ผมชวนเธอไปโยนโบลิ่ง แต่เธอโยนไม่เป็น(อั้ยย่ะ! ได้โอกาสโชวความเท่ละ 5555) เธอนั่งดูผมเล่นก่อน สักพักผมเลยชวนเธอมาเล่นโดยอาสาจะสอนให้ ผมไปหยิบรองเท้า นั่งลงจะใส่ให้เธอ เธอตกใจลุกยืน ผมเลยบอก"นั่งเฉยๆไปเหอะน่า" ใส่ไปข้างนึงเธอก็เกรงใจเลยหยิบไปใส่เอง ผมให้เกียรติผู้หญิงเลยพยายามไม่ไปถูกเนื้อต้องตัวเธอ เวลาไปไหนผมจะต้องยกเก้าอี้ให้เธอนั่งก่อนแล้วผมถึงจะนั่งตาม วันนั้นเป็นเดทแรกที่ราบรื่นที่สุด ผมอยากให้เธอประทับใจในตัวผมมากๆ เราสนิทกันมากขึ้นจนเมื่อผมพร้อมที่จะเริ่มคบหาดูใจกับเธอ ผมขอยืมโทรศัพท์มือถือของเธอมาพิมพ์ข้อความใส่ note"เป็นแฟนกันมั๊ย ?"แล้วล็อคหน้าจอ พอเธอเปิดจะได้เห็น (ในใจตอนนั้นคิดโอ้โห โรแมนติกโคตรๆเลย ประทับใจแน่ๆ) ผมยื่นมือถือให้เธอ(ในใจคิดว่าเปิดสิวะ !) แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง เธอรับมือถือแล้วเดินไปเรียน ผมนั่งรอจนเธอเรียนเสร็จ พอเธอเดินออกมาผมมองไปที่เธอพร้อมกับแบกความหวังและความกังวลกับคำตอบที่หนักอึ้ง แต่เธอเดินมาคุยกับเพื่อนแล้วกำลังจะไปเรียนต่อ ผมคิดว่าเธอน่าจะยังไม่ได้อ่าน แต่! เธอหยิบมือถือออกมา (เอาว่ะ โดนแน่ๆ เข้าเป้าา) เธอกดเบอร์โทรหน้าตาเช้ย (ผมคิดในใจ-แห้วละกู) แต่ยังหวังเล็กๆอาจมีการผิดพลาดทางเทคนิคหน่า (เข้าข้างตัวเอง) ตอนนั้นเธอกำลังไปขึ้นแท็กซี่ ผมอาสาเดินไปส่งเธอที่รถ (เอาวะสักหน่อยเผื่อเมื่อกี้วืด จะเจ็บก็ขอแบบจุกๆเลยละกัน) ผมรวบรวมความกล้าที่มีตอนนั้นบอกเธอว่า ".....เป็นแฟนกันมั้ย ? " เธอบอกสั้นๆเบาๆ ว่า "อื้อ" แล้วเธอก็ขึ้นรถไป ตอนนั้นนี่ในใจนี่ดิ้นพลาดๆ ดีใจยิ่งกว่าคนที่ถูกแจคพอตติดกัน 2 งวด แต่คนเยอะ เราเป็นผู้ชายต้องเก็บอาการเก่ง.....
เราคบกันอย่างเปิดเผยครับแต่เเธอเป็นลูกผู้หญิงคนสุดท้องครอบครัวเธอก็หวงเป็นปกติ เธอจะเรียกผมว่าเพื่อน และผมก็ไม่ใช่ผู้ชายขี้ใจน้อยเรื่องเล็กๆน้อยๆหรอก ผมแสดงออกว่าเป็นเแฟนเธออย่างเปิดเผย อาจะเพราะเธอและผมอัธยาศัยดีเลยมีงอนกันบ้าง แต่ผมนี่โคตรหวงเลยเก็บไว้บ้านได้นี่เก็บไปละ แสดงออกสุดตัว ผมชอบซื้อของกินไปให้เธอกิน เป็นห่วงเธอเพราะเธอไม่ค่อยทานมื้อเช้ามาโรงเรียน เราเรียนห้องติดกันตอนเข้าแถวนี่ผมชอบไปยืนใกล้ๆเธอ ความสัมพันธ์ของเราราบรื่นบ้าง มีงอนกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง บททดสอบแรกก้เริ่มต้น มีรุ่นน้องหน้าตาดีมาชอบผม ประกอบกับเราห่างกันเรื่องจากเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราต่างคนต่างประชดกัน เจอหน้ากันก็ทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก เกือบจะต้องจบความสัมพันธ์ลงแค่นี้ จนกระทั้งผมทนไม่ได้ต้องง้อขอคืนดีกับเธอ จากนั้นความสัมพันธ์เราค่อนข้างไปด้วยดี เมื่อถึงวันปัจฉิมนิเทศของโรงเรียนรุ่นน้องคนนั้นทำของขวัญมาให้ผมเป็นสมุดภาพถ่ายของผมและเสื้อ หลังจากนั้นไม่กี่วันเป็นวันวาเลนไทน์ เธอก็ทำของขวัญมาให้ผมเป็นต้นไม้หัวใจเป็นของขวัญที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยได้รับ ผมทำช็อคโกแลตให้คุณแฟนและตอบแทนรุ่นน้องที่เอาของขวัญมาให้ นั่นเป้นเหตุทำให้เธอคิดมาก ในตอนนั้นเธอเป็นคนอารมณ์ร้อนมากๆ ส่วนผมก็ใจเย็นมากๆแบบนิ่งเงียบอย่างเดียว ได้แต่บอกให้เธอใจเย็นๆ ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้เธอเสียใจจนร้องไห้ ผมง้อขอคืนดีกับเธออยู่นานแม้ว่าจะสำเร็จ แต่ผมได้สร้างรอยแผลเป็นในใจของเธอแล้ว
ผมไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยๆ เราสนิทกันในกลุ่มเพื่อนๆด้วยเลยทำให้เราเป็นทั้งเพื่อนทั้งแฟน เธอชอบบ่นน้อยใจว่ากลัวสู้สาวๆที่ผมชอบไม่ได้ ผมเลยสระผม ตัดเล็บ มาส์กหน้าให้เธอซะเลย พยายามดูแลเธอให้ดี ตอนเธอไม่สบายก็เช็ดตัวและหายาให้เธอทาน ดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจัสามารถทำให้ได้ ควาสัมพันธ์ของเราดีมากๆ แต่เหมือนโชคชะตาไม่เข้าใจ โถถถถถ แบบทดสอบความรักครั้งที่2เริ่มขึ้น ผมต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ส่วนเธอนั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน มีคนเคยบอกว่า"รักแท้แพ้ระยะทาง" แต่ในตอนนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของเราสองคนเลย มีแต่ว่าเราจะประคับประคองความสัมพันธ์ของเราให้นานที่สุด เธอมีภาระการเรียนที่หนัก รวมทั้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะต้องไปซ้อมบ่อยๆ ผมน้อยใจที่เธอชอบไปสนิทกับเพื่อนผู้ชายมากๆ ยอมรับเลยครับว่าหวงมากๆ (ทำไงได้ก็แฟนเรายังไงก็น่ารัก เผื่อไปถูกตาต้องใจคนอื่นเราก็แย่สิ) แต่ผมพยามเชื่อใจเธอ และผมก็อยากให้เธอเชื่อใจของผมเช่นกัน
ระยะทางไม่ใช่ปัญหาสำคัญสำหรับความรักของเราสองคน ผมกลับบ้านเฉลี่ยเดือนละครั้ง เฟสทามบ้าง เราไลน์คุยกันตลอด รู้อยู่ว่าต่างคนต่างทำอะไร สำหรับผมเธอเป็นแฟนที่ดีมากๆ เธอพยายามแบ่งเวลาแม้มันจะน้อยให้กับผม มีครั้งหนึ่งเธอว่ายน้ำไม่เป็น ผมอาสาพาเธอไปสอนว่ายน้ำอยากให้เธอว่ายน้ำเป็น ผมรู้สึกว่าผมอยากทำหน้าที่แฟนให้ดีน่ะครับ เธอน่ารักมากๆครับเธอเย็บตุ๊กตาหมอนข้างให้กันผม ให้ผมไว้นอนกอด เธอบอกว่านี่เป็นตัวแทน เอาไว้เวลาคิดถึงเธอ มีตอนที่ผมไม่สบายเธอส่งวิตามินซีมากับยามาให้ผมด้วยนะ(ขออวดหน่อย) แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความรักของเราเหมือนจะค่อยๆจืดจาง แต่เราสัญญากันว่าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มรู้สึกคิดถึงกันน้อยลง เราจะพยายามบอกกันและกัน เราะทะเลาะกันจนเกือบจะเลิกกันหลายครั้ง เราจะหมั่นเติมความรักให้กันและกันตลอดผมคิดว่าการที่ผมได้ใช้"เวลา"ที่ผมมี ไปกับคนที่ผมรัก นั่นคือผมใช้ชีวิตคุ้มแล้วครับ มีวันหนึ่งเราไปทานอาหารกัน ผมหยิบฝาขวดน้ำมาสวมที่นิ้วของเธอ เธอเขินมากๆเลย ผมบอกกับเธอว่า ผมอยากให้แหวนที่มีค่ามากกว่านี้ แต่มันต้องมาจากน้ำพักน้ำแรงของผมเอง (อ้อห่อววว โรแมนติกไปอี๊ก) เธอจะน้อยใจว่าสวยสู้แฟนเก่าของผมไม่ได้ เธอจะใช้คำว่า"สาวๆของผม" น่ารักดีนะครับ ผมเป็นคนชอบให้แฟนหวง เพราะดูเหมือนเธอใส่ใจผมมาก
ถึงวันเกิดเธอเดือนกุมภาพันธ์ ผมได้สั่งทำตุ้มหูให้เป็นของขัวญเธอ แม้จะราคาไม่มาก แต่มันมาจากเงินที่ผมแอบไปทำงานเก็บสะสมเงินไว้ แต่มันทำไม่ทันเสร็จ ผมเลยได้แต่บอกเธอว่าวันเกิดไม่มีของขวัญอะไรจะให้หรอกนะ แต่ผมได้เตรียมเซอร์ไพรซ์ วันวาเลนไทน์มาให้เธอเป็นให้เพื่อนๆของเธอมาร้องเพลง"เรื่อยๆไปจนแก่" แล้ผมอัดวิดีโอส่งให้เพื่อนเธอเปิดให้เธอดู ผมดีใจมากๆเลยครับที่เธอชอบมัน สำหรับผมเธอคือทั้งแฟน ทั้งเพื่อน ครอบครัว แต่ความสนิททำให้บางทีผมเล่นมากเกินไปจนเราทะเลากัน ผมรักในความเป็นตัวของตัวเองของเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งเราทะเลาะกัน ผมเพลียมากๆวันต่อไปก็มีสอบ เธอก็ไม่สบายใจร้องไห้หนักมากๆ ผมรู้สึกผิดมากๆที่ทำให้เธอเสียใจ แม้เธอจะคิดมากน้อยใจไปเอง แต่ผมก็ทนที่จะเห็นคนที่ผมรักเสียใจบ่อยครั้งไม่ได้หรอกครับ ผมคิดว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ยิ่งปีต่อๆไปเธอจะต้องเรียนหนักขึ้น ถ้ามัวมาเสียใจเสียเวลากับเรื่องของผม จะส่งผลเสียต่ออนาคตที่ครอบครัวของเธอหวังไว้ ใช้เวลาตัดสินใจสักพักคิดจะขอเลิกกับเธอ แต่เธอไม่อยากที่จะเลิก ผมเลยขอให้ห่างความสัมพันธ์ของเราออกมา เราทั้งคู่โอเคครับ วันสุดท้ายที่เจอกันผมพาเธอไปทำผม เธอคิดมากเรื่องผู้หญิงแต่ผมอยากให้เธอเชื่อใจผมจริงๆนะ เราแยกกันประโยคสุดท้ายที่ผมบอกกับเธอ "ขอให้แกเชื่อใจเค้านะคะ" หลังจากวันนั้นผมพยายามไม่ติดต่อเธอ ห่างออกมา ผมคิดถึงเธอตลอดเลยครับ ช่วงนั้นเป็นช่วนปิดเทอม แต่ผมยังมีเพื่อนชวนๆไปออกกำลังกายแทบทุกวัน เลยช่วยได้เวลาที่ผมต้องอยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มตัดใจจากผมได้และมีคนเข้ามาคุยใหม่แล้ว เมื่อเธอเจอผมกับกลุ่มเพื่อนๆเธอจะไม่เข้ามาคุยกับผมทำเหมือนเป็นอากาศเลยครับ มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของผมมากมาย หลายครั้งผมคิดจะเริ่มใหม่ แต่ผมคิดว่าไม่อยากทำให้พวกเขาต้องมาเจ็บ เพียงเพราะผมยังตัดเธอไม่ขาดจากความทรงจำของผม ผมไม่ได้หมดรักเธอแม้แต่น้อยเลย ผมพยายามเลิกชอบเธอ แต่ก็ทำไม่ได้ครับ
ต่อมาผมกลับเป็นฝ่ายคิดถึงเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ติดตามดูเธอบ่อยมากขึ้น จนกระทั่งเราเจอกันด้วยความบังเอิญอีกครั้งผมไปเดินห้างสรรพสินค้าค้าคนเดียวเธอไปกับครอบครัว ผมเดินไปดูรองเท้ากีฬา เห็นผู้หญิงคนหนึ่งทางหลังด้านหลังเป็นภาพที่คุ้นตา ผมคิดว่าโลกคงไม่กลม เล่นตลกกันแบบนี้หรอก ผมเดินไปหยิบรองเท้า ในใจก็สงสัยว่า ยังไงก็ต้องดูเพื่อความแน่ใจ สายตาผมชำเลืองไปตอนที่เธอหันมาผมดี ต้าม! ชัวร์! ผมหยุดค้างหันคอแทบไม่ทัน ทำเป็นดูรองเท้าต่อไป เธอคงเห็นเลยรีบเดินหนี ผมเดินออกมาไม่อยากห็นกลัวจะห้ามใจคิดถึงเธอไม่ได้ คิดว่าค่อยกลับมาดูทีหลังแต่ ! เราเจอกันอีกแล้วแต่เธอพยายามหลบหน้าผม จากนั้นผมได้แต่สงสัยมาตลอดว่าทำไมเธอต้องหลบหน้าผม ผมทักเธอไป เธอบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแล้วและมีกำลังคุยกับผู้ชายคนใหม่เธอชอบเขาแล้วเขาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ผมคงต้องยอมรับมันเกิดจากการตัดสินใจของเราแล้วเราต้องยอมรับผลที่มันจะเกิด ผมคิดว่าดีแล้วเธอจะได้มีความสุข มีสมาธิกับการเรียนครับ เห็นเธอมีความสุขผมก็มีความสุข ติดตามดูเธอห่างๆ แต่ผมยังคงค้างคาในใจว่า เธอบอกว่าชอบคนอื่นแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแล้ว ไม่ได้เกลียดผม แต่ทำไมเราสองคนถึงเป็นได้แค่คนเคยรู้จัก ?
การตัดสินใจครั้งนั้นแม้ว่าจะทำให้ผมเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมคิดว่ามันดีกับเธอ และมันเป็นข้อเดียวที่ทำให้ผมตอบคำถามตัวเองว่าผมทำไปทำไม?
แม้เราจะไม่สมหวังกับความรัก แต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้ ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของเราและทำให้เราได้เรียนรู้
ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบใคร ส่วนเธอดูเหมือนว่าชอบเขามากแต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะจริงใจกับเธอและดูเธอได้ดีแค่ไหนแต่ขออย่าทำให้เธอเสียใจเสียน้ำตาเลยครับ
ขอบคุณครับ .....
แชร์ประสบการณ์ " นี่เรากลายเป็นแค่คน(เคย)รู้จักกันหรอ ? "
โคตรเป็นประโยคที่เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้วเลย
ผมเคยคิดว่า โอ้ย นี่มันคำพูดของพระเอกละคร ไม่มีทีทางเกิดกับชีวิตกูหรอก นี่มันชีวิตจริงนะโว้ย แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก.....
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจาก เมื่อตอนมัธยมปลายผมชอบผู้หญิงคนหนึ่งเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนผม เธอไม่ได้สวยระดับนางฟ้าหรอกครับ แต่เธอดูน่ารัก ผมคิดว่านิสัยเธอมีสเน่ห์มากๆ เฮฮา ทะลึ่งนิดหน่อย เข้ากับคนได้ง่าย ส่วนผมก็ผู้ชายธรรมดา เจ้าชู้นิดๆ ปากหมา หน้าตาไม่ได้หล่อขี้แตกขี้แตน อาศัยเป็นชนกลุ่มน้อยในเรียนสตรี (ถือได้ว่าเป็นของแรร์ หง่อวว) ผมเริ่มด้วยการพยายามทักทายเธอ จนวันหนึ่งผมเจอเธอกับเพื่อนที่โรงอาหารของโรงเรียน ผมขอให้เธอมาช่วยทำงานวิชาภาษาอังกฤษของผม เราเริ่มสนิทกัน ผมพยายามไปหาเธอที่เรียนพิเศษ แม้ในวันที่ผมไม่มีเรียนผมก็ไปนั่งคุยกับเพื่อนๆ เพื่อรอที่จะได้เจอเธอ จนเราได้เจอกันบ่อยสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ และแล้ววันที่ผมพร้อมและรวบรวมความกล้าที่จะบอกชอบเธอมาถึง ผมอาจจะเป็นคนหัวโบราณมั้งครับ ชอบใครก็ต้องบอกจากปาก เหมือนเราได้แสดงความจริงใจของของเราให้ใครซักคนได้รับรู้ และให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกนั้นจริงๆ เลยแบบว่าเอาวะกูต้องบอกละไม่บอกกูกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ อึดอัดโคตรๆ วันนั้นผมไปรอเธอที่เรียนพิเศษพยายามไปนั่งโต๊ะใกล้ๆกับเธอ จังหวะที่เธอกำลังนั่งเก็บของจะกลับบ้าน ผมเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ แล้วบอกว่า".....เค้าชอบแกนะ" เธอทำหน้าเป็นอาม่าอึ้งสักพัก ผมก็กลัวเธอจะไม่เชื่อคิดว่าผมแกล้งเล่น เลยย้ำไปอีกที"จริงๆนะ!" เธอก็บอกแค่ว่า"อื้อ"แล้วยิ้มเล็กๆ (ตอนนั้นหัวใจโคตรพองโต แบบเขินสัดๆ อยากจะกรี๊ดให้ตุ๊ดแตก จะชอบหรือไม่ชอบก็เถอะ แต่โล่งเหมือนนั่งรถตอนปวดขี้นานๆแล้วได้ขี้สักที) แล้วผมก็พูดต่อไปว่า"ต่อไปนี้เค้าจะจีบแกนะ" พอดีว่าตอนนั้นเธอกำลังรีบกลับบ้านพอดี ผมเลยไม่ทันได้สังเกตอาการของเธอ แต่หลังจากวันนั้นไม่รู้เพื่อนๆรู้ได้ยังไงมาแซวกันใหญ่เลย ผมพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เธอชอบ เราคุยกันมาเรื่อยๆ ผมยิ่งชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นว่าผมใส่ใจ จริงใจกับเธอ ผมเคยทำอาหารจากบ้านมาให้เธอกิน เป็นหมูย่างโง่ๆ แต่โคตรใส่ใจเลยนะขอบอก เธอบอกปวดประจำเดือนเท่านั้นแหละ ผมนี่รีบไปหายาที่ห้องพยาบาลกับน้ำเปล่ามาให้เธอกิน (ตอนนั้นเรียกได้ว่าถ้ากูกลืนยาแทนได้กูทำไปละ 5555 )
ผมชวนเธอไปเดทครั้งแรก ผมแต่ตัวแบบที่คิดว่าดูดีที่สุดในชีวิตละ(แบบว่าใส่สูทได้กูจะใส่) เธอมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เราตกลงกันว่าจะไปดูหนัง ผมไปรอเธอที่หน้าโรงหนังเธอมาช้านิดหน่อย ระหว่างที่รอหนังฉาย ผมชวนเธอไปโยนโบลิ่ง แต่เธอโยนไม่เป็น(อั้ยย่ะ! ได้โอกาสโชวความเท่ละ 5555) เธอนั่งดูผมเล่นก่อน สักพักผมเลยชวนเธอมาเล่นโดยอาสาจะสอนให้ ผมไปหยิบรองเท้า นั่งลงจะใส่ให้เธอ เธอตกใจลุกยืน ผมเลยบอก"นั่งเฉยๆไปเหอะน่า" ใส่ไปข้างนึงเธอก็เกรงใจเลยหยิบไปใส่เอง ผมให้เกียรติผู้หญิงเลยพยายามไม่ไปถูกเนื้อต้องตัวเธอ เวลาไปไหนผมจะต้องยกเก้าอี้ให้เธอนั่งก่อนแล้วผมถึงจะนั่งตาม วันนั้นเป็นเดทแรกที่ราบรื่นที่สุด ผมอยากให้เธอประทับใจในตัวผมมากๆ เราสนิทกันมากขึ้นจนเมื่อผมพร้อมที่จะเริ่มคบหาดูใจกับเธอ ผมขอยืมโทรศัพท์มือถือของเธอมาพิมพ์ข้อความใส่ note"เป็นแฟนกันมั๊ย ?"แล้วล็อคหน้าจอ พอเธอเปิดจะได้เห็น (ในใจตอนนั้นคิดโอ้โห โรแมนติกโคตรๆเลย ประทับใจแน่ๆ) ผมยื่นมือถือให้เธอ(ในใจคิดว่าเปิดสิวะ !) แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง เธอรับมือถือแล้วเดินไปเรียน ผมนั่งรอจนเธอเรียนเสร็จ พอเธอเดินออกมาผมมองไปที่เธอพร้อมกับแบกความหวังและความกังวลกับคำตอบที่หนักอึ้ง แต่เธอเดินมาคุยกับเพื่อนแล้วกำลังจะไปเรียนต่อ ผมคิดว่าเธอน่าจะยังไม่ได้อ่าน แต่! เธอหยิบมือถือออกมา (เอาว่ะ โดนแน่ๆ เข้าเป้าา) เธอกดเบอร์โทรหน้าตาเช้ย (ผมคิดในใจ-แห้วละกู) แต่ยังหวังเล็กๆอาจมีการผิดพลาดทางเทคนิคหน่า (เข้าข้างตัวเอง) ตอนนั้นเธอกำลังไปขึ้นแท็กซี่ ผมอาสาเดินไปส่งเธอที่รถ (เอาวะสักหน่อยเผื่อเมื่อกี้วืด จะเจ็บก็ขอแบบจุกๆเลยละกัน) ผมรวบรวมความกล้าที่มีตอนนั้นบอกเธอว่า ".....เป็นแฟนกันมั้ย ? " เธอบอกสั้นๆเบาๆ ว่า "อื้อ" แล้วเธอก็ขึ้นรถไป ตอนนั้นนี่ในใจนี่ดิ้นพลาดๆ ดีใจยิ่งกว่าคนที่ถูกแจคพอตติดกัน 2 งวด แต่คนเยอะ เราเป็นผู้ชายต้องเก็บอาการเก่ง.....
เราคบกันอย่างเปิดเผยครับแต่เเธอเป็นลูกผู้หญิงคนสุดท้องครอบครัวเธอก็หวงเป็นปกติ เธอจะเรียกผมว่าเพื่อน และผมก็ไม่ใช่ผู้ชายขี้ใจน้อยเรื่องเล็กๆน้อยๆหรอก ผมแสดงออกว่าเป็นเแฟนเธออย่างเปิดเผย อาจะเพราะเธอและผมอัธยาศัยดีเลยมีงอนกันบ้าง แต่ผมนี่โคตรหวงเลยเก็บไว้บ้านได้นี่เก็บไปละ แสดงออกสุดตัว ผมชอบซื้อของกินไปให้เธอกิน เป็นห่วงเธอเพราะเธอไม่ค่อยทานมื้อเช้ามาโรงเรียน เราเรียนห้องติดกันตอนเข้าแถวนี่ผมชอบไปยืนใกล้ๆเธอ ความสัมพันธ์ของเราราบรื่นบ้าง มีงอนกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง บททดสอบแรกก้เริ่มต้น มีรุ่นน้องหน้าตาดีมาชอบผม ประกอบกับเราห่างกันเรื่องจากเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราต่างคนต่างประชดกัน เจอหน้ากันก็ทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก เกือบจะต้องจบความสัมพันธ์ลงแค่นี้ จนกระทั้งผมทนไม่ได้ต้องง้อขอคืนดีกับเธอ จากนั้นความสัมพันธ์เราค่อนข้างไปด้วยดี เมื่อถึงวันปัจฉิมนิเทศของโรงเรียนรุ่นน้องคนนั้นทำของขวัญมาให้ผมเป็นสมุดภาพถ่ายของผมและเสื้อ หลังจากนั้นไม่กี่วันเป็นวันวาเลนไทน์ เธอก็ทำของขวัญมาให้ผมเป็นต้นไม้หัวใจเป็นของขวัญที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยได้รับ ผมทำช็อคโกแลตให้คุณแฟนและตอบแทนรุ่นน้องที่เอาของขวัญมาให้ นั่นเป้นเหตุทำให้เธอคิดมาก ในตอนนั้นเธอเป็นคนอารมณ์ร้อนมากๆ ส่วนผมก็ใจเย็นมากๆแบบนิ่งเงียบอย่างเดียว ได้แต่บอกให้เธอใจเย็นๆ ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้เธอเสียใจจนร้องไห้ ผมง้อขอคืนดีกับเธออยู่นานแม้ว่าจะสำเร็จ แต่ผมได้สร้างรอยแผลเป็นในใจของเธอแล้ว
ผมไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยๆ เราสนิทกันในกลุ่มเพื่อนๆด้วยเลยทำให้เราเป็นทั้งเพื่อนทั้งแฟน เธอชอบบ่นน้อยใจว่ากลัวสู้สาวๆที่ผมชอบไม่ได้ ผมเลยสระผม ตัดเล็บ มาส์กหน้าให้เธอซะเลย พยายามดูแลเธอให้ดี ตอนเธอไม่สบายก็เช็ดตัวและหายาให้เธอทาน ดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจัสามารถทำให้ได้ ควาสัมพันธ์ของเราดีมากๆ แต่เหมือนโชคชะตาไม่เข้าใจ โถถถถถ แบบทดสอบความรักครั้งที่2เริ่มขึ้น ผมต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ส่วนเธอนั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน มีคนเคยบอกว่า"รักแท้แพ้ระยะทาง" แต่ในตอนนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของเราสองคนเลย มีแต่ว่าเราจะประคับประคองความสัมพันธ์ของเราให้นานที่สุด เธอมีภาระการเรียนที่หนัก รวมทั้งเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะต้องไปซ้อมบ่อยๆ ผมน้อยใจที่เธอชอบไปสนิทกับเพื่อนผู้ชายมากๆ ยอมรับเลยครับว่าหวงมากๆ (ทำไงได้ก็แฟนเรายังไงก็น่ารัก เผื่อไปถูกตาต้องใจคนอื่นเราก็แย่สิ) แต่ผมพยามเชื่อใจเธอ และผมก็อยากให้เธอเชื่อใจของผมเช่นกัน
ระยะทางไม่ใช่ปัญหาสำคัญสำหรับความรักของเราสองคน ผมกลับบ้านเฉลี่ยเดือนละครั้ง เฟสทามบ้าง เราไลน์คุยกันตลอด รู้อยู่ว่าต่างคนต่างทำอะไร สำหรับผมเธอเป็นแฟนที่ดีมากๆ เธอพยายามแบ่งเวลาแม้มันจะน้อยให้กับผม มีครั้งหนึ่งเธอว่ายน้ำไม่เป็น ผมอาสาพาเธอไปสอนว่ายน้ำอยากให้เธอว่ายน้ำเป็น ผมรู้สึกว่าผมอยากทำหน้าที่แฟนให้ดีน่ะครับ เธอน่ารักมากๆครับเธอเย็บตุ๊กตาหมอนข้างให้กันผม ให้ผมไว้นอนกอด เธอบอกว่านี่เป็นตัวแทน เอาไว้เวลาคิดถึงเธอ มีตอนที่ผมไม่สบายเธอส่งวิตามินซีมากับยามาให้ผมด้วยนะ(ขออวดหน่อย) แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความรักของเราเหมือนจะค่อยๆจืดจาง แต่เราสัญญากันว่าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มรู้สึกคิดถึงกันน้อยลง เราจะพยายามบอกกันและกัน เราะทะเลาะกันจนเกือบจะเลิกกันหลายครั้ง เราจะหมั่นเติมความรักให้กันและกันตลอดผมคิดว่าการที่ผมได้ใช้"เวลา"ที่ผมมี ไปกับคนที่ผมรัก นั่นคือผมใช้ชีวิตคุ้มแล้วครับ มีวันหนึ่งเราไปทานอาหารกัน ผมหยิบฝาขวดน้ำมาสวมที่นิ้วของเธอ เธอเขินมากๆเลย ผมบอกกับเธอว่า ผมอยากให้แหวนที่มีค่ามากกว่านี้ แต่มันต้องมาจากน้ำพักน้ำแรงของผมเอง (อ้อห่อววว โรแมนติกไปอี๊ก) เธอจะน้อยใจว่าสวยสู้แฟนเก่าของผมไม่ได้ เธอจะใช้คำว่า"สาวๆของผม" น่ารักดีนะครับ ผมเป็นคนชอบให้แฟนหวง เพราะดูเหมือนเธอใส่ใจผมมาก
ถึงวันเกิดเธอเดือนกุมภาพันธ์ ผมได้สั่งทำตุ้มหูให้เป็นของขัวญเธอ แม้จะราคาไม่มาก แต่มันมาจากเงินที่ผมแอบไปทำงานเก็บสะสมเงินไว้ แต่มันทำไม่ทันเสร็จ ผมเลยได้แต่บอกเธอว่าวันเกิดไม่มีของขวัญอะไรจะให้หรอกนะ แต่ผมได้เตรียมเซอร์ไพรซ์ วันวาเลนไทน์มาให้เธอเป็นให้เพื่อนๆของเธอมาร้องเพลง"เรื่อยๆไปจนแก่" แล้ผมอัดวิดีโอส่งให้เพื่อนเธอเปิดให้เธอดู ผมดีใจมากๆเลยครับที่เธอชอบมัน สำหรับผมเธอคือทั้งแฟน ทั้งเพื่อน ครอบครัว แต่ความสนิททำให้บางทีผมเล่นมากเกินไปจนเราทะเลากัน ผมรักในความเป็นตัวของตัวเองของเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งเราทะเลาะกัน ผมเพลียมากๆวันต่อไปก็มีสอบ เธอก็ไม่สบายใจร้องไห้หนักมากๆ ผมรู้สึกผิดมากๆที่ทำให้เธอเสียใจ แม้เธอจะคิดมากน้อยใจไปเอง แต่ผมก็ทนที่จะเห็นคนที่ผมรักเสียใจบ่อยครั้งไม่ได้หรอกครับ ผมคิดว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ยิ่งปีต่อๆไปเธอจะต้องเรียนหนักขึ้น ถ้ามัวมาเสียใจเสียเวลากับเรื่องของผม จะส่งผลเสียต่ออนาคตที่ครอบครัวของเธอหวังไว้ ใช้เวลาตัดสินใจสักพักคิดจะขอเลิกกับเธอ แต่เธอไม่อยากที่จะเลิก ผมเลยขอให้ห่างความสัมพันธ์ของเราออกมา เราทั้งคู่โอเคครับ วันสุดท้ายที่เจอกันผมพาเธอไปทำผม เธอคิดมากเรื่องผู้หญิงแต่ผมอยากให้เธอเชื่อใจผมจริงๆนะ เราแยกกันประโยคสุดท้ายที่ผมบอกกับเธอ "ขอให้แกเชื่อใจเค้านะคะ" หลังจากวันนั้นผมพยายามไม่ติดต่อเธอ ห่างออกมา ผมคิดถึงเธอตลอดเลยครับ ช่วงนั้นเป็นช่วนปิดเทอม แต่ผมยังมีเพื่อนชวนๆไปออกกำลังกายแทบทุกวัน เลยช่วยได้เวลาที่ผมต้องอยู่คนเดียว ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มตัดใจจากผมได้และมีคนเข้ามาคุยใหม่แล้ว เมื่อเธอเจอผมกับกลุ่มเพื่อนๆเธอจะไม่เข้ามาคุยกับผมทำเหมือนเป็นอากาศเลยครับ มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของผมมากมาย หลายครั้งผมคิดจะเริ่มใหม่ แต่ผมคิดว่าไม่อยากทำให้พวกเขาต้องมาเจ็บ เพียงเพราะผมยังตัดเธอไม่ขาดจากความทรงจำของผม ผมไม่ได้หมดรักเธอแม้แต่น้อยเลย ผมพยายามเลิกชอบเธอ แต่ก็ทำไม่ได้ครับ
ต่อมาผมกลับเป็นฝ่ายคิดถึงเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ติดตามดูเธอบ่อยมากขึ้น จนกระทั่งเราเจอกันด้วยความบังเอิญอีกครั้งผมไปเดินห้างสรรพสินค้าค้าคนเดียวเธอไปกับครอบครัว ผมเดินไปดูรองเท้ากีฬา เห็นผู้หญิงคนหนึ่งทางหลังด้านหลังเป็นภาพที่คุ้นตา ผมคิดว่าโลกคงไม่กลม เล่นตลกกันแบบนี้หรอก ผมเดินไปหยิบรองเท้า ในใจก็สงสัยว่า ยังไงก็ต้องดูเพื่อความแน่ใจ สายตาผมชำเลืองไปตอนที่เธอหันมาผมดี ต้าม! ชัวร์! ผมหยุดค้างหันคอแทบไม่ทัน ทำเป็นดูรองเท้าต่อไป เธอคงเห็นเลยรีบเดินหนี ผมเดินออกมาไม่อยากห็นกลัวจะห้ามใจคิดถึงเธอไม่ได้ คิดว่าค่อยกลับมาดูทีหลังแต่ ! เราเจอกันอีกแล้วแต่เธอพยายามหลบหน้าผม จากนั้นผมได้แต่สงสัยมาตลอดว่าทำไมเธอต้องหลบหน้าผม ผมทักเธอไป เธอบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแล้วและมีกำลังคุยกับผู้ชายคนใหม่เธอชอบเขาแล้วเขาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ผมคงต้องยอมรับมันเกิดจากการตัดสินใจของเราแล้วเราต้องยอมรับผลที่มันจะเกิด ผมคิดว่าดีแล้วเธอจะได้มีความสุข มีสมาธิกับการเรียนครับ เห็นเธอมีความสุขผมก็มีความสุข ติดตามดูเธอห่างๆ แต่ผมยังคงค้างคาในใจว่า เธอบอกว่าชอบคนอื่นแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแล้ว ไม่ได้เกลียดผม แต่ทำไมเราสองคนถึงเป็นได้แค่คนเคยรู้จัก ?
การตัดสินใจครั้งนั้นแม้ว่าจะทำให้ผมเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมคิดว่ามันดีกับเธอ และมันเป็นข้อเดียวที่ทำให้ผมตอบคำถามตัวเองว่าผมทำไปทำไม?
แม้เราจะไม่สมหวังกับความรัก แต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้ ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของเราและทำให้เราได้เรียนรู้
ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบใคร ส่วนเธอดูเหมือนว่าชอบเขามากแต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะจริงใจกับเธอและดูเธอได้ดีแค่ไหนแต่ขออย่าทำให้เธอเสียใจเสียน้ำตาเลยครับ
ขอบคุณครับ .....