เพราะแบบนี้ถึงไม่อยากกลับบ้าน

กระทู้สนทนา
ขออ้างบุคคลที่ 3 ก่อนที่จะเข้าเรื่องนะค่ะ ที่เราต้องกลับมาอยู่บ้าน เพราะแฟนเราที่คบกันมา
8 ปี ระหว่าง 8 ปีเราก็อาศัยอยู่บ้านแฟน 4 ปี 3 ปีแรกก็ใช้เงินเรา ปีที่ 4 ก็ช่วยกันหา ปีที่ 4 นี้หล่ะ
เริ่มมีปัญหากันมาเรื่อยๆ แต่เราก็พยายามผ่านกันมาด้วยกัน จนเค้าบอก เค้าอยากบวชให้แม่ 1 เดือน
ให้กลับไปอยู่บ้านแม่ก่อนสึกมาจะรับแล้วจะได้คุยกับแม่ด้วย ความรู้สึกตอนนั้นโครตดีใจ
มันเหมือนความฝัน
  8 ปีที่ทนกับความเจ้าชู้ 8 ปีกับการช่วยกันผ่านเวลาที่เลวร้าย ทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น มันกำลังจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์
กลับบ้านพร้อมความหวังบอกแม่กับน้าว่า เค้าขอเวลาบวช 1 เดือนแล้วเค้าจะมาคุยกับแม่นะ ระหว่างรอจนครบ 1 เดือน
ไม่มีวี่แววว่าจะมา จนสึกมา 2 วันแล้วไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ ทนไม่ได้เราเลยโทรไป คำตอบที่ได้คือ กรรมใครกรรมมัน
ผมรอออกพรรษาผมจะไปบวชต่อ ฟังแล้วช็อคเลย คิดในใจจะบอกแม่กับน้าอย่างไง ต้องพูดแบบไหน อายุขนาดนี้จะทำงานอะไร
ปัญหาทุกอย่างมันวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด (ปกติรับงานอิสระ เป็นผู้ช่วยตากล้อง)
  สุดท้ายที่คิดได้คือนิ่งไว้ก่อนดีที่สุด ให้เวลาค่อยๆบอกแม่กับน้าเอง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ผู้ใหญ่เค้ารู้ทุกอย่างหล่ะ
แค่เค้าจะพูดหรือเปล่าแค่นั้น แต่บ้านเราไม่หวานกันอยู่แล้ว สังคมต่างจังหวัดใครมาบ้านก็ถามลูกสาวทำไมมาอยู่บ้าน แม่ต้องคอยตอบ
เอามาฝึกงาน เพื่อเค้าอยากทำต่อ  ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านแม่ถาม คำถามเดียวว่า เค้ารู้ไหมว่าเราอยู่นี้ หรือเราหนีมา ตอนนั้นอยากตอบนะ
แต่มันเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอยทำได้แค่ร้องไห้ แม่ก็หยุดถามไม่เคยถามเรื่องนี้อีกเลย ส่วนน้าเจอกันอาทิตย์ละ 2-3 วัน ช่วงแรก
ก็จะถามเค้าจะมาวันไหน แต่พอนานเข้าจากที่เคยพูดดี ทุกครั้งที่เจอจะโดนประโยคเจ็บๆให้ได้จำเสมอ โดนคนเดียวไม่เท่าไรแม่ก็ตัองนั่งฟังด้วย
ยกตัวอย่างนะค่ะ คนเราเวลามันกินอะไรไม่ถูกปากมันก็คายทิ้ง ไม่มีใครเอากลับมากินใหม่หรอก  ทำตัวไม่มีค่าเค้าถึงไม่เห็นค่า
อายุขนาดนี้ไปสมัครไปเป็นแม่บ้านเค้ายังไม่ยอมรับเลย  บอกแล้วมันไม่รักจริงหรอก ไปให้มันหลอกใช้งานตั้งหลายปีกลับมาเหลือแต่ตัว
4 เดือนที่ต้องโดนว่าแบบนี้ทุกอาทิตย์ คิดๆแต่ว่าจะออกจากบ้านนี้ได้ไง ล้มแล้วต้องโดนขนาดนี้เลยหรือ โกรธทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
ยิ่งเข้า fbไปเจอเค้าพาผู้หญิงไปกินข้าว ไปเที่ยว ยิ่งร้องไห้ ยิ่งไม่มีแรงลุกขึ้นสู้
  อ่านถึงตรงนี้ คงคิดว่าครอบครัวเราทำไมถึงไม่ให้กำลังใจกันเลยใช่ไหม เราก็คิดแบบนั้น เราต้องการกำลังใจนะไม่ใช่คำด่า คำก็ด่า สองคำก็ด่า
ท้อจนคิดว่าจะอยู่ไปทำไมบนโลกใบนี้ มันไม่มีที่ให้คนแพ้อย่างเราเลยใช่ไหม ความคิดมันวนเวียนอยู่แค่นั้น
  จนวันหนึ่งอยู่ดีๆน้าเรียกเราไปถามว่า มาอยู่ตั้งนานแล้วรู้ยังอยากทำอะไร พร้อมกับคำบ่นอีกเป็นชั่วโมง
แต่ที่จำได้คือ ไม่ต้องคิดว่าชอบทำอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าทำอะไรเพื่อจะดูแลตัวเอง ไม่ต้องคิดถึงแม่กับน้าหรอก
คิดแค่ว่าตัวเองจะอยู่อย่างไง อยู่ให้รอดตอนนั้นฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเลย เพราะใจมันไม่อยากอยู่หล่ะ
คิดว่าจะเรียกมาบ่นทำไมเนี้ย บ่นเสร็จ น้าควักเงินมาให้ก้อนหนึ่ง หลักหมื่นเลยหล่ะ ตอนนั้นงงมาก
เอามาให้ทำไม ตัวเรายังไม่รู้เลยจะเอาไปทำอะไร แล้วน้าก็พูดว่ามันไม่ใช่เงินทุนมากมายอะไร
แต่มันจะเป็นก้าวแรกที่เราจะรู้จักภูมิใจในตัวเอง
  พอถึงตรงนี้แล้วเราก็คิดจะทำอะไรดี รู้ว่ากลับไปทำงานที่ชอบไม่ได้แน่ เพราะเราไม่เคยใช้ชื่อตัวเองรับงานเลย
ถึงจะทำเองก็เถอะ เลยคิดเอาอะไรใกล้ตัว แม่เป็นช่างแพทเทริน์ ทำเสื้อผ้าดีกว่าใกล้เคียงความน่าจะเป็นที่สุด ก็เลยบอกแม่ว่าอยากทำ
สิ่งที่แม่ทำคือ ถอยจักรใหม่ให้เราเลยโดยไม่ได้แตะเงินทุนที่น้าให้สักบาทเดียว เงินส่วนของน้า แม่พาไปพาหุรัดซื้ออุปกรณ์ ที่จำเป็น
เราก็มีหน้าที่เลือกผ้า เลือกกระดุม ทุกอย่างมันรู้สึกเหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เลือกเพลินไปหน่อยผ้า 300 หลาหนักมากนะค่ะ
ตอนแรกคิดว่าร้านจะส่งให้ เพราะอยู่ต่างจังหวัด แต่ติดวันเสาร์เย็นแล้วด้วย วันอาทิตย์ก็ปิดอีก แม่บอกร้านให้เอาผ้าออกจากไม้
ให้พับใส่ถุง ภาพที่เราเห็นผู้หญิงแก่ๆ อายุ 60 ปี ผมหงอกเต็มหัวหล่ะจะมาช่วยเราหิ้วผ้าได้หรือ เราบอกแม่ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวจ้างเค้า
หิ้วไปส่งขึ้นแท็กซี่เอา แม่บอกเราว่าจะจ้างทำไม เราสองคนก็ช่วยกันลากไปเปลื้องตังค์ (ตอนนั้นเราแค่อยากหาคำพูดที่ดีกว่านั้น
อยากบอกว่า แม่พอแล้ว แม่เหนื่อยเดินมาทั้งวันแล้ว แม่พักบ้างเถอะ) แต่คนเราแปลกมากนะ พูดดีๆเพราะๆกับคนอื่นได้ แต่คนใกล้ตัวเรากลับอายที่จะทำอะไรดีๆ
  และนี้คือสาเหตุทั้งหมดที่เราไม่อยากกลับบ้าน กลับมาไม่ได้ทำให้เค้าภูมิใจเลย กลับมาเค้าก็ทุกข์กับเรา กลับมาเป็นภาระให้เค้า แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ถึงทุกวันนี้ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มั่นคงก็ตาม
  พิมพ์ในมือถืออาจผิดพลาดบ้างนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่