- เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไลฟ์สดขายของมาราธอน 4 วัน ทำยอดรวม “ทะลุ 263 ล้านบาท”
- วันที่ 4 ของไลฟ์ เธอปิดยอดวันเดียว 126 ล้านบาท
- รายงานข่าวระบุว่า หนุ่ม กรรชัย ได้นำสินค้ามาไลฟ์กับเจนนี่ ทำยอดขาย 19 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าจ้างไลฟ์ให้กับเจนนี่ตามข้อตกลง (ประมาณ 3 ล้านบาท)
กลายเป็นกระแสใหญ่ระดับประเทศอีกครั้ง สำหรับ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ที่ล่าสุดสร้างปรากฏการณ์ในโลกโซเชียล กับแคมเปญไลฟ์ขายของมาราธอน “เทศกาลเจนนี่” ซึ่งเดินทางมาถึงวันที่ 4 เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ตุลาคม 2568) และเรียกได้ว่า
“ทุบทุกสถิติ” อย่างแท้จริง
เธอเผยว่าในช่วงหนึ่งของไลฟ์ สามารถทำยอดทะลุ
100 ล้านบาทภายใน 9 ชั่วโมง ซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการไลฟ์ขายของไทย
ดารา–อินฟลูเอนเซอร์ แห่ร่วมขายของแน่นบ้าน
- ป๋อ ณัฐวุฒิ ที่เฮสนั่นกับยอดขาย
- กาละแมร์ พัชรศรี ที่กลับมารอบสอง แตกยอด 10 ล้านอีกครั้ง
- ดีเจต้นหอม ศกุนตลา ที่ของหมดโกดัง จนต้อง “แก้บน” ด้วยน้ำพริกกะปิกลางบ้านเจนนี่
- เชน ธนา, ดีเจพุฒ พุฒิชัย
- เม พรีมายา ที่พาลูกแฝด “โซล–โมเน่” มาร่วมสร้างสีสัน
- กระทั่ง “บอสณวัฒน์” ยังมาร่วมด้วย!
ช่วงที่ บอสณวัฒน์ ร่วมไลฟ์กับเจนนี่ ยอดพุ่งกว่า
19 ล้านบาท ภายในไม่กี่นาที
กับกว่า
60,000 ออเดอร์
1. จากดราม่าครอบครัว → พลังแห่งการกลับมา
ก่อนหน้านี้เจนนี่เจอดราม่าหนักเรื่องครอบครัว แต่เธอเลือก “ไม่หนี”
กลับมาไลฟ์ด้วยพลังที่ต่างออกไป คนดูสัมผัสได้ถึง “การเติบโตภายใน”
จากอดีตที่ถูกตั้งคำถาม → กลายเป็นภาพลักษณ์ “ผู้หญิงนักสู้” ที่เรียนรู้จากชีวิตจริง
2.ความจริงใจ คือทุนที่แพงที่สุด
ในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยความเฟค
เจนนี่คือคนที่ “พูดตรง ขายจริง หัวเราะกับคนดูได้จริง”
สิ่งนี้สร้าง
Emotional Capital หรือ “ทุนทางอารมณ์”
ที่ทำให้คนซื้อเพราะรู้สึกอยากให้กำลังใจ มากกว่าแค่ซื้อสินค้า
3.Relationship Economy — เศรษฐกิจความสัมพันธ์
ยุคนี้ธุรกิจไม่ได้ชนะด้วย “ราคาถูก”
แต่ชนะด้วย “ความสัมพันธ์แน่น”
เจนนี่ไม่ได้ขายของลำพัง แต่เปิดเวทีให้เพื่อน ดารา และคนทั่วไปมาร่วม
จนเกิด “ระบบนิเวศแห่งความร่วมมือ” ที่คนอยากมีส่วนร่วม
4.โมเดลเศรษฐกิจใหม่ของคนไทย
“เทศกาลเจนนี่” คือบทพิสูจน์ว่า
ความสำเร็จยุคนี้ไม่จำเป็นต้องมาจากทุนใหญ่
แต่อาจมาจาก
ความจริงใจและพลังของผู้คน
เทศกาล เจนนี่ ไลฟ์สด 4 วัน ยอดขาย 264 ล้านบาท
- วันที่ 4 ของไลฟ์ เธอปิดยอดวันเดียว 126 ล้านบาท
- รายงานข่าวระบุว่า หนุ่ม กรรชัย ได้นำสินค้ามาไลฟ์กับเจนนี่ ทำยอดขาย 19 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าจ้างไลฟ์ให้กับเจนนี่ตามข้อตกลง (ประมาณ 3 ล้านบาท)
กลายเป็นกระแสใหญ่ระดับประเทศอีกครั้ง สำหรับ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ที่ล่าสุดสร้างปรากฏการณ์ในโลกโซเชียล กับแคมเปญไลฟ์ขายของมาราธอน “เทศกาลเจนนี่” ซึ่งเดินทางมาถึงวันที่ 4 เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ตุลาคม 2568) และเรียกได้ว่า “ทุบทุกสถิติ” อย่างแท้จริง
เธอเผยว่าในช่วงหนึ่งของไลฟ์ สามารถทำยอดทะลุ 100 ล้านบาทภายใน 9 ชั่วโมง ซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการไลฟ์ขายของไทย
ดารา–อินฟลูเอนเซอร์ แห่ร่วมขายของแน่นบ้าน
- ป๋อ ณัฐวุฒิ ที่เฮสนั่นกับยอดขาย
- กาละแมร์ พัชรศรี ที่กลับมารอบสอง แตกยอด 10 ล้านอีกครั้ง
- ดีเจต้นหอม ศกุนตลา ที่ของหมดโกดัง จนต้อง “แก้บน” ด้วยน้ำพริกกะปิกลางบ้านเจนนี่
- เชน ธนา, ดีเจพุฒ พุฒิชัย
- เม พรีมายา ที่พาลูกแฝด “โซล–โมเน่” มาร่วมสร้างสีสัน
- กระทั่ง “บอสณวัฒน์” ยังมาร่วมด้วย!
ช่วงที่ บอสณวัฒน์ ร่วมไลฟ์กับเจนนี่ ยอดพุ่งกว่า 19 ล้านบาท ภายในไม่กี่นาที
กับกว่า 60,000 ออเดอร์
1. จากดราม่าครอบครัว → พลังแห่งการกลับมา
ก่อนหน้านี้เจนนี่เจอดราม่าหนักเรื่องครอบครัว แต่เธอเลือก “ไม่หนี”
กลับมาไลฟ์ด้วยพลังที่ต่างออกไป คนดูสัมผัสได้ถึง “การเติบโตภายใน”
จากอดีตที่ถูกตั้งคำถาม → กลายเป็นภาพลักษณ์ “ผู้หญิงนักสู้” ที่เรียนรู้จากชีวิตจริง
2.ความจริงใจ คือทุนที่แพงที่สุด
ในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยความเฟค
เจนนี่คือคนที่ “พูดตรง ขายจริง หัวเราะกับคนดูได้จริง”
สิ่งนี้สร้าง Emotional Capital หรือ “ทุนทางอารมณ์”
ที่ทำให้คนซื้อเพราะรู้สึกอยากให้กำลังใจ มากกว่าแค่ซื้อสินค้า
3.Relationship Economy — เศรษฐกิจความสัมพันธ์
ยุคนี้ธุรกิจไม่ได้ชนะด้วย “ราคาถูก”
แต่ชนะด้วย “ความสัมพันธ์แน่น”
เจนนี่ไม่ได้ขายของลำพัง แต่เปิดเวทีให้เพื่อน ดารา และคนทั่วไปมาร่วม
จนเกิด “ระบบนิเวศแห่งความร่วมมือ” ที่คนอยากมีส่วนร่วม
4.โมเดลเศรษฐกิจใหม่ของคนไทย
“เทศกาลเจนนี่” คือบทพิสูจน์ว่า
ความสำเร็จยุคนี้ไม่จำเป็นต้องมาจากทุนใหญ่
แต่อาจมาจาก ความจริงใจและพลังของผู้คน