บ้านที่ดิฉันอยู่ตอนนี้เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น กำแพงติดกัน ถ้าหากข้างบ้านที่อยู่ด้าน ซ้าย/ ขวา เจาะผนัง หรือตำน้ำพริก ก็จะรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือน แต่ก็นั่นแหละให้อภัยได้เพราะ บ้านเราก็เป็น ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปค่ะ
ก็อยู่อย่างสงบมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่ง คุณป้าที่อาศัยอยู่ข้างบ้านด้านซ้ายมือได้ย้ายออก เพราะได้ที่อยู่ใหม่ (ดิฉันรักและนับถือท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง) ดิฉันจึงช่วยประกาศขายให้ จึงได้เพื่อนรุ่นน้องของคุณแม่ (เคยรู้จักแต่ไม่ถึงกับสนิทมาก) มาซื้อต่อ ซึ่งเป็นคนใต้ (ทุ่งสง) เริ่มแรกก็ดีค่ะ ทำกับข้าวแบ่งปันกัน บ้านดิฉันคนเหนือ ก็จะทำกับข้าวเหนือแบ่งไปให้เค้าทานเป็นประจำ ส่วนเค้าถ้ากลับไปทุ่งสง ก็จะหาซื้อของมาฝาก ซื้อแกงใต้ ไข่เค็ม บลาๆ มาให้ตลอด เค้าไปทำงานก็ฝากลูกไว้กับแม่ดิฉันเลี้ยง ตั้งแต่เล็กๆจนขึ้นป.2 ช่วยดูแลป้อนข้าวป้อน้ำให้หลังกลับจากรร. เค้าก็ก็ให้ค่าขนม 2000 เป็นค่าขนมของดิฉันและของลูกเค้าเองรวมอยู่ใน 2000นั้นด้วย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างนี้เรื่อยมา นับว่าเป็นมิตรภาพที่ดีมากกเลยทีเดียว ณ ช่วงเวลานั้น ผ่านมาได้ไม่กี่ปี เค้าก็เริ่มเปลี่ยนไป ....... จากเหตุการณ์ดังนี้
- ครั้งหนึ่งเค้าขอเอารถมาจอดไว้ที่โรงจอดรถบ้านดิฉัน 1 คัน เพราะ เค้ามีรถ 3 คัน บ้านดิฉันมี 1 คัน (บ้านหลังนึงจอดรถได้แค่ 2 คันก็เต็มค่ะ) เลยมีที่ว่างจึงอนุญาตให้เค้ามาจอดได้ ก็โอเคให้จอดฟรี แต่เค้าก็เสนอจะให้ค่าที่จอดรถเดือนละ 500 เราก็บอก ไม่เป็นไรจอดไปเถอะบ้านใกล้เรือนเคียงกัน เค้าก็ยังยืนยันว่าจะให้เดือนละ500 เป็นมั่นเป็นเหมาะ ดิฉันก็โอเคๆ เป็นสัญญาทางใจ
แต่ผ่านไปแล้ว 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน ก็ไม่จ่ายแถมเวลาเอารถเข้ามาจอดก็เบิ้นรถ ควันรถก็เข้าบ้านดิฉัน ส่งกลิ่นเหม็นคุ้งไปหมด ...
แต่ก็ไม่เคยว่า ไม่เคยทวง ไม่เคยบอกหรือพูดอะไรใดๆเฉยมาตลอด อดทนมาตลอด
** ขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมตรงส่วนนี้ ดิฉันไม่ติดใจอะไรกับเงินค่าจอดรถ 500 บาท ไม่ได้หวังจากตรงนี้ค่ะ แต่ที่นับเดือนก็เพราะ จะลองใจเค้าว่าเค้าจะรักษาคำพูดรักษาสัญญาที่ให้ไว้หรือไม่ ถึงเค้าจ่ายให้จริงๆ ดิฉันก็ไม่รับค่ะ จะเอาอะไรกับตรงนี้แค่เงินส่วนกลางของหมู่บ้าน เดือนละ 120 บาท เค้ายังไม่เคยจ่ายเลยค่ะ (ที่หมู่บ้านจะมีการประชุมหัวหน้าหรือตัวแทนครอบครัวทุกเดือน และจะแจ้งรายชื่อ/บ้านเลขที่ที่ค้างจ่ายค่าส่วนกลาง หากบ้านหลังไหนยังไม่จ่ายหรือลืม ก็จะจ่ายทันที ณ ที่ประชุมตรงนั้นให้ทุกคนได้รับรู้และเป็นพยาน แต่เค้าไม่เคยที่จะเข้าประชุม หรือ จ่ายค่าส่วนกลางเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ)
- ต่อมา ดิฉันแต่งงานค่ะ ก็จัดงานช่วงเช้าที่บ้าน แน่นอนค่ะว่าของทุกอย่าง ไม่ว่าจะถังน้ำแข็ง ถังใส่ของสด ลังน้ำอัดลม เตาแก๊ส ฯ ทุกอย่างต้องวางที่โรงรถ คุณพ่อของดิฉันต้องเอารถออกไปจอดไว้ที่ท้ายซอยหมู่บ้าน แต่รถของเค้า
ยังจอดที่เดิม ไม่ขยับไปไหน ทุกคนที่มางาน และญาติๆของดิฉันต่างพูดกันว่า ทำไมเค้าเห็นแก่ตัวอย่างนี้ // ทำไมไม่มีความรับผิดชอบหรือสามัญสำนึกบ้าง ว่าเจ้าของบ้านเค้าจัดงานแต่ก็ยังไม่เอารถออกไป // มารยาทยอดแย่ // คิดผิดนะที่ให้เค้าเอารถเข้ามาจอด // คนใต้เห็นแก่ตัว // ทุกคำพูดกรอกอยู่ในหูดิฉันตลอดจนจบงานแต่ง (เฮ้อออ ) ซึ่งวันงานเค้าก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วยนะคะ แต่ใส่ซองมาช่วยโดยเมียของเค้าเป็นคนเอาซองมาให้ ตัวเขานอนและอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมา (เมียเค้าบอกอย่างนั้น) ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในหมู่บ้านมากันหมดค่ะ มาร่วมงานบ้าง มาช่วยงานบ้าง เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆค่ะ
- ลืมบอกไปว่า 1 วันก่อนจัดงานแต่ง จะต้องกางเต๊นท์หน้าบ้าน ซึ่งก็อาจจะเลยไปบ้านข้างๆ ดิฉันก็ขออนุญาตขอโทษขอโพย บ้านด้านขวา เค้าอนุญาตและเต็มใจ แต่กับบ้านของเค้า (ด้านซ้าย) กลับออกมาบอกกับเด็กที่กางเต๊นท์ว่า " เฮ้ยน้อง เสาเต๊นท์อ่ะอย่าให้มันเลยมาบ้านผมนะ เดี๋ยวเอารถออกไม่ได้ เสาขวางประตู เกะกะ" ดิฉันกับแฟนมองหน้ากัน เห้ยยยย ! ทำไมพูดงี้อ่ะ รถแกก็จอดบ้านฉันคันนึงก็ยังไม่เอาออกไป ทีงี้จะห้ามไม่ให้เสาเต๊นท์ขวางประตู บ้าไปแล้ว อารมณ์ ณ ตอนนั้นบูดมากค่ะ หนักใจ
- หลังแต่งงานมาได้เกือบเดือน รถของแฟนฉันต้องจอดหน้าบ้านตลอดเพราะเค้าก็ยังไม่มีสำนึกว่าต้องเอาออกไปจอดที่อื่นได้แล้ว (ดิฉันจึงปรึกษากับคุณแม่ ปล่อยไว้ยังงี้ไม่ไหวนะ) คุณแม่จึงตัดสินใจบอกกับเค้าว่า จะไม่ให้เอารถมาจอดแล้วเพราะเดี๋ยวรถของลูกเขยต้องมาจอด เค้าก็แสดงท่าทีไม่พอใจ ถามคุณแม่ดิฉันกลับ
"อ้าว แล้วงี้ผมจะเอารถไปจอดที่ไหนล่ะ ทำงี้ได้ไง" ดิฉันก็สวนทันที "เห้ยยยยไม่ใช่ละ ดิฉันให้จอดเพราะตอนนั้นมันว่าง และนี่ก็บ้านของดิฉัน แต่ตอนนี้มันต้องใช้พื้นที่ตรงนี้ไง คราวที่แล้วงานแต่งก็อลุ่มอะล่วยให้ละนะ ไม่เคยพูดว่าอะไรเลย" เท่านั้นแหละค่ะ สงครามเย็นก็เกิด เค้ายอมเอารถออกและเบิ้นเครื่องดังมากๆๆ (มารยาททรามสุดๆ) ขับออกไปอย่างเร็ว ดิฉันและคุณแม่จึงจัดการเปลี่ยนกุญแจ เปลี่ยนทั้งดอก ทั้งยวงเพื่อให้ไม่ให้เค้าไขประตูเข้ามาจอดได้อีก คนๆนี้เค้าไม่มีมารยาทค่ะ เริ่มแรกที่ให้จอดเค้าขอกุญแจไปปั๊ม เพราะเค้าเข้าบ้านออกบ้านไม่เป็นเวลาแน่นอน เค้าให้เหตุผลว่า จะได้ไม่ต้องเดินมาเปิด-ปิดให้ เกรงใจ (เอออ มีมารยาทก็ตรงนี้สินะ) ดิฉันก็โอเคๆ เอาไป
- ล่าสุด ดิฉันและครอบครัวออกไปทำบุญกันแต่เช้า กลับเข้ามาอีกทีก็เย็น ปรากฎว่า รถของเค้าจอดเลยมาหน้าบ้านดิฉันเกือบครึ่งคัน ดิฉันก็เอารถเข้าบ้านไม่ได้ แต่บังเอิญว่า เค้าก็นั่งคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้านพอดี ดิฉันจึงเดินมาประตูพูดลอยๆ ประหนึ่งก็อยากให้เค้าได้ยิน " เอาซะครึ่งคันเลย ไม่มีมารยาท"
ปึ้ง !!!!! เสียงปิดดประตูรถ และเบิ้นเครื่อง ดังๆ (โอ้ยยยยกรูจะบ้าตาย) เค้าขยับให้นะคะแต่ขัยบแบบนักเลงๆ ดิฉันเอารถเข้าบ้านปุ๊บ ก็ปิดประตูตามปกติ
แต่ก็ดันมีเสียงกระเเทกประตูหน้าบ้านของเค้า แสดงความไม่พอใจอย่างสุดๆ ไอ่เราก็งง อะไรวะ บ้านแกผิดแท้ๆยังจะมาทำกระแทกกระทั้นใส่เรา -..-"
- ทุกวันนี้อยู่ยากมากค่ะ จากคนที่เคยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรู มองหน้าทีก็เหมือนจะฆ่าจะแกงกัน ตาขวางใส่ กระถางต้นไม้ก็วางล้ำเขตมาบ้านดิฉัน ความเห็นแก่ตัว สันดานดิบต่างๆเค้าแสดงออกมาหมดเลยค่ะ ครอบครัวของดิฉันก็ได้แต่ทำเป็นไม่สนใจ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไป แต่พออดและทนมานาน สักวันดิฉันก็กลัวว่ามันจะปะทุขึ้นมานี่สิคะ เฮ้ออ
* ขออภัย หากแท็กผิดห้อง
* ขออภัย หากมีคำผิด หรือ ข้อผิดพลาดใดๆ
* กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้าย หรือ เหมารวมคนใต้ทั้งหมด ซึ่งคนใต้ดีๆก็มีอยู่เยอะ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ (หรืออาจจะมีแค่เค้าคนเดียว)
กราบขออภัยคนใต้ ที่ไม่เกี่ยวข้อง และที่มีนิสัยดี มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอระบาย .. มีเพื่อนบ้านแบบนี้ อยู่ยากนะคะ
ก็อยู่อย่างสงบมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่ง คุณป้าที่อาศัยอยู่ข้างบ้านด้านซ้ายมือได้ย้ายออก เพราะได้ที่อยู่ใหม่ (ดิฉันรักและนับถือท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง) ดิฉันจึงช่วยประกาศขายให้ จึงได้เพื่อนรุ่นน้องของคุณแม่ (เคยรู้จักแต่ไม่ถึงกับสนิทมาก) มาซื้อต่อ ซึ่งเป็นคนใต้ (ทุ่งสง) เริ่มแรกก็ดีค่ะ ทำกับข้าวแบ่งปันกัน บ้านดิฉันคนเหนือ ก็จะทำกับข้าวเหนือแบ่งไปให้เค้าทานเป็นประจำ ส่วนเค้าถ้ากลับไปทุ่งสง ก็จะหาซื้อของมาฝาก ซื้อแกงใต้ ไข่เค็ม บลาๆ มาให้ตลอด เค้าไปทำงานก็ฝากลูกไว้กับแม่ดิฉันเลี้ยง ตั้งแต่เล็กๆจนขึ้นป.2 ช่วยดูแลป้อนข้าวป้อน้ำให้หลังกลับจากรร. เค้าก็ก็ให้ค่าขนม 2000 เป็นค่าขนมของดิฉันและของลูกเค้าเองรวมอยู่ใน 2000นั้นด้วย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างนี้เรื่อยมา นับว่าเป็นมิตรภาพที่ดีมากกเลยทีเดียว ณ ช่วงเวลานั้น ผ่านมาได้ไม่กี่ปี เค้าก็เริ่มเปลี่ยนไป ....... จากเหตุการณ์ดังนี้
- ครั้งหนึ่งเค้าขอเอารถมาจอดไว้ที่โรงจอดรถบ้านดิฉัน 1 คัน เพราะ เค้ามีรถ 3 คัน บ้านดิฉันมี 1 คัน (บ้านหลังนึงจอดรถได้แค่ 2 คันก็เต็มค่ะ) เลยมีที่ว่างจึงอนุญาตให้เค้ามาจอดได้ ก็โอเคให้จอดฟรี แต่เค้าก็เสนอจะให้ค่าที่จอดรถเดือนละ 500 เราก็บอก ไม่เป็นไรจอดไปเถอะบ้านใกล้เรือนเคียงกัน เค้าก็ยังยืนยันว่าจะให้เดือนละ500 เป็นมั่นเป็นเหมาะ ดิฉันก็โอเคๆ เป็นสัญญาทางใจ แต่ผ่านไปแล้ว 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน ก็ไม่จ่ายแถมเวลาเอารถเข้ามาจอดก็เบิ้นรถ ควันรถก็เข้าบ้านดิฉัน ส่งกลิ่นเหม็นคุ้งไปหมด ... แต่ก็ไม่เคยว่า ไม่เคยทวง ไม่เคยบอกหรือพูดอะไรใดๆเฉยมาตลอด อดทนมาตลอด
** ขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมตรงส่วนนี้ ดิฉันไม่ติดใจอะไรกับเงินค่าจอดรถ 500 บาท ไม่ได้หวังจากตรงนี้ค่ะ แต่ที่นับเดือนก็เพราะ จะลองใจเค้าว่าเค้าจะรักษาคำพูดรักษาสัญญาที่ให้ไว้หรือไม่ ถึงเค้าจ่ายให้จริงๆ ดิฉันก็ไม่รับค่ะ จะเอาอะไรกับตรงนี้แค่เงินส่วนกลางของหมู่บ้าน เดือนละ 120 บาท เค้ายังไม่เคยจ่ายเลยค่ะ (ที่หมู่บ้านจะมีการประชุมหัวหน้าหรือตัวแทนครอบครัวทุกเดือน และจะแจ้งรายชื่อ/บ้านเลขที่ที่ค้างจ่ายค่าส่วนกลาง หากบ้านหลังไหนยังไม่จ่ายหรือลืม ก็จะจ่ายทันที ณ ที่ประชุมตรงนั้นให้ทุกคนได้รับรู้และเป็นพยาน แต่เค้าไม่เคยที่จะเข้าประชุม หรือ จ่ายค่าส่วนกลางเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ)
- ต่อมา ดิฉันแต่งงานค่ะ ก็จัดงานช่วงเช้าที่บ้าน แน่นอนค่ะว่าของทุกอย่าง ไม่ว่าจะถังน้ำแข็ง ถังใส่ของสด ลังน้ำอัดลม เตาแก๊ส ฯ ทุกอย่างต้องวางที่โรงรถ คุณพ่อของดิฉันต้องเอารถออกไปจอดไว้ที่ท้ายซอยหมู่บ้าน แต่รถของเค้ายังจอดที่เดิม ไม่ขยับไปไหน ทุกคนที่มางาน และญาติๆของดิฉันต่างพูดกันว่า ทำไมเค้าเห็นแก่ตัวอย่างนี้ // ทำไมไม่มีความรับผิดชอบหรือสามัญสำนึกบ้าง ว่าเจ้าของบ้านเค้าจัดงานแต่ก็ยังไม่เอารถออกไป // มารยาทยอดแย่ // คิดผิดนะที่ให้เค้าเอารถเข้ามาจอด // คนใต้เห็นแก่ตัว // ทุกคำพูดกรอกอยู่ในหูดิฉันตลอดจนจบงานแต่ง (เฮ้อออ ) ซึ่งวันงานเค้าก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วยนะคะ แต่ใส่ซองมาช่วยโดยเมียของเค้าเป็นคนเอาซองมาให้ ตัวเขานอนและอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมา (เมียเค้าบอกอย่างนั้น) ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในหมู่บ้านมากันหมดค่ะ มาร่วมงานบ้าง มาช่วยงานบ้าง เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆค่ะ
- ลืมบอกไปว่า 1 วันก่อนจัดงานแต่ง จะต้องกางเต๊นท์หน้าบ้าน ซึ่งก็อาจจะเลยไปบ้านข้างๆ ดิฉันก็ขออนุญาตขอโทษขอโพย บ้านด้านขวา เค้าอนุญาตและเต็มใจ แต่กับบ้านของเค้า (ด้านซ้าย) กลับออกมาบอกกับเด็กที่กางเต๊นท์ว่า " เฮ้ยน้อง เสาเต๊นท์อ่ะอย่าให้มันเลยมาบ้านผมนะ เดี๋ยวเอารถออกไม่ได้ เสาขวางประตู เกะกะ" ดิฉันกับแฟนมองหน้ากัน เห้ยยยย ! ทำไมพูดงี้อ่ะ รถแกก็จอดบ้านฉันคันนึงก็ยังไม่เอาออกไป ทีงี้จะห้ามไม่ให้เสาเต๊นท์ขวางประตู บ้าไปแล้ว อารมณ์ ณ ตอนนั้นบูดมากค่ะ หนักใจ
- หลังแต่งงานมาได้เกือบเดือน รถของแฟนฉันต้องจอดหน้าบ้านตลอดเพราะเค้าก็ยังไม่มีสำนึกว่าต้องเอาออกไปจอดที่อื่นได้แล้ว (ดิฉันจึงปรึกษากับคุณแม่ ปล่อยไว้ยังงี้ไม่ไหวนะ) คุณแม่จึงตัดสินใจบอกกับเค้าว่า จะไม่ให้เอารถมาจอดแล้วเพราะเดี๋ยวรถของลูกเขยต้องมาจอด เค้าก็แสดงท่าทีไม่พอใจ ถามคุณแม่ดิฉันกลับ "อ้าว แล้วงี้ผมจะเอารถไปจอดที่ไหนล่ะ ทำงี้ได้ไง" ดิฉันก็สวนทันที "เห้ยยยยไม่ใช่ละ ดิฉันให้จอดเพราะตอนนั้นมันว่าง และนี่ก็บ้านของดิฉัน แต่ตอนนี้มันต้องใช้พื้นที่ตรงนี้ไง คราวที่แล้วงานแต่งก็อลุ่มอะล่วยให้ละนะ ไม่เคยพูดว่าอะไรเลย" เท่านั้นแหละค่ะ สงครามเย็นก็เกิด เค้ายอมเอารถออกและเบิ้นเครื่องดังมากๆๆ (มารยาททรามสุดๆ) ขับออกไปอย่างเร็ว ดิฉันและคุณแม่จึงจัดการเปลี่ยนกุญแจ เปลี่ยนทั้งดอก ทั้งยวงเพื่อให้ไม่ให้เค้าไขประตูเข้ามาจอดได้อีก คนๆนี้เค้าไม่มีมารยาทค่ะ เริ่มแรกที่ให้จอดเค้าขอกุญแจไปปั๊ม เพราะเค้าเข้าบ้านออกบ้านไม่เป็นเวลาแน่นอน เค้าให้เหตุผลว่า จะได้ไม่ต้องเดินมาเปิด-ปิดให้ เกรงใจ (เอออ มีมารยาทก็ตรงนี้สินะ) ดิฉันก็โอเคๆ เอาไป
- ล่าสุด ดิฉันและครอบครัวออกไปทำบุญกันแต่เช้า กลับเข้ามาอีกทีก็เย็น ปรากฎว่า รถของเค้าจอดเลยมาหน้าบ้านดิฉันเกือบครึ่งคัน ดิฉันก็เอารถเข้าบ้านไม่ได้ แต่บังเอิญว่า เค้าก็นั่งคุยโทรศัพท์อยู่หน้าบ้านพอดี ดิฉันจึงเดินมาประตูพูดลอยๆ ประหนึ่งก็อยากให้เค้าได้ยิน " เอาซะครึ่งคันเลย ไม่มีมารยาท"
ปึ้ง !!!!! เสียงปิดดประตูรถ และเบิ้นเครื่อง ดังๆ (โอ้ยยยยกรูจะบ้าตาย) เค้าขยับให้นะคะแต่ขัยบแบบนักเลงๆ ดิฉันเอารถเข้าบ้านปุ๊บ ก็ปิดประตูตามปกติ
แต่ก็ดันมีเสียงกระเเทกประตูหน้าบ้านของเค้า แสดงความไม่พอใจอย่างสุดๆ ไอ่เราก็งง อะไรวะ บ้านแกผิดแท้ๆยังจะมาทำกระแทกกระทั้นใส่เรา -..-"
- ทุกวันนี้อยู่ยากมากค่ะ จากคนที่เคยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรู มองหน้าทีก็เหมือนจะฆ่าจะแกงกัน ตาขวางใส่ กระถางต้นไม้ก็วางล้ำเขตมาบ้านดิฉัน ความเห็นแก่ตัว สันดานดิบต่างๆเค้าแสดงออกมาหมดเลยค่ะ ครอบครัวของดิฉันก็ได้แต่ทำเป็นไม่สนใจ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไป แต่พออดและทนมานาน สักวันดิฉันก็กลัวว่ามันจะปะทุขึ้นมานี่สิคะ เฮ้ออ
* ขออภัย หากแท็กผิดห้อง
* ขออภัย หากมีคำผิด หรือ ข้อผิดพลาดใดๆ
* กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้าย หรือ เหมารวมคนใต้ทั้งหมด ซึ่งคนใต้ดีๆก็มีอยู่เยอะ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ (หรืออาจจะมีแค่เค้าคนเดียว)
กราบขออภัยคนใต้ ที่ไม่เกี่ยวข้อง และที่มีนิสัยดี มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ