**ขอแชร์ประสบการณ์ + ระบายความอึดอัด กับการทำงานกับชิปปิ้งเจ้าหนึ่ง ที่นำของเข้าจากเกาหลี**

ก่อนอื่น ต้องขออภัยที่ตั้งกระทู้อีกครั้ง เนื่องจากกระทู้เก่า ไม่มีคนอ่าน 5555
อาจจะเพราะหัวข้อไม่น่าสนใจ...เอาใหม่!

เราเป็นคนหนึ่งที่ขายของจากเกาหลี เพิ่งขายมาได้ปีกว่าค่ะ โดยก่อนหน้านี้ ให้เพื่อนส่งของมาให้ผ่านทางไปรษณีย์โดนภาษีมาก-น้อยบ้าง ตามจำนวนสินค้า ไม่สามารถกำหนดหรือรู้ล่วงหน้าได้เลย ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ล้วนๆ
และเราก็เปลี่ยนมาใช้บริการ ชิปปิ้ง มีคนคอยจัดการแพ็ครวมสินค้าให้ รวมถึงจัดการเรื่องภาษีทุกอย่างให้ ราคาแพงกว่า แต่สะดวกกว่า


การทำงานก็โอเคค่ะ อาจจะโดนชิปปิ้ง (ขอเรียกผู้ให้บริการว่าชิปปิ้งเลยนะคะ) เหวี่ยงบ้าง เพราะเราเป็นคนชอบถาม “ของมารึยัง, ส่งของรึยัง, ได้ของครบมั้ย” อะไรพวกนี้ เกือบทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อสินค้า

-    ซึ่งในฐานะที่เราเป็นลูกค้า เราก็อยากจะเช็คว่าของเรามาถึงเรียบร้อยดีรึยัง ครบหรือไม่ ถ้ามีปัญหาจะได้แจ้งให้กับร้านค้าทราบ
-    และในฐานะแม่ค้า ถ้าหากเราทราบว่าสินค้าจัดส่งช้า จัดส่งไม่ครบ เราก็จะแจ้งให้ลูกค้าทราบทันที ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เราปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ

แต่โดยปกติ เราสามารถเช็คสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ได้เลย เพราะทางเว็บไซต์จะขึ้น Tracking Number ให้ ในกรณีที่ส่งของแล้ว ของตัวไหนยังไม่ส่ง ตัวไหนส่งแล้ว เรารู้ตลอดค่ะ เพราะเราติดตามสินค้าของเราเสมอ การที่เราสอบถามกับชิปปิ้งก็เพื่อเป็นการ Double Check ว่าได้รับของรึยัง

แต่การส่งของจากเกาหลีมาไทย เราต้องสอบถามจากชิปปิ้งเท่านั้น ไม่มี Tracking Number

ซึ่งชิปปิ้งก็ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง เราก็โอเค ไม่ซีเรียส เพราะเรื่องเช็คของเราก็แค่ต้องการ Double Check  อีกครั้งก็เท่านั้น อีกอย่างเราก็คิดว่า เค้าอาจจะรำคาญที่เราถามเยอะ หรือไม่ว่าง .. คือเรามองทั้งในมุมของลูกค้าและก็แม่ค้า เพราะเราก็ทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่างในครั้งเดียวเหมือนกัน


ครั้งแรกๆ ที่มีปัญหา คือ อันที่จริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่เค้าพูดจาไม่ดี .. ไม่ใช่หยาบคายนะคะ แต่ทั้งคำพูดและน้ำเสียง ทำเราจุกเลย .. ปกติเราก็โดนบ่อย (5555) แต่เพราะทุกครั้งเราคุยผ่านตัวหนังสือ เราก็เลยพยายามคิดว่า เราอาจจะจินตนาการน้ำเสียงไปเอง

ครั้งนั้นเพื่อนเราไปเที่ยวเกาหลีค่ะ แล้วก็ซื้อของเยอะมาก กลัวจะขนกลับมาไม่ได้ เราก็เลยแนะนำเค้า ให้ใช้ชิปปิ้งที่เราใช้อยู่ เอาของไปส่งให้เค้า แล้วเดี๋ยวเค้าส่งของมาให้ที่บ้าน เพื่อนเราก็ตกลง

แต่พอดีช่วงนั้น เค้าไม่ได้อยู่ที่เกาหลี เค้ากลับมาเที่ยงเมืองไทย เค้าแนะนำให้เราใช้ Quick Service คือเหมือนพวกแท็กซี่โทรมาตามให้ไปรับของที่โรงแรม ไปส่งบ้านเค้า เราก็โอเค ขอที่อยู่บ้านเค้ามา

กำลังจะให้เพื่อนโทรไปเรียกแท็กซี่ โดยเราส่งข้อความเป็นภาษาเกาหลี ให้เพื่อนเรา เพื่อให้เพื่อนเราเอาไปให้พนักงานที่โรงแรมดู เพราะเพื่อนเราพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ และพนักงานก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้

-- แต่เค้าโทรกลับมาแล้วบอกว่า “เนี่ย ไม่มีคนอยู่บ้าน เดี๋ยวให้เพื่อนเราโทรไปคุยกับอีกคนนะ” ประมาณว่าบ้านข้างๆ กัน
เราก็บอกเค้า ว่าเพื่อนเราคุยภาษาเกาหลีไม่ได้ โทรศัพท์เค้าก็โทรออกไม่ได้ เพราะไม่ได้เปิดโรมมิ่ง

คือ ตกลงกันในส่วนนี้อยู่พักใหญ่ๆ ยังไงเค้าก็จะให้ติดต่อเพื่อนบ้านเค้าก่อน แต่เพื่อนเราเค้าก็ไม่รู้ทางไป
สุดท้ายเราก็เลยบอกว่า “งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้เพื่อนเราแบกกลับเองก็ได้” เพราะเค้าบอกให้เพื่อนเราไปหาตู้โทรศัพท์แล้วก็โทรเอา เราเลยคิดว่ามันยุ่งยาก

คำตอบที่ได้จากเค้าก็คือ “งั้นก็หอบกลับเองเถอะ อยากส่งของ แต่ไม่มีความพยายาม” แล้วเค้าก็วางสายไป

ตอนนั้นคืองงค่ะ ว่ามาว่าเราทำไมอะ เราไม่มีความพยายาม? คือง่ายๆ เลยมันก็เป็นสิทธิ์ของเรา เราอยากส่งของ แต่เค้าอำนวยความสะดวกไม่ได้ ต้องให้ไปทางโน้น ทางนี้ โทรติดต่อทางนู้น ทางนี้
เพื่อนเราก็พูดภาษาเกาหลีก็ไม่เป็น คือเราเป็นตัวกลาง จะให้เราไปคะยั้นคะยอเพื่อนเราให้ไปส่งชิปปิ้ง ทั้งๆ ที่เค้าก็ทำไม่ได้นี่ เราไม่มีความพยายาม? เพื่อนเราไม่มีความพยายาม เหรอคะ? -*-

แต่เราก็โอเคนะคะ จบไป ก็โกรธอยู่ค่ะ ตอนได้ยิน แต่ก็คิดว่า ช่างมันเหอะ เพราะคงได้คุยกันอีกนานอยู่ พยายามไม่เอาเรื่องเล็กๆ มาทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

------------------------------------------ จบไปเรื่องที่ 1 (555 ขอจบแบบนี้นะคะ) --------------------------------------

ทีนี้ปัญหาต่อมา คือช่วงที่ คสช. เข้ามาคุมเข้มขึ้น คือ บอกตรงๆ ว่าเราไม่รู้ว่ามีการตรวจเข้ม ไม่รู้เลยค่ะ เพราะเค้าไม่เคยแจ้ง (เราก็โง่เองมั้ง ที่ไม่ตามข่าว)

ช่วงนั้นพอดีเรามีของน้อย เราก็เลยให้ที่เค้าชะลอของไว้ก่อน คือ ไม่ได้เกี่ยวกับ คสช. เลย

เราบอกเค้า "เดี๋ยวค่อยรอส่งตอนมีของเยอะๆ เพราะเดี๋ยวค่าส่งแพง มันจะไม่คุ้ม"

ที่นี้ก่อนส่ง เราก็ส่งข้อความไปคุยกับทางร้าน เนื้อหาก็ประมาณว่า เราขอเลื่อนการส่งของออกไปก่อน

เค้าก็ตอบว่า โอเค ได้ เพราะอาทิตย์นี้ไม่ได้ส่งของอยู่แล้ว
เราก็ถามเค้า ว่าทำไมถึงไม่ได้ส่ง (เพราะไม่รู้) เค้าก็ไม่ได้ตอบว่าเพราะอะไร คือ เค้าอาจจะคิดว่าเรารู้แล้ว ก็ไม่อาจทราบได้

แล้วหลายวันต่อมา เค้าก็มาแจ้งว่า “ตอนนี้มีบริการส่งแล้ว แต่ราคาปรับขึ้นอีกนะ”

เราก็งงสิคะ ปรับขึ้น แล้วเราจะไปส่งทำไม เราก็ส่งแบบเดิม ราคาถูกแบบเดิมดีกว่า

เค้าจึงบอกกับเราว่า ถ้าอยากได้ราคาเดิม ก็ต้องรอไปก่อน เพราะไม่รู้จะส่งได้ราคาเดิมอีกเมื่อไหร่

เราก็เลยเซ็ง บอกเค้าไปว่า ทำไมไม่แจ้งกันเลย ว่าช่วงนี้ส่งของไม่ได้เพราะอะไร

เค้าก็ยืนยันว่าแจ้งแล้ว ตอนที่เราบอกเลื่อนส่งก่อน เค้าก็บอกว่า เค้าก็ส่งไม่ได้

แต่เราก็ยังยืนยันว่า เรารู้แค่ว่าเค้าส่งไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมส่งไม่ได้ ---
ถ้ามองในมุมเค้า เราอาจจะผิดเอง ที่ไปคาดคั้นยืนยันกับเค้าว่า เราก็ยังไม่รู้อยู่ดี ซึ่งมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
แต่ถ้ามองในมุมเรา คือเราเข้าใจว่า มีปัญหาแค่อาทิตย์นั้นอาทิตย์เดียว

แล้วเค้าก็ตอบมาว่า “เราจะไปคาดคั้นเค้าทำไม เค้าก็บอกแล้วนี่ไง กำลังหาทางออกให้นี่ไงW

อึ้งอีกแล้วค่าาาาา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คือ... เราก็ยอมรับนะคะ ว่าเราผิด ที่จะพยายามไปเอาผิดกับเค้าให้ได้
แต่เราแค่รู้สึกว่า เราเป็นลูกค้า ลำดับ 2 อะค่ะ คือเค้าไม่แจ้งอะไรกับเราเลย ทุกอย่างที่เรารู้ เกิดจากการถามทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ เคยมีเคสนึง เราจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร เค้าก็ถามว่าเราได้เมลรึยัง เค้าส่งข่าวทางเมลแล้วนะ เราก็บอกเรายังไม่ได้นะ เค้าก็ อ้าวเหรอ ส่งแล้วนะๆ ส่งแล้วก็เงียบไป สรุปจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้เมล และก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไร (จนลืมไปแล้ว)

สิ่งที่เราคิดคือ เค้าทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงใจเรา ไม่ค่อยคิดถึงใจลูกค้า หรือ คนฟัง เลย
แต่เราก็พยายามทำให้มันไม่เป็นปัญหา เพราะตอนนั้น มีปัญหากันทุกที่ เราพยายามหาเจ้าใหม่แล้วก็ไม่ได้ ก็เลยต้องอดทนกันต่อ

------------------------------------------------------------------------------------------ จบเรื่องที่ 2

จากนั้นก็มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่อยๆ ค่ะ
เช็คของให้บ้าง บอกเดี๋ยวเช็คให้บ้าง ลืมเช็คบ้าง น่าจะครบบ้าง เราก็โอเค ช่างมัน
เพราะอย่างที่แจ้งข้างต้น เราสามารถเช็คสถานะของเราสามารถเช็คได้จากเว็บของเกาหลีอยู่แล้ว ว่าของไปถึงไหน ถ้าได้เช็คอีกทีก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังไงมันก็ไม่หนีไปไหน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่ก็ต้องยอมรับนะคะ ว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะส่วนใหญ่เค้าจะส่งมาให้เราเอง โดยที่เราไม่ได้ขอ พอเค้าไม่ส่ง ไม่เช็ค เราก็เลยไม่ค่อยซีเรียส เพราะคิดว่าเค้าก็น่าจะยุ่ง


---------------------------------------------------------------------------------------


แล้วก็มีเรื่องที่สื่อสารกันเข้าใจผิด ที่เราก็ปล่อยผ่าน
คือมาแจ้งเราว่า "วันนี้ส่งของทางเครื่อง วันศุกร์ได้ของ"
เราก็ เฮ้ย! ส่งวันนี้แล้วเหรอ เรายังไม่ได้บอกให้ส่งเลยนะ แต่ก็โอเค ส่งแล้วก็ส่ง ก็ชวนคุยเรื่องอื่นไป

พอมาวันเสาร์ เราก็ถามเค้าว่า "ค่าของนี้จะให้จ่ายกับใคร" เพราะเรายังไม่เห็นใครมาแจ้งให้เราไปจ่ายตัง หรือ รับของเลย
และคำตอบของเค้าก็คือ "น้องบอกให้พี่ส่งของเหรอคะ"
เราก็...อารมณ์เสียมากค่ะ คือเราก็ไม่ได้บอกให้ส่ง แต่ถ้าไม่ได้ส่ง แล้ววันพุธตอน 3 ทุ่มจะมาแจ้งเราทำไม ว่า ส่งของทางเครื่อง วันศุกร์ได้ของ
คืออารมณ์เสียกับตัวเองนะคะ ไม่ได้ส่งข้อความกลับไป 555555555555 เพราะเราก็ไม่อยากมีปัญหา
รอบนี้เราก็ ปล่อยผ่านอีก บอก ไม่เป็นไรค่ะ เราเข้าใจผิดเอง อาทิตย์หน้าส่งเลย (ทั้งๆ ที่เราก็มั่นใจว่าเราไม่ได้เข้าใจผิดนะคะ)


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



----------------------------------------------------------------------------------



การสื่อสารผิดพลาด มีอีกค่ะ
เราแจ้งว่าเราอยากได้ โทนี่โมลี่ ขวดสีน้ำเงิน
เค้าก็บอก โอเค ของส่งไปไทยแล้ว ไปคุยกับคนชื่อต.นะ
เราก็ได้ค่า เดี๋ยวโอนเงินให้เลย ใช่คนชื่อ วาณี ป่าวคะ
ก็บอกว่า ไม่ใช่ค่ะ อีกคนนึง

เราก็ โอเค
ไปติดต่อหาคนนั้นเพื่อชำระค่าของ กับ โทนี่โมลี่
สรุป ทางคุณ ต. ไม่รู้เรื่องว่า โทนี่โมลี่ คืออะไร

เราก็กลับมาแจ้งต่อกับ เค้าว่า เนี่ย เค้าไม่รู้ว่า โทนี่โมลี่ คืออะไร คุยกันจนงง
เค้าถามกลับว่า ไปแจ้งเค้าทำไม
สรุปเค้าก็โทรมาคุย แอบต่อว่าเราว่าทำไมเราไม่เข้าใจ หมายถึงให้ไปคุยกับ คุณ ต. เรื่องส่งของ
โทนี่โมลี่ ไม่เกี่ยวกัน คุณ ต. เค้าไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว

อย่าว่าแต่ คุณ ต. ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ
เราที่คุยกับเค้า ยังไม่รู้เรื่องเลย !!

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


------------------------------------------------------------------------------------------


จากนั้นต่อมา...
ของล็อตต่อไปของเรา เราก็ไปแจ้งเค้าตามปกติว่า รอบนี้ให้ส่งของเลยนะคะ
เค้าก็ "โอเค แจ้งแล้วนะว่าส่งแบบไหน"
เราก็ "ใช่ค่ะ ก็ส่งเป็นกิโล ราคาปรับขึ้น ใช่มั้ยคะ?"
เค้าบอก "ไม่ใช่ เป็นแบบใหม่แล้ว"
เราก็ งง เปลี่ยนอีกแล้ว ไม่แจ้งอีกแล้ว...
แต่ โอเคค่ะ ยังทำงานด้วยกันอีกนาน อดทน ต่อไปค่ะ  แบบไหนก็แบบนั้น ของไปบ้านเค้าแล้ว ยังไงก็ต้องส่ง ลูกค้าก็รออยู่ด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


-------------------------------------------------------------------------------


และบางครั้ง เค้าก็ส่งของให้เรา โดยที่เรายังไม่ได้บอกให้ส่ง (นั่นไง...555555)
เราก็เหมือนเดิมค่ะ ส่งแล้วก็ส่ง รอจ่ายตังค์ ก็โอเค จะได้ ได้ของเร็วขึ้น
รอบนี้มีบวกค่า บับเบิ้ล กับ ค่าแพ็คของ ด้วย
เพราะเค้าแจ้งว่า กำไรน้อย
เราก็โอเค ไม่เป็นไร เข้าใจค่ะ คำว่าธุรกิจ ถ้าไม่มีกำไรก็คงไม่อยากทำ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



---------------------------------------------------------------------------------------


มีต่ออีกนิดนะคะ ยิ้ม อดทนอ่านหน่อยนะคะ ...
ฝากด้วย เผื่อมีคนกำลังมองหาชิปปิ้ง จะได้ไม่อึดอัดเหมือนเรา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่