เรื่องราวของคุณลุงเศรษฐีผู้น่านับถือ ลีกาซิง (Li Ka-shing)

ลีกาซิง Li Ka-shing (วันเกิด 29 ก.ค.1928)
---------------------------------------------------------
คุณลุงอายุ 86 ปี ผู้มีนามว่าลีกาซิง คุณลุงผู้นี้เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชียและถูกจัดอันดับเป็นที่ 18 ของคนที่รวยสุดในโลกตามนิตยสาร Fobes ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 31,000,000,000 $ หรือประมาณ 9.5 แสนล้านบาท

สิ่งที่ทำให้ผมนับถือคุณลุงลีกาซิงมากกว่าเศรษฐีรายอื่นๆนั้นเป็นเพราะแนวคิดของคุณลุงผู้นี้ที่เป็นคนสู้ชีวิต ใฝ่รู้ มองการณ์ไกล ให้อภัย พร้อมเป็นผู้ให้ และซื่อตรง

ในชีวิตวัยเด็กของคุณลุงลีกาซิงนั้นลำบากมาก คุณลุงต้องอพยพเรร่อนจากภัยสงครามเอเชียบูรพาของประเทศจีนมายังเกาะฮ่องกงตั้งแต่เด็ก แถมคุณพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวยังป่วยหนักเป็นวัณโรคและเสียชีวิตในตอนที่คุณลุงอายุได้ 15 ปี โดยแทนที่พ่อของเขาจะสั่งเสียเขากลับถามว่าเขามีอะไรจะบอกพ่อของเขา เขาบอกพ่อเขาว่า “ผมจะดูแลแม่และน้องๆ ครอบครัวของเราจะต้องมีชีวิตที่ดี”

ถึงแม้ว่าคุณลุงลีกาซิงจะได้เรียนจบเพียงชั้นมัธยมต้นเนื่องจากฐานะที่ยากจน แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาต่อการใฝ่รู้ของคุณลุง ด้วยความใฝ่ฝันในการศึกษา เขาจึงหาหนังสือมาอ่านเอง จนกระทั่งครั้งหนึ่งเขาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้พ่อเขาฟัง และบอกพ่อของเขาว่า ภาษาอังกฤษไม่ยากเลย พ่อเขาถึงอึ้งและสลด เพราะรู้ว่า ลูกชายใส่ใจในการศึกษา แต่ตัวเองไม่มีปัญญาส่งเสีย ความใฝ่ฝันของเขาเคยคิดอยากเป็นหมอ เนื่องจากตอนที่พ่อเขาจะเสียด้วยโรควัณโรค เขาพยายามหาตำราทางแพทย์มาศึกษาเพื่อรักษาพ่อของเขา ก่อนที่พ่อเขาจะจากไป

ภายหลังคุณพ่อของคุณลุงลีกาซิงเสียชีวิต ลีกาซิงก็ต้องออกไปทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งในช่วงนี้เขาได้ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านภัตตาคารแห่งหนึ่ง โดยเขาก็ทำงานด้วยความขยันขันแข็งเพราะต้องการหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่ลีกาซิงก็ได้มาเจอเหตุการณ์สำคัญหนึ่งชีวิต "เค้าได้ทำน้ำชาร้อนๆหกไปที่แขนของเศรษฐีลูกค้าประจำของร้าน" ตอนนั้นเค้าตกใจและกลัวมากเพราะถ้าเค้าโดนไล่ออก เค้าไม่รู้จะไปหางานที่ไหน และจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวยังไง แต่เศรษฐีผู้นั้นได้อภัยลีกาซิงไม่ถือสาหาความ จากการที่ได้รับการให้อภัยในครั้งนั้น เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้คุณลุงลีกาซิงพร้อมที่จะให้อภัยผู้อื่น เพราะในช่วงที่เค้าหลังชนฝาเขาก็เคยได้รับการให้อภัย

ภายหลังการทำงานที่ร้านอาหาร ลีกาซิงก็ได้ทำงานเป็นพนักงานขายของบริษัทนาฬิกา เขาออกขายนาฬิกาหาเลี้ยงครอบครัว ด้วยความสามารถและความขยันของของเขา ไม่นานนักตอนลีกาซิงก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการทั่วไป แต่แทนที่เค้าจะรับตำแหน่ง เขากลับขอลาออก และใช้เงินที่เขาเก็บหอมรอมริบสร้างกิจการของเขาเอง โดยตั้งบริษัทผลิตสินค้าพลาสติกขึ้นมา

แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เป็นวิกฤตมากมายๆในชีวิของคุณลุงลีกาซิง เนื่องจากสินค้าที่เขาผลิตออกไม่เป็นตามคุณภาพทำให้โดนสินค้าตีกลับเยอะมาก สาเหตุมาจากเครื่องจักรมือสองที่เขาซื้อมาทำงานได้ไม่ดีเท่าทีควร และจุดวิกฤตสำคัญก็คือช่วงวันตรุษจีนเขาเคยมีความคิดฆ่าตัวตายเนื่องจากหนี้สิ้นที่รุมเร้า คนงานที่ขอเงินเดือน และอั๋งเปา แต่สุดท้ายคุณลุงลีกาซิงก็คิดได้ว่าเขาต้องสู้กับปัญหาไม่หนีปัญหา จึงทำการเจรจากับเจ้าหนี้และลูกจ้างว่าเขาจะค่อนทยอยจ่ายให้ภายหลัง

โชคชะตาของนักสู้ฟ้าย่อมหนุนหลัง เขาค่อยแก้ปัญหาที่ละจุด จนธุรกิจของเขาเริ่มฟิ้นตัว เขาหาข้อมูลข่าวสารมากมาย และรู้ว่าธุรกิจดอกไม้พลาสติกกำลังจะเป็นที่นิยม เขาจึงได้เป็นเจ้าแรกๆที่ทำธุรกิจดอกไม้พลาสติก ซึ่งช่วยให้เขาได้กำไรมากมายจากกิจการนี้

ครั้งหนึ่งลีกาซิงได้พบปะกับลูกค้าต่างประเทศรายหนึ่ง ซึ่งทั้งสองต่างคุยกันถูกคอ ลูกค้ารายนั้นจึงได้บอกกับลีกาซิงว่า "อันที่จริงเรื่องนี้ผมไม่ต้องบอกคุณก็ได้เพราะเรื่องนี้ผมได้ประโยชน์ แต่เราถูกคอกัน ผมเลยอยากบอกว่าลูกน้องของคุณบรรจุของให้ผมเกินทุกครั้งที่ส่งมา" แต่ลีกาซิงกับตอบกลับไปว่า "อ้อเรื่องนั้นนะเหรอ ผมเป็นคนบอกกับลูกน้องกับผมเองให้บรรจุสินค้าเกินจากที่คุณสั่ง เนื่องจากหากมีสินค้าชิ้นไหนเสียหาย คุณจะได้เอาสินค้าที่ผมเติมไปใช้ได้เลย" พอลูกค้ารายนั้นได้ฟังก็ยิ่งประทับใจ ซึ่งภายหลังลูกค้ารายนั้นก็สั่งสินค้าจากบริษัทลีกาซิงเพิ่มขึ้น

ในยุคที่ธุรกิจดอกไม้พลาสติกกำลังบูมสุดๆ ลีกาซิงได้ขายธุรกิจของเขาให้กับผู้อื่น ทำให้คนรอบข้างเขาประหลาดใจกับสิ่งที่เขาทำ แต่เขาให้เหตุผลว่าธุรกิจดอกไม้พลาสติกตอนนี้มีคนเข้ามาทำกิจการมากมาย ต่อไปการแข็งขันจะสูง กำไรจะต่ำเขาเลยชิงขายกิจการดอกไม้พลาสติกเสียก่อน ด้วยการอ่านเกมขาดของเขา ภายหลังมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ต่อมาเขาก็ใช้เงินจากการขายกิจการเข้าซื้อที่ดินมากมายในเกาะฮ่องกงเพราะเขามองว่าไม่ว่ายังไงราคาที่ในเกาะฮ่องกงก็ต้องสูงขึ้นเนื่องจากพื้นที่ที่จำกัด แต่ในช่วง 2 - 3 ปีหลัง เป็นช่วงตกต่ำของเศรษฐกิจฮ่องกงทำให้ราคาที่ดินต่ำอย่างมาก มีคนมากมายคิดว่าเขาทำธุรกิจผิด แต่คุณลุงลีกาซิงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณลุงเขาถือครองที่ดินต่อไปอีก 5 ปีต่อมา ราคาที่ดินในฮ่องกงก็กลับมาบูม ที่ดินราคาสูงกว่าเดิมมากกว่า 2 เท่า ภายหลังเขาได้กำไรมากมาย และเขาก็ยิ่งเข้าซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น

ครั้นหนึ่งเขาอยากตอบแทนสังคมโดยการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะให้กับผู้อื่นได้คือความรู้ แต่ช่วงที่กำลังก่อสร้างมหาวิทยาลัยก็เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจในเกาะฮ่องกง หลายคนก็อยากให้เขาเลิกการก่อนสร้างมหาวิทยาลัยเพราะต้องใช้เงินทุนสูงมาก แต่เขาก็มุ่งมั่นที่ทำให้มหาวิทยาลัยให้ได้ ร่วมทั้งภรรยาลีกาซิงก็สนับสนุนความคิดนี้ถึงขนาดบอกว่าเธอพร้อมจะขาย เครื่องประดับ อัญมณีที่เธอสะสม เพื่อระดมทุนในการก่อสร้างมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายลีกาซิงและภรรยาก็ผ่านพ้นวิกฤตปัญหานี้โดยไม่ต้องขายทรัพย์สินของทั้งคู่ไปในการสร้างมหาวิทยาลัย

----------------------------------------------------------------------------
ฝากเพจผมด้วยนะครับ https://www.facebook.com/mr.panda.story
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่