By Harit ปอน 永樂
หากฝ่ายประชาธิปไตยต้องการสร้างสังคมไทยที่ไร้การรัฐประหาร เราจำเป็นต้องเริ่มจากเรื่องปรับเปลียนวัฒนธรรมก่อน
สถานการณ์ของสังคมในเวลานี้ ทุกคนถูกปล้นสิทธิ์ ผู้มีอำนาจทำการบริหาร ใช้จ่ายงบประมาณตามใจ ปล่อยให้ชาวสวนทั้งหลายลำบาก ทำลายภาคการท่องเที่ยวและส่งออกจากคำพูดไม่คิดสองสามคำ และมีสิทธิ์จะลงโทษคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ได้
คำถามคือทำไมไม่มีใครต่อต้านเลย ทำไมชาวไทยยังทนกับสภาวะแบบนี้อยู่ได้?
สถานทูตต่างประเทศใช้คำที่บรรยายถึงปรากฎการนี้ว่า "ชาวไทยมีสำนึกของความเป็นทาสสูง"
เราถูกปลูกฟังให้อยู่กับอำนาจที่ไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่เด็ก ถูกสอนให้จำยอม ไม่ต่อต้าน แต่กลับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจที่ไม่ถูกต้อง และมองว่าอำนาจพวกนี้เป็นสิ่งดีงาม
สมัยเด็กเราถูกบังคับให้ท่องจำสิ่งที่รัฐจัดมาให้อย่างไม่มีเหตุผล ถูกสั่งให้อยู่ในทรงผมที่ไม่มีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ถูกบังคับให้แต่งกายในระเบียบโดยไม่ต้องคิด การเรียนคือการก็อบปี้สิ่งที่อยู่ในตำราเข้าไปในหัวได้ได้มากที่สุด นักเรียนที่สงสัยในครูคือเด็กที่ก้าวร้าว เราต้องการเด็กที่เคารพ ทำตามที่ครูพูดอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
น่าตกใจที่ เราแทบไม่เคยคิดอะไรเองเลย เยาวชนไทยไม่เคยได้เลือกอะไรเองเลย (ยกเว้นอาชีพของตัวละครในเกมส์ออนไลน์) ผู้ปกครองจัดทุกอย่างไว้ให้หมด บางบ้านแทบจะกำหนดคณะที่ลูกต้องเรียนมาให้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
พอเข้ามหาวิทยาลัย ระบบของอำนาจในการควบคุมเรายังทำงานอย่างต่อเนื่อง เราถูกปลูกฝังระบบค่านิยม เรื่องเล่า ความซาบซึ้งในตำนานต่างๆ ของคณะ เราได้รับทรมานเพื่อให้เคยชิน ยอมรับ และเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
การแต่งกายในรูปแบบที่ถูกบังคับมาเป็นเรื่องเดียวกับการเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ต่อต้านผู้มีอำนาจ การยอมตามข้าราชการที่มีอำนาจเป็นเรื่องเดียวกับกฎที่บอกว่ารุ่นพี่ถูกเสมอ การถูกบังคับให้เข้าค่ายรับน้องเป็นเรื่องเดียวกับการถูกอุ้มออกจากบ้านไปขังไว้ในค่ายทหาร การถูกหยดด้วยเทียนไม่ต่างอะไรกับการถูกยิงเพราะต่อต้าน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อถูกเอาเปรียบชาวไทยจะก้มหน้าลง เมื่อถูกบังคับชาวไทยจะยอมทำตามและทำได้แค่บ่นนิดหน่อย เมื่อถูกวางอำนาจใส่ชาวไทยก็จะก้มลงกราบ
จะไปมีปัญหาอะไรกับความยากจน การท่องเที่ยวตกต่ำ หรือถูกกลั่นแกล้งด้วยอำนาจที่ไร้เหตุผล เพราะรุ่นของปู่ย่าเราก็เคยผ่านสิ่งนี้มาและทุกคนก็ทนกันได้
"ชาวไทยมีสำนึกของความเป็นทาสสูง" ช่างเป็นคำที่เหมาะสม ไม่มีคำใดจะเหมาะกับการอธิบายเรื่องนี้ได้ดีกว่านี้แล้ว
หากจะเลือกที่จะทำลายระบบทาสนี้เสีย ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากจัดการกับฐานรากของปัญหาคือวัฒนธรรม เริ่มจากทรงผมของนักเรียน การรับน้อง เครื่องแบบ วิธีรับการศึกษา ระเบียบอำนาจระหว่างนักเรียนกับครู
มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยน่าจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใด การต่อต้านทรงผม เครื่องแบบ และการรับน้อง จึงเป็นประเด็นหลักที่เป็นหน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตยทุกคน อย่างน้อยถ้าหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นในลูกหลานและรุ่นน้องของเราได้ ก็จะลดทอนทาสในสังคมไทยลงได้บ้าง
https://www.facebook.com/renyongle?fref=nf
"สำนึกของความเป็นทาส"
หากฝ่ายประชาธิปไตยต้องการสร้างสังคมไทยที่ไร้การรัฐประหาร เราจำเป็นต้องเริ่มจากเรื่องปรับเปลียนวัฒนธรรมก่อน
สถานการณ์ของสังคมในเวลานี้ ทุกคนถูกปล้นสิทธิ์ ผู้มีอำนาจทำการบริหาร ใช้จ่ายงบประมาณตามใจ ปล่อยให้ชาวสวนทั้งหลายลำบาก ทำลายภาคการท่องเที่ยวและส่งออกจากคำพูดไม่คิดสองสามคำ และมีสิทธิ์จะลงโทษคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ได้
คำถามคือทำไมไม่มีใครต่อต้านเลย ทำไมชาวไทยยังทนกับสภาวะแบบนี้อยู่ได้?
สถานทูตต่างประเทศใช้คำที่บรรยายถึงปรากฎการนี้ว่า "ชาวไทยมีสำนึกของความเป็นทาสสูง"
เราถูกปลูกฟังให้อยู่กับอำนาจที่ไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่เด็ก ถูกสอนให้จำยอม ไม่ต่อต้าน แต่กลับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจที่ไม่ถูกต้อง และมองว่าอำนาจพวกนี้เป็นสิ่งดีงาม
สมัยเด็กเราถูกบังคับให้ท่องจำสิ่งที่รัฐจัดมาให้อย่างไม่มีเหตุผล ถูกสั่งให้อยู่ในทรงผมที่ไม่มีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ถูกบังคับให้แต่งกายในระเบียบโดยไม่ต้องคิด การเรียนคือการก็อบปี้สิ่งที่อยู่ในตำราเข้าไปในหัวได้ได้มากที่สุด นักเรียนที่สงสัยในครูคือเด็กที่ก้าวร้าว เราต้องการเด็กที่เคารพ ทำตามที่ครูพูดอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
น่าตกใจที่ เราแทบไม่เคยคิดอะไรเองเลย เยาวชนไทยไม่เคยได้เลือกอะไรเองเลย (ยกเว้นอาชีพของตัวละครในเกมส์ออนไลน์) ผู้ปกครองจัดทุกอย่างไว้ให้หมด บางบ้านแทบจะกำหนดคณะที่ลูกต้องเรียนมาให้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
พอเข้ามหาวิทยาลัย ระบบของอำนาจในการควบคุมเรายังทำงานอย่างต่อเนื่อง เราถูกปลูกฝังระบบค่านิยม เรื่องเล่า ความซาบซึ้งในตำนานต่างๆ ของคณะ เราได้รับทรมานเพื่อให้เคยชิน ยอมรับ และเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
การแต่งกายในรูปแบบที่ถูกบังคับมาเป็นเรื่องเดียวกับการเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ต่อต้านผู้มีอำนาจ การยอมตามข้าราชการที่มีอำนาจเป็นเรื่องเดียวกับกฎที่บอกว่ารุ่นพี่ถูกเสมอ การถูกบังคับให้เข้าค่ายรับน้องเป็นเรื่องเดียวกับการถูกอุ้มออกจากบ้านไปขังไว้ในค่ายทหาร การถูกหยดด้วยเทียนไม่ต่างอะไรกับการถูกยิงเพราะต่อต้าน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อถูกเอาเปรียบชาวไทยจะก้มหน้าลง เมื่อถูกบังคับชาวไทยจะยอมทำตามและทำได้แค่บ่นนิดหน่อย เมื่อถูกวางอำนาจใส่ชาวไทยก็จะก้มลงกราบ
จะไปมีปัญหาอะไรกับความยากจน การท่องเที่ยวตกต่ำ หรือถูกกลั่นแกล้งด้วยอำนาจที่ไร้เหตุผล เพราะรุ่นของปู่ย่าเราก็เคยผ่านสิ่งนี้มาและทุกคนก็ทนกันได้
"ชาวไทยมีสำนึกของความเป็นทาสสูง" ช่างเป็นคำที่เหมาะสม ไม่มีคำใดจะเหมาะกับการอธิบายเรื่องนี้ได้ดีกว่านี้แล้ว
หากจะเลือกที่จะทำลายระบบทาสนี้เสีย ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากจัดการกับฐานรากของปัญหาคือวัฒนธรรม เริ่มจากทรงผมของนักเรียน การรับน้อง เครื่องแบบ วิธีรับการศึกษา ระเบียบอำนาจระหว่างนักเรียนกับครู
มาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยน่าจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใด การต่อต้านทรงผม เครื่องแบบ และการรับน้อง จึงเป็นประเด็นหลักที่เป็นหน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตยทุกคน อย่างน้อยถ้าหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นในลูกหลานและรุ่นน้องของเราได้ ก็จะลดทอนทาสในสังคมไทยลงได้บ้าง
https://www.facebook.com/renyongle?fref=nf