มาเล่าประสบการณ์การขูดมดลูกที่ต่างประเทศค่ะ

สวัสดีค่ะ จขกท.เพิ่งขูดมดลูกมาเมื่อวันที่ 8/9-14 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 3 สัปดาห์เต็มค่ะ ก่อนหน้าที่จะรับการขูดมดลูก กลัวมากเลยค่ะ หาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตมากมาย เพื่อนๆที่ทำงานก็ให้กำลังใจว่าไม่เจ็บหรอก เราจะหลับไปจากยาสลบ ก็สบายใจขึ้นนิดนึง แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี หลังจากผ่านวันนั้นมาได้แล้ว รู้เลยว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟังค่ะ อาจจะมีหลายท่านเคยมาแชร์ประสบการณ์แล้ว แต่เอาเป็นว่า วันนี้ขอแชร์ในส่วนของตัวเองละกันนะคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

จขกท.อยู่ที่สวีเดนค่ะ เคยแท้งมาแล้วประมาณ 5 ครั้ง จริงๆอาจจะมีครั้งย่อยๆอีก ซึ่งตอนนี้เหนื่อยจะนับแล้วค่ะ ก็เลยนับหลักๆว่า 5 ครั้งโดยประมาณละกัน ซึ่งแต่ละครั้งจะเป็น early miscarriage หรือหลุดเอง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวีค 5-7 ค่ะ ปีที่แล้วท้องได้ประมาณเกือบ 2 เดือน พอไปซาวด์ปรากฎว่าตัวอ่อนขนาดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น หมอตัดสินใจว่าใช้ยาขับออก แต่เรายังไม่แน่ใจและกลัว ทำใจไม่ได้ ก็เลยขอหมอว่าขอดูอีกอาทิตย์แล้วกัน ถ้าไม่โตขึ้นกว่าเดิม ก็โอเค จะยอมรับยา ปรากฎว่าหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ยังขนาดเท่าเดิมค่ะ คุณหมอก็เลยนัดไปสอดยาเพื่อขับออก ปวดท้องสุดยอดค่ะ ต้องนอนที่โรงพยาบาล เวลามีอะไรหลุดออกมาแต่ละที ต้องให้หมอดู หมอจะดูว่าออกมาเป็นที่น่าพอใจแล้วหรือยัง พอหลังจากวันนั้น หมอก็ไม่ได้นัดมาตรวจอะไรอีกค่ะ เพราะเข้าใจว่าหลุดหมด

แต่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เราได้ท้องอีก และหลุดอีก จึงติดต่อกลับไปหาคุณหมอสูติท่านเดิม หมอซาวด์ดูแล้วมดลูกก็ดูปกติดี แต่เจอก้อนหรืออะไรบางอย่างติดอยู่ที่ปากมดลูก ในหน้าจอเราก็ดูไม่ออกหรอกเนอะ แต่หมอจะรู้ เราก็ถามหมอว่า เป็นไปได้มั้ยว่าอาจจะเป็นการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ หมอบอกว่าไม่น่าใช่ แต่ถึงจะใช่ก็ผิดที่ผิดทางอยู่ดี เราก็ถามว่า มันคืออะไร มาจากไหน หมอก็ตอบไม่ได้ค่ะ แต่ความคิดหมอคือน่าจะเป็นชิ้นเนื้อที่ค้างจากการแท้งครั้งที่แล้ว อาจจะจากการแท้งครั้งล่าสุด หรืออาจจะค้างมาจากที่เราแท้งเมื่อปีที่แล้วก็เป็นได้ (ในใจก็แบบ อ่าว แล้วทำไมตอนนั้นไม่นัดเรามาตรวจซ้ำว่าหลุดออกหมดมั้ย โมโหพอสมควร) หมอบอกว่ามันก็เป็นไปได้ว่าอาจจะค้างจากปีที่แล้ว เพราะพอเราท้องในปีนี้แล้วหลุดอีก เป็นสาเหตุมาจากว่า สมองเราเข้าใจว่าเรากำลังท้องอยู่ เพราะมีชิ้นเนื้อและฮอร์โมนเล็กๆอยู่ในตัว พอตั้งท้องขึ้นมาร่างกายก็เลยขับออกอัตโนมัติ เราได้รับยาสอดช่องคลอดเพื่อขับออกมาอีก คราวนี้ให้ทำเองที่บ้านค่ะ ได้มา 6 เม็ดเลย ให้สอด 2 เม็ดแรกก่อน หลังจากนั้น 2 หรือ 4 ชั่วโมงจำไม่ได้ ให้สอดอีก 2 เม็ด ถ้ายังไม่ออกอีก ให้กินทางปากกับน้ำตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ยังไม่ออกค่ะ มีแค่เลือดออกนิดๆ และปวดท้อง หลังจากนั้นเมนส์มาและมีก้อนๆเลือด ก็อัพเดทกับหมอ ทั้งเราและหมอก็เข้าใจกันว่าหวังว่ามันจะออกมากับเมนส์นี่แหละ พอเมนส์หมดหมอก็เลยนัดไปซาวด์อีก ปรากฎว่ามันยังอยู่ คราวนี้ก็เลยจำเป็นต้องนัดมาขูดมดลูกเพื่อเอาออก หลังจากวันนั้นประมาณ 1-2 อาทิตย์ จำไม่ได้แน่นอนนะคะ ก็ได้รับจดหมายนัดวันให้เข้ามาขูดมดลูกค่ะ ต่อไปนี้จะบอกวิธีการเตรียมตัวก่อนขูดมดลูกนะคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ในซองจดหมาย จะมีจดหมายรายละเอียดเกี่ยวกับวันและเวลานัด เอกสารการเตรียมตัว และรายละเอียดต่างๆในการผ่าตัด และยา Cytotec 2 เม็ดค่ะ ในจดหมายจะบอกว่า เวลาในการเข้ารับการผ่าตัดของเราคือ 12.30 แต่ให้เราเหน็บยา Cytotec 2 เม็ดที่แนบมาในซองจดหมายนั้นตอนเวลา 11.00 เพื่อปรับสภาพปากมดลูกให้นุ่มขึ้น เพื่อง่ายต่อการขูดค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ในการขูดมดลูกครั้งนี้ คุณหมอจะใช้ยาสลบค่ะ เราจะต้องดมยาสลบ ในเอกสารเขียนไว้ว่า เราสามารถทานอาหารได้จนถึงเวลาเที่ยงคืนของก่อนวันที่จะขูดมดลูก หลังเที่ยงคืนแล้วต้องงดค่ะ เพื่อป้องกันการสำลักอาหารระหว่างผ่าตัด เค้าแบ่งรูทีนในการงดอาหารไว้ดังนี้ค่ะ

สำหรับการผ่าตัดก่อนเวลา 12.00
สามารถทานอาหารได้ถึงเที่ยงคืนก่อนการผ่าตัด ก่อนเวลาผ่าตัด 2 ชั่วโมง เราสามารถดื่มน้ำ น้ำผลไม้ ชา หรือกาแฟได้ แต่ห้ามใส่นมค่ะ ห้ามเป็นผลิตภัณฑ์นมใดๆทั้งสิ้น (เดาว่าอาจจะเอฟเฟกต์ในเรื่องของแบคทีเรีย และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ)

สำหรับการผ่าตัดหลังเวลา 12.00
สามารถทานอาหารได้ถึงเที่ยงคืนก่อนการผ่าตัด ก่อนเวลา 7 โมงเช้า สามารถดื่มน้ำหรืออาหารอ่อนๆ เช่น โยเกิร์ต ได้ แต่ห้ามเป็นอาหารชิ้นๆน่ะค่ะ และก่อนเวลาผ่าตัด 2 ชั่วโมง เราสามารถดื่มน้ำ น้ำผลไม้ ชา หรือกาแฟได้ แต่ห้ามใส่นมค่ะ ห้ามเป็นผลิตภัณฑ์นมใดๆทั้งสิ้น (เดาว่าอาจจะเอฟเฟกต์ในเรื่องของแบคทีเรีย และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ)

หากไม่ปฏิบัติตามนี้ จะไม่ได้เข้ารับการผ่าตัด

ห้ามทำการกำจัดขนบริเวณที่จะทำการผ่าตัด หรือห้ามกำจัดขนน้องสาวนั่นเองค่ะ (เกือบไปแล้วเรา เพิ่งไปซื้อ hard wax มาพอดี) และควรจะอาบน้ำในคืนก่อนและตอนเช้าของวันผ่าตัดด้วยสบู่และแชมพู หากมีบาดแผลในบริเวณที่จะทำการผ่าตัด ให้รีบแจ้งแพทย์หรือพยาบาลทันที และหากเราได้รับการรักษาใดๆจากโรงพยาบาลนอกเหนือจากในแถบสแกนดิเนเวียภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา ก็ต้องแจ้งข้อมูลเหล่านี้ให้เค้าทราบหลังจากที่เราได้รับใบนัดด้วยค่ะ

ยา
มีตัวยามากมายเลยค่ะที่ห้ามใช้ก่อนรับการผ่าตัด และ/หรือสำหรับท่านที่ใช้ยาเหล่านี้อยู่ ให้ติดต่อกับแพทย์ผู้ดูแลยาเหล่านี้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด หรือถ้าเราไม่แน่ใจว่ายาที่เราทานอยู่ทุกวันจะเกิดผลกระทบอะไรมั้ย ให้แจ้งพยาบาลที่ดูแลเรื่องการนัดผ่าตัดนี้ทันทีค่ะ และในวันผ่าตัดให้นำยาเหล่านั้นไปด้วย โดยเฉพาะตัวยา insulin, astmaspray, epilepsi และยาความดัน พวกนี้สำคัญมากค่ะ ต้องเอาไปให้หมอหรือพยาบาลดูด้วยค่ะ
ส่วนยาอื่นๆที่อาจส่งผลกระทบต่อการผ่าตัดที่ควรต้องแจ้งคุณหมอ ไม่แน่ใจว่าภาษาอังกฤษจะใช้เหมือนกันหรือเปล่า เอาเป็นว่าเราเขียนคร่าวๆที่เราเห็นแล้วกันนะคะ
- Waran
- Arixtra
- Plavix
- Clopidrogel
- Briique
- Trombyl
- Persantin
- Treo
- Bamyl
- Ipren
- Naproxen
- Voltaren

ข้อห้ามและการเตรียมตัว
ห้ามนำของมีค่าติดตัวไป ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับต่างๆ ให้เก็บไว้ที่บ้าน สำหรับคนที่เจาะบริเวณน้องสาว จมูก และปาก จะต้องนำจิวเวอร์รี่เหล่านั้นออกให้หมด , ห้ามทาเล็บ ห้ามแต่งหน้า (ตามข้อมูล เพราะว่าคุณหมอจำเป็นต้องสังเกตุสีหน้าและเล็บมือระหว่างการผ่าตัดและเสียเลือดค่ะ หากเราทาเล็บและแต่งหน้าไป การประเมินก็จะผิดเพี้ยนได้) , ในวันผ่าตัดห้ามขับรถกลับบ้านเอง เพราะอาจจะมึนจากยาสลบ , คืนหลังจากการผ่าตัดห้ามอยู่คนเดียว กรณีหากเป็นลมเป็นแล้งไปจะได้มีคนช่วยเหลือค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ในตอนเช้าของวันที่ต้องเข้ารับการขูดมดลูก เรากังวลมากว่าจะท้องหรือเปล่า เพราะวันที่หมอนัดไปซาวด์แล้วเจอว่ามีอะไรค้างอยู่ ต้องขูดออก เป็นช่วงที่เราไข่ตกและเพิ่ง..มา คุณหมอก็บอกแล้วว่าพยายามอย่าให้ท้องนะ แต่เช้าวันนั้นกังวลค่ะ เพราะเป็นช่วงที่ประจำเดือนควรมาพอดี ก็เลยตรวจดู ปรากฎว่าขึ้น 2 ขีดจางๆ เลยรีบติดต่อหมอ คุณหมอก็ให้รีบมาโรงพยาบาลเพื่อมาเจาะเลือดตรวจฮอร์โมน HCG แบบฉุกเฉินทันที จะได้ทราบผลว่าท้องหรือไม่ท้องก่อนที่เราจะต้องเหน็บยาที่ช่องคลอด พอผลออกว่าเป็น negative ก็สบายใจ ก็เหน็บยาได้ค่ะ ตอนนั้นเลยเวลามาประมาณ 11.30 แต่เค้าบอกไม่เป็นไร เริ่มเหน็บได้เลย ก็เข้าห้องน้ำไปเหน็บเลยค่ะ

พอใกล้ถึงเวลา ก็ตรงไปที่แผนกผ่าตัดผู้ป่วยนอก พอถึงเวลา พยาบาลเรียกตัวเข้าไปในห้องสอบถามข้อมูลก่อน จะถามข้อมูลสำคัญในการใช้ยาและแพ้ยาของเรา จริงๆเราได้กรอกไว้หมดแล้วตั้งแต่ก่อนตกลงรับการขูดมดลูก แต่เพื่อความแน่ใจน่ะค่ะ เค้าจะถามและคีย์ข้อมูลลงระบบอีก แล้วก็ให้ทานยาแก้ปวด 2 เม็ด จำชื่อยาไม่ได้ค่ะ แต่รู้ว่าเป็นยาขนานแรงอยู่ แต่ให้น้ำเรานิดดดเดียวเอง ไม่ถึงครึ่งแก้วพลาสติกเล็กๆเลย จากนั้นก็เปลี่ยนชุด ใส่หมวกคลุมผม ถุงคลุมเท้าอะไรหมดแล้ว ก็ตามพยาบาลเดินไปที่ห้องผ่าตัดค่ะ พยาบาลเข็นเตียงที่เราจะต้องนอนหลังขูดมดลูกเสร็จไปที่ห้องผ่าตัด เราก็เดินตาม

ตอนนั้นกลัวมากเลยค่ะ แฟนตามไปด้วยไม่ได้ เราเข้าไปคนเดียว กลัวคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องด้วย ในห้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่เราไป ก็จะเป็นห้องใหญ่ๆ ดูไฮเทคเชียว ทุกอย่างขาวสะอาด มีเก้าอี้ขาหยั่งแบบไฮเทค มีไฟส่องผ่าตัด และเครื่องไม้เครื่องมือวัดชีพจรมากมาย เราได้เจอพยาบาลประจำห้องผ่าตัด นั่งรอหมอ ซักพักหมอใหญ่มา (เป็นคนเดียวกับที่ตรวจท้องๆแท้งๆให้เราเป็นประจำ จริงๆในใบนัดเป็นหมออีกคน แต่เราขอหมอคนนี้ว่าเราอยากให้เค้าทำให้ อุ่นใจกว่า เค้าก็มาตามคำขอค่ะ) มีพยาบาลมาอีก 1 คน หมอผู้ชายตามมาอีก 1 คนช่วยในการผ่าตัด และพยาบาลสำหรับยาสลบโดยเฉพาะ (เค้าเรียกวิสัญยีป่าวคะ) อีก 1 คน รวมทั้งหมด 5 คนค่ะ มาตามๆกันทีละคนจนเรานอน ไม่มีมือจะเช็คแฮนด์ละ 555 ทุกคนน่ารัก โผล่หน้ามาแนะนำตัว จับมือตลอด ทีนี้ก็นอนลง หมอเริ่มด้วยการส่องกล้องซาวด์ก่อน ดูว่าก้อนนั้นยังอยู่มั้ย เราจะทำจุดไหนกัน จากนั้นพยาบาลก็เจาะฝังเข็ม หมออีกคนก็ฉีดยาเข้าเส้น 1 เข็ม ไม่แน่ใจว่าเป็นยาที่ใช้ร่วมกับยาสลบหรือยาแก้ปวดนะคะ แล้วพยาบาลก็เอาที่วัดหัวใจมาแปะๆเต็มหน้าอกเลย แล้วก็เอาที่วัดความดันมาสวมแขนซ้าย เอาที่วัดชีพจรมาหนีบนิ้วมือขวา เสร็จแล้วก็เอาที่ครอบ มาครอบจมูกเริ่มดมยาสลบค่ะ หลับตาไปเลยค่ะ พยาบาลบอกว่า หลับไปเลย พยายามคิดอะไรก็ได้ที่ทำให้หลับ แล้วก็หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ

เราตื่นมาด้วยเสียงวิ่งไปวิ่งมาของพยาบาล ตอนนั้นอยู่ในห้องพักละ แต่ตอนนั้นคิดว่าเรายังไม่หลับ กำลังจะบอกพยาบาลว่า ฉันยังไม่หลับเลย คือกลัวเจ็บ 555555 พอลืมตามา อยู่อีกห้องแล้วนี่นา ตอนนั้นประมาณบ่าย 2 รู้สึกได้ว่าเค้าใส่กางเกงในผ้าพร้อมผ้าอนามัยยักษ์กันเลือดไว้ให้ มือยังโดนหนีบด้วยเครื่องวัดชีพจรอยู่ พอเราตื่นเริ่มขยับ เครื่องก็ดัง พยาบาลก็วิ่งมาดู เอาเครื่องออก แล้วเข็นเตียงไปให้พักอีกห้องค่ะ เอาชาเอาแซนวิชมาให้ทาน แล้วเราก็ได้นอนพักไปจนถึง 4 โมงครึ่งก็กลับบ้านได้ค่ะ เห็นในกระดาษเกี่ยวกับการผ่าตัดของเรา เค้าใช้เวลาตั้งแต่ 13.00-13.30 แล้วเราตื่นอีกทีประมาณ 14.00 ค่ะ ตอนนั้นปวดท้องเหมือนปวดเมนส์ แต่พยาบาลไม่ให้ยาค่ะ เพราะเรายังมียาขนานแรงอยู่ในตัว จะโอเวอร์โดสได้ ให้รอกลับไปทานที่บ้านตอนกลางคืน หลังจากนั้นก็ปกติค่ะ หยุดงานแค่ 1 วัน เพราะรู้สึกคลื่นไส้ แล้วก็ไปทำงานปกติเลย อาการก็มีแค่ปวดท้องเหมือนปวดท้องเมนส์ค่ะ ยาพาราแก้ปวดช่วยได้ค่ะ มีแต่ยาแก้ปวดเท่านั้นที่หมอแนะนำให้ใช้หากรู้สึกปวด (ซึ่งเป็นตัวยาเดียวกับพารา เค้าไม่เขียนถึงตัวยาแก้ปวดที่แรงกว่าว่าใช้ได้ เลยไม่กล้าใช้ค่ะ) เลือดไหลน้อยมาก แต่ต้องใส่ผ้าอนามัยไว้ทุกวัน พอหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เราก็เมนส์มาเลยค่ะ เพราะวันที่ผ่าตัดเป็นช่วงที่เมนส์ควรจะมาพอดี ตอนนี้ก็เมนส์หยุดแล้วค่ะ ส่วนผลจากชิ้นเนื้อหลังการขูดนั้น เค้าจะส่งจดหมายมาที่บ้านประมาณภายใน 3-4 สัปดาห์หลังจากขูดมดลูกค่ะ ตอนนี้เรายังไม่ได้เลย เดี๋ยวคงมา แล้วจะมาอัพเดทค่ะว่าเค้าเขียนว่ายังไง

ข้อห้ามหลังการขูดมดลูกก็จะมี ห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ห้ามสอดล้างช่องคลอด ห้ามว่ายน้ำ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่เลือดไหลค่ะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ตอนนี้เราเลือดหยุดมา 1 อาทิตย์แล้วก็เริ่มมีแล้วค่ะ อ่านตามในอินเทอร์เน็ตที่มีคุณหมอหลายท่านเขียนไว้ก็บอกว่าให้งดอย่างน้อย 2 อาทิตย์ค่ะ

***ถ้ามีไข้ เลือดไหลเยอะผิดปกติ ปวดท้องผิดปกติ ต้องติดต่อหมอนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่