ปลาบปลื้ม!!! OBAMA บอก พวกคลั่งศาสนา หากินกับความเกลียดชัง!! และความบ้าคลั่ง!! USA พร้อมเป็นผู้นำโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง!

"ความเชื่อว่าจะต้องทำสงครามศาสนากันอย่างถาวร
เป็นข้ออ้างของพวกหัวรุนแรงที่ไม่สามารถสร้างสิ่งใดๆ ได้
จึงอาศัยหากินกับความเกลียดชังและความบ้าคลั่ง"

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

OBAMA บอก พวกคลั่งศาสนา หากินกับความเกลียดชัง และความบ้าคลั่ง!! USA พร้อมเป็นผู้นำโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     25 กันยายน 2557



เอเจนซีส์ - “โอบามา” ขึ้นเวทียูเอ็นโชว์ “วิสัยทัศน์” มุ่งขายความเป็นผู้นำของอเมริกา ในโลกที่เขาย้ำว่าเป็นโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งจำเป็นต้องมีพิมพ์เขียวฉบับใหม่มารองรับวิกฤตต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาพร้อมๆ กันในเวลานี้ ทั้งการก่อการร้าย ภาวะโลกร้อน และความท้าทายด้านสุขภาพ ประมุขทำเนียบขาวยังประณามรัสเซียกรณียูเครนว่า เป็นตัวอย่างของประเทศที่ไม่เคารพกฎและบรรทัดฐานสากล
       
       ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขึ้นปราศรัยในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เมื่อวันพุธ (24 ก.ย.) ว่า ขณะนี้โลกมาถึงทางแยกระหว่าง “สงครามกับสันติภาพ” "ความไร้ระเบียบกับความสมานฉันท์” และ “ความกลัวกับความหวัง”
       
       ประมุขสหรัฐฯ กล่าวกับบรรดาผู้นำและผู้แทนจาก 193 ประเทศว่า โลกไม่สามารถพึ่งพิงกฎกติกาที่บัญญัติไว้ในศตวรรษก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป โดยประเด็นที่โอบามาให้ความสำคัญมากที่สุดในการปราศรัยครั้งนี้คือ การเผด็จศึกนักรบญิฮัดกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย
       
       โอบามายืนกรานว่า นี่ไม่ใช่เป็นสงครามของอเมริกาเพียงลำพัง แต่มีแนวร่วมจากกว่า 50 ชาติให้การสนับสนุน พร้อมกันนั้นก็ยืนยันว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การปะทะระหว่างอารยธรรมที่แตกต่างกัน
       
       “ความเชื่อว่าจะต้องทำสงครามศาสนากันอย่างถาวร เป็นข้ออ้างของพวกหัวรุนแรงที่ไม่สามารถสร้างสิ่งใดๆ ได้ จึงอาศัยหากินกับความเกลียดชังและความบ้าคลั่ง” ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการจัดการกับต้นตอของลัทธิก่อการร้าย ด้วยการเสนอทางเลือกให้คนหนุ่มสาวที่กำลังถูกชักชวนให้เข้าร่วมกับกลุ่มนักรบหัวรุนแรงสุดโต่ง
       
       อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของโอบามาแล้ว สงครามที่กำลังขยายตัวเพื่อถอนรากถอนโคนไอเอส เป็นเพียงหนึ่งในวิกฤตการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่
       
       ทั้งนี้ บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นก็ดูจะสนับสนุนทัศนะเช่นนี้ โดยก่อนหน้านั้น ระหว่างที่เขากล่าวเปิดการประชุมประจำปีสมัชชาใหญ่คราวนี้ บันบอกว่า นับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่โลกมีผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นฐาน และผู้ขอลี้ภัยมากเท่านี้มาก่อน
       
       ประมุขทำเนียบขาวแจกแจงว่า นอกจากเรื่องไอเอสแล้ว โลกยังกำลังเผชิญความท้าทายในการจัดการกับวิกฤตโรคอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก การจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทั่วโลกอันเข้มแข็งเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน และการผลักดันการเจรจาโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่าน พร้อมกันนั้นเขาก็ข้อสังเกตแบบแขวะผู้นำอิสราเอลเล็กๆ ว่า ขณะนี้มีชาวอิสราเอลจำนวนมากพร้อมที่จะทอดทิ้ง “ความพยายามทุ่มเทเพื่อสันติภาพ” ไปเสียแล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม โอบามาให้น้ำหนักยิ่งกว่ามากในเวลาที่เขาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของรัสเซียในยูเครน โดยเขากล่าวหาแดนหมีขาวทั้งการจัดหาอาวุธให้กบฏแบ่งแยกดินแดน การไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นานาชาติเข้าตรวจสอบบริเวณที่สายการบินพาณิชย์ถูกยิงตก รวมทั้งการสั่งสมกำลังตามแนวชายแดนติดกับยูเครน และระบุว่าเป็นตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อประเทศหนึ่งไม่เคารพกฎหมายและบรรทัดฐานสากล พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินตาม “แนวทางการทูตและสันติภาพ” และอุดมการณ์ที่ยูเอ็นยึดถือ
       
       ผู้นำแดนอินทรีเสริมว่า หากมอสโกปฏิบัติได้ตามนั้น วอชิงตันจะยกเลิกมาตรการลงโทษที่กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจรัสเซียในขณะนี้
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า สถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายตามที่โอบามาปราศรัยในครั้งนี้ แตกต่างอย่างมากจากการขึ้นเวทีเดียวกันเมื่อ 12 เดือนก่อน ที่ผู้นำสหรัฐฯ ชูแนวทางการทูตสำหรับแนวรบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความพยายามผลักดันการสร้างสันติภาพรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และการส่งสัญญาณว่า ความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับอิหร่านยาวนานหลายทศวรรษอาจผ่อนคลายลง
       
       ทว่า นับจากนั้นจนถึงวันนี้ การเจรจาสันติภาพตะวันออกกลางยังคงคว้าน้ำเหลว ขณะที่การเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่มีอเมริกาและนานาชาติร่วมหารือมาถึงทางตัน กระทั่งหลายฝ่ายไม่แน่ใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงตามกำหนดในวันที่ 24 พฤศจิกายน
       
       และแม้ประกาศว่า วอชิงตันเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญสำหรับสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลก แต่โอบามาก็ยอมรับว่า มีบางครั้งอเมริกาก็หละหลวมกับอุดมการณ์เหล่านี้ โดยยกตัวอย่างการปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงในเมืองเฟอร์กูสัน หลังตำรวจผิวขาวยิงวัยรุ่นผิวดำเสียชีวิต

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000110631
http://pantip.com/topic/32625873

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่