ผมออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่าผมเป็นคนธรรมดามาก ๆ ทั้งความสามารถ การเรียน หน้าตา บลา ๆ ๆ ไม่ได้หล่อเลือกได้
ผู้หญิงคนนึง ผมให้เขาเป็น A ละกัน เขาดีกับผมมาก ๆ และเป็นแบบนี้เสมอมาก็ได้เป็นปีแล้ว ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้หรอกครับว่าเขาจีบ พอเริ่มจะเห็นชัดและก็มีบางอย่างมายืนยันได้ว่าเขาจีบแน่ ๆ แล้วผมก็ทำนิ่ง ๆ เหตุผลนึงคือผมออกจะขี้อาจในเรื่องนี้มาก ๆ และก็ตอนนั้นก็มีปมอดีตกับคน ๆ นึงอยู่ ขอเรียกว่า B ที่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันสักเท่าไรแล้ว นาน ๆ ก็พูดคุยกันทีผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ด้วยความที่สนิทกันอยู่นิดหน่อยเลยไม่เคยขาดการติดต่อไป ผมพยายามทำตัวปกติเท่าที่จะทำได้หลังจากที่รู้แล้ว ทำเหมือนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เขาน่ะรู้ว่าผมรู้แล้วชัวร์ ๆ จนวันนึงผมก็พูดเรื่องในอดีตของผมไป ก็เล่ามีนัยๆว่ายังชอบคนนั้นอยู่ โดยที่เขาก็นั่งฟังอยู่ด้วย เอาเป็นว่าผมตั้งใจให้ได้ยินน่ะแหละ ก็มีลังเลอยู่บ้าง กลัวเขาจะเสียใจ ตอนนั้นที่เล่าออกไปเพราะคิดว่าให้เจ็บไปเลยดีกว่าเราทำเป็นไม่รู้อะไร ทำตัวปกติ เหมือนให้ความหวัง แล้วก็มาหลอกกัน แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนั้นที่เล่าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติ ผมก็รู้แหละว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างในใจบ้างแหละถึงจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็มีเพื่อนมาพูดกับผมว่าถึงกับร้องห่มร้องไห้กันเลยทีเดียว ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนั้นจริง ๆ ต่อมาเราทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันได้สักพักนึง ก่อนที่ทั้งผมและก็เขาค่อย ๆ ห่างกัน ไม่รู้ใครห่างใครก่อน ผมหรือเขาก็ใครสักคน จนมีอยู่ช่วงนึงมันแย่จนขนาดไม่กล้าทักกันเลย เท่าทีจำได้เขาน่าจะมาทักผมก่อนตอนนั้น เราคุยกัน แต่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ถี่ ไม่วุ่นวาย ผมว่าก็น่าจะดีแล้วที่เป็นแบบนี้
จนเวลาผ่านมาเป็นปี ๆ เราก็เริ่มห่างกันอีกครั้ง ผมว่าเขาคงรู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคุยกับผม แต่ก็นับว่าเป็นเวลาที่นานมาก ๆ นับแต่วันที่ผมเล่าเรื่องนั่น คุยทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก คงจะเหนื่อยใจน่าดู แต่สุดท้ายผมกลับเป็นคนเป็นกังวลซะเองที่เขาหายไปแบบนี้ ตอนนั้นเจอหน้าผมยังไม่ค่อยกล้าทักเขาเลย ทำร้ายความรู้สึกเขาไว้ ก็เลยทวิตในวอล์ลตัวเองบ้าง อะไรบ้าง ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีแต่ทวิตคุยกัน เขาก็กด Fav บางอันที่มันโดน ๆ ไว้บ้างเหมือนกัน จนพักหลังบางทีผมทวิตออกแนวเรียกร้องความสนใจซะเองด้วยซ้ำ จนผมว่าเขาอาจจะคิดว่าผมเปลี่ยนใจแล้วก็ได้ และดูท่าทีแล้วเหมือนเขาจะไม่ได้โกรธได้เกลียดผมเลย เหมือนจะรอวันนี้อยู่ด้วยซ้ำ มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง เราไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วสักหน่อย ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ถ้าไม่อยากให้เขามายุ่งแล้วไปเรียกร้องความสนใจทำไม ผมคิดฟุ้งซ่านไปเยอะเลย ตกลงผมรู้สึกยังไงกับเขา แล้วรู้สึกยังไงกับคนนั้น กลัวจะเป็นแค่อาการเหงาหาคนคุยแล้วไปทำร้ายเขาอีก ก็เลยพยายามหาคำตอบนึกถึงเรื่องราวในอดีตทั้งหมดที่ผ่านมา ดูรูปประกอบบ้างอ่านแชทเก่า ๆ บ้าง ผมก็ว่า A เป็นคนดีมาก ๆ คนนึง ถึงจะเรียนไม่เพอร์เฟค แต่มุ่งมั่นขยันอดทน มีความฝันเป็นของตัวเอง มองโลกในแง่ดีเสมอ และดีกับผมมาก ๆ ในทุกรายละเอียด และพอนึกย้อนกลับไปมันก็ความรู้สึกผูกพันธ์กับ B อยู่เหมือนกัน ก็แน่นอน เพราะสเป็กเลย เรียนเก่ง อดทน นิสัยเข้ากันได้ดี พูดได้เต็มปากว่าน่ารักกว่า และที่สำคัญตัวเตี้ยกว่าผม ซึ่งเป็นอย่างเดียวเกี่ยวกับรูปร่างของตัวผู้หญิงที่ผมได้กำหนดไว้ (แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องได้แบบนี้เลย) แต่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันคงเป็นไปได้ยากแล้วล่ะ ถึงจะไม่ได้อยู่ไกลกันถึงกับจะเดินทางมาเจอกันไม่ได้ แต่จะให้มาเจอกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไร อีกอย่างผมก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวเขาเลยด้วย เขาไม่ค่อยอยู่ในสังคมออนไลน์สักเท่าไร เลยไม่มีอัพเดทอะไรให้ดูเลย อาจจะมีแฟนไปเงียบ ๆ แล้วก็ได้ใครจะไปรู้ ผมชั่งใจว่ามันจะเป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว ที่ติดใจผมอยู่อย่างเดียวคือผมไม่รู้ว่าเขาเคยคิดอะไรกับผมบ้างหรือเปล่า แต่จะไปให้ถามโต้ง ๆ เลยเอาตอนนี้ก็ไม่ใช่ฟิลละ เพราะตอนนั้นมันก็ดีอยู่ เหมือนละครยังไม่จบรอต่อภาคสองยังไงยังงั้น อาจจะรอผมอยู่เหมือนกันก็ได้ ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองไป ถ้าไม่ติดตรงนี้ผมอาจจะได้เป็นแฟนกับ A ไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ เพราะตัว A ถึงจะไม่สวยไม่น่ารักขนาดนั้น แต่ด้วยสิ่งที่อยู่ภายในก็ทำผมเขวได้เหมือนกัน สรุปนี่ผมเป็นคนสองจิตสองใจขนาดนี้เชียว ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้ จนทุกวันนี้มันก็ค้าง ๆ คา ๆ คารังคาซังอยู่อย่างนี้ เอาเป็นว่าอยากขอความเห็นหน่อยละกันครับว่า ผมควรจะไปกับ A ไปเลย เพราะไหน ๆ ผมก็ห่าง B อยู่แล้ว ถ้า B รออยู่ก็เสียใจด้วย ถ้าไม่มีอะไรผมก็โชคดีไป หรือผมควรจะถาม B ก่อนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ก็ยังพอมีโอกาสตอบตกลงอยู่เหมือนกัน ถ้าตกลงก็คนในฝันเลย แต่ถ้าเกิดแห้วขึ้นมา ถึง A จะไม่รู้ แต่ผมคงไม่กล้าไปทำเหมือน A เป็นแค่ตัวสำรองของ B ในเวลาอันสั้น คงต้องใช้เวลาสักพัก ที่ A อาจจะไม่ได้อยู่ข้างผมอีกแล้วก็ได้
อยู่กับคนที่เรารัก (ถ้าเขาตอบรับ) หรือ อยู่กับคนที่รักเรา (และเราไม่ได้รังเกียจเขา)
เขาดีกับเราเหลือเกิน
ผู้หญิงคนนึง ผมให้เขาเป็น A ละกัน เขาดีกับผมมาก ๆ และเป็นแบบนี้เสมอมาก็ได้เป็นปีแล้ว ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้หรอกครับว่าเขาจีบ พอเริ่มจะเห็นชัดและก็มีบางอย่างมายืนยันได้ว่าเขาจีบแน่ ๆ แล้วผมก็ทำนิ่ง ๆ เหตุผลนึงคือผมออกจะขี้อาจในเรื่องนี้มาก ๆ และก็ตอนนั้นก็มีปมอดีตกับคน ๆ นึงอยู่ ขอเรียกว่า B ที่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันสักเท่าไรแล้ว นาน ๆ ก็พูดคุยกันทีผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ด้วยความที่สนิทกันอยู่นิดหน่อยเลยไม่เคยขาดการติดต่อไป ผมพยายามทำตัวปกติเท่าที่จะทำได้หลังจากที่รู้แล้ว ทำเหมือนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เขาน่ะรู้ว่าผมรู้แล้วชัวร์ ๆ จนวันนึงผมก็พูดเรื่องในอดีตของผมไป ก็เล่ามีนัยๆว่ายังชอบคนนั้นอยู่ โดยที่เขาก็นั่งฟังอยู่ด้วย เอาเป็นว่าผมตั้งใจให้ได้ยินน่ะแหละ ก็มีลังเลอยู่บ้าง กลัวเขาจะเสียใจ ตอนนั้นที่เล่าออกไปเพราะคิดว่าให้เจ็บไปเลยดีกว่าเราทำเป็นไม่รู้อะไร ทำตัวปกติ เหมือนให้ความหวัง แล้วก็มาหลอกกัน แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนั้นที่เล่าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติ ผมก็รู้แหละว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างในใจบ้างแหละถึงจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และก็มีเพื่อนมาพูดกับผมว่าถึงกับร้องห่มร้องไห้กันเลยทีเดียว ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนั้นจริง ๆ ต่อมาเราทำเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันได้สักพักนึง ก่อนที่ทั้งผมและก็เขาค่อย ๆ ห่างกัน ไม่รู้ใครห่างใครก่อน ผมหรือเขาก็ใครสักคน จนมีอยู่ช่วงนึงมันแย่จนขนาดไม่กล้าทักกันเลย เท่าทีจำได้เขาน่าจะมาทักผมก่อนตอนนั้น เราคุยกัน แต่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ถี่ ไม่วุ่นวาย ผมว่าก็น่าจะดีแล้วที่เป็นแบบนี้
จนเวลาผ่านมาเป็นปี ๆ เราก็เริ่มห่างกันอีกครั้ง ผมว่าเขาคงรู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคุยกับผม แต่ก็นับว่าเป็นเวลาที่นานมาก ๆ นับแต่วันที่ผมเล่าเรื่องนั่น คุยทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก คงจะเหนื่อยใจน่าดู แต่สุดท้ายผมกลับเป็นคนเป็นกังวลซะเองที่เขาหายไปแบบนี้ ตอนนั้นเจอหน้าผมยังไม่ค่อยกล้าทักเขาเลย ทำร้ายความรู้สึกเขาไว้ ก็เลยทวิตในวอล์ลตัวเองบ้าง อะไรบ้าง ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีแต่ทวิตคุยกัน เขาก็กด Fav บางอันที่มันโดน ๆ ไว้บ้างเหมือนกัน จนพักหลังบางทีผมทวิตออกแนวเรียกร้องความสนใจซะเองด้วยซ้ำ จนผมว่าเขาอาจจะคิดว่าผมเปลี่ยนใจแล้วก็ได้ และดูท่าทีแล้วเหมือนเขาจะไม่ได้โกรธได้เกลียดผมเลย เหมือนจะรอวันนี้อยู่ด้วยซ้ำ มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง เราไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วสักหน่อย ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ถ้าไม่อยากให้เขามายุ่งแล้วไปเรียกร้องความสนใจทำไม ผมคิดฟุ้งซ่านไปเยอะเลย ตกลงผมรู้สึกยังไงกับเขา แล้วรู้สึกยังไงกับคนนั้น กลัวจะเป็นแค่อาการเหงาหาคนคุยแล้วไปทำร้ายเขาอีก ก็เลยพยายามหาคำตอบนึกถึงเรื่องราวในอดีตทั้งหมดที่ผ่านมา ดูรูปประกอบบ้างอ่านแชทเก่า ๆ บ้าง ผมก็ว่า A เป็นคนดีมาก ๆ คนนึง ถึงจะเรียนไม่เพอร์เฟค แต่มุ่งมั่นขยันอดทน มีความฝันเป็นของตัวเอง มองโลกในแง่ดีเสมอ และดีกับผมมาก ๆ ในทุกรายละเอียด และพอนึกย้อนกลับไปมันก็ความรู้สึกผูกพันธ์กับ B อยู่เหมือนกัน ก็แน่นอน เพราะสเป็กเลย เรียนเก่ง อดทน นิสัยเข้ากันได้ดี พูดได้เต็มปากว่าน่ารักกว่า และที่สำคัญตัวเตี้ยกว่าผม ซึ่งเป็นอย่างเดียวเกี่ยวกับรูปร่างของตัวผู้หญิงที่ผมได้กำหนดไว้ (แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องได้แบบนี้เลย) แต่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันคงเป็นไปได้ยากแล้วล่ะ ถึงจะไม่ได้อยู่ไกลกันถึงกับจะเดินทางมาเจอกันไม่ได้ แต่จะให้มาเจอกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไร อีกอย่างผมก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวเขาเลยด้วย เขาไม่ค่อยอยู่ในสังคมออนไลน์สักเท่าไร เลยไม่มีอัพเดทอะไรให้ดูเลย อาจจะมีแฟนไปเงียบ ๆ แล้วก็ได้ใครจะไปรู้ ผมชั่งใจว่ามันจะเป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว ที่ติดใจผมอยู่อย่างเดียวคือผมไม่รู้ว่าเขาเคยคิดอะไรกับผมบ้างหรือเปล่า แต่จะไปให้ถามโต้ง ๆ เลยเอาตอนนี้ก็ไม่ใช่ฟิลละ เพราะตอนนั้นมันก็ดีอยู่ เหมือนละครยังไม่จบรอต่อภาคสองยังไงยังงั้น อาจจะรอผมอยู่เหมือนกันก็ได้ ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองไป ถ้าไม่ติดตรงนี้ผมอาจจะได้เป็นแฟนกับ A ไปตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ เพราะตัว A ถึงจะไม่สวยไม่น่ารักขนาดนั้น แต่ด้วยสิ่งที่อยู่ภายในก็ทำผมเขวได้เหมือนกัน สรุปนี่ผมเป็นคนสองจิตสองใจขนาดนี้เชียว ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้ จนทุกวันนี้มันก็ค้าง ๆ คา ๆ คารังคาซังอยู่อย่างนี้ เอาเป็นว่าอยากขอความเห็นหน่อยละกันครับว่า ผมควรจะไปกับ A ไปเลย เพราะไหน ๆ ผมก็ห่าง B อยู่แล้ว ถ้า B รออยู่ก็เสียใจด้วย ถ้าไม่มีอะไรผมก็โชคดีไป หรือผมควรจะถาม B ก่อนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ก็ยังพอมีโอกาสตอบตกลงอยู่เหมือนกัน ถ้าตกลงก็คนในฝันเลย แต่ถ้าเกิดแห้วขึ้นมา ถึง A จะไม่รู้ แต่ผมคงไม่กล้าไปทำเหมือน A เป็นแค่ตัวสำรองของ B ในเวลาอันสั้น คงต้องใช้เวลาสักพัก ที่ A อาจจะไม่ได้อยู่ข้างผมอีกแล้วก็ได้
อยู่กับคนที่เรารัก (ถ้าเขาตอบรับ) หรือ อยู่กับคนที่รักเรา (และเราไม่ได้รังเกียจเขา)