วันหนึ่งของเดือนมกราคมของ 4 ปีที่แล้ว เป็นวันเทศกาลของมหาลัย ซึ่งคณะของผมมีจัดร้านกินจิ้มจุ่ม ด้วยความที่ผมชอบหาเรื่องให้ตัวเองลำบากอยู่เรื่อย
ผมจึงเข้าไปช่วยอาสาล้างจานชาม ขัดหม้อจิ้มจุ่ม ซึ่งขอบอกเลย เหนื่อยโครตตต มันปวดเมื่อยล้าจริงๆ ณ ขณะนั้นครับ แต่ใครจะไปคิดฝันล่ะว่า นั่นคือเวลาแห่งโชคชะตาที่นำมาผมและเธอมาพบกัน ..
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสาระอะไร เพ้อเจ้อไร้สาระ เรียนไปวันๆ บางวันตกดึกหาร้านเกมส์ เมาดอท(เกมส์)กับเพื่อน แล้วก็กลับหอ เกือบๆ แจ้ง หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ(กินจิ้มจุ่ม) ผมก็เจอกับเธอในช่วงที่ลูกค้าเข้าเยอะๆ คนล้างไม่ค่อยพอ บอกตรงๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษมาก ผมคุยกับเธอรวมทั้งกับเพื่อนๆ สนุกสนานเฮฮา แต่ได้คุยกับเธอเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งมันคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าเธอสำหรับผมพิเศษกว่าคนอื่น หลังจากนั้นเราก็จะทำกิจกรรมร่วมกันเสมอๆ บ้างก็เล่นเกมส์ บ้างก็เดินเรียนด้วยกัน เย็นๆ ผมจะเดินไปส่งเธอขึ้นรถกระป้อกลับบ้านทุกวัน จนคำว่า "ความรัก" เริ่มก่อตัวขึ้น..
2 มีนาคม มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมั่นใจว่าผมพร้อมที่จะรับเค้ามาอยู่ในชีวิตผม ผมว่ามันอาจจะเร็วไปที่จะบอกรักใครซักคน แต่เราตัวติดกันตลอด ไปไหนด้วยกันเสมอเหมือนคนที่คบกันมาเป็นปีๆ วันนั้นผมขอเธอเป็น "แฟน" บนรถประจำทางของมหาวิทยาลัย คนอื่นๆเขาก็นั่งเฉยๆ นะ แต่คงจะมีผมและเธอที่ไม่รู้สึกธรรมดาเช่นคนอื่นๆ เธอตอบรับคำขอของผม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักของผมและเธอ
ตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน เธอเป็นคนขยันมานะ มีเพื่อนฝูง เธอมีกลุ่มประจำและผมก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนั้น ผมไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นๆ เท่าไหร่ครับ เพราะมีเธอผมจึงเข้ากับทุกคนในกลุ่มนั้นได้ ตลอดเวลาผมกับเธอตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ไปไหนมาไหนด้วยกัน เธอแทบจะไม่ห่างจากสายตาผม และผมก็ไม่ห่างจากสายตาเธอเลย ยกเว้นตอนกลับถึงบ้านแล้ว
ช่วงปีแรก ผมสะพานโน๊ตบุ๊คซึ่งมีน้ำหนักพอตัว เดินไปส่งเธอถึงท่ารถประจำ ระยะทางไปกลับก็คงจะกิโลกว่าๆได้ ผมกลับมาเหงื่อชุ่มหลังประจำเลย แต่ผมไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อใจอะไรเลย เพราะเขาเป็นคนรัก และผมก็ต้องเป็นห่วงเขาตามประสาคนรัก เรื่องการเรียน เธอเหนือกว่าผมมาก เพราะผมขี้เกียจไม่ขยัน มันก็แหงล่ะ คะแนนจะไปสูงได้ไง เธอก็จับกลุ่มติวและพาผมเรียนจบมาด้วยกัน
ช่วงเรียนอยู่เรามีการทะเลาะกันบ้าง แต่เราก็คืนดีกันได้ทุกครั้ง มีครั้งนึงที่ผมทะเลาะกับเธอหนัก เพราะเธอติดเพื่อน มันทำให้ผมรู้สึกว่าเค้าไม่ค่อยมีเวลาให้จนทำให้เราเลิกกันไปพักนึง ไม่ถึงเดือน ด้วยความที่ว่าผมขาดเค้าไม่ได้ เค้าดีมากสำหรับผม เพราะเค้าไม่เคยนอกลู่นอกทาง เราไม่เคยห่างกัน พอห่างกันแต่ยังไงเวลาเรียนก็ต้องเจอหน้ากัน มันทำให้ผมกลับไปขอคืนดีกับเธอ เพราะผมคิดว่าผมขาดเธอไปไม่ได้..
ก่อนเรียนจบผมวาดฝันไว้ว่าเราต้องทำงานที่เดียวกันเพราะผมจะได้มีเวลาดูแลเธอ และเธอก็จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องของผมมากนัก (ผมแย่ในหลายๆ ด้าน)
แต่...
นั้นคือสิ่งที่ผมคิดพลาดไป จากที่ทำงานด้วยกัน ผมกับเริ่มสนใจแต่งาน พอผิดพลาดก็โทษแต่เธอๆ เรากลับบ้านด้วยอารมณ์บูดบ่อยครั้ง(คนละบ้าน) เพราะผมเป็นคนใจร้อน สมองคิดไม่ทันคำพูด คำพูดส่วนใหญ่ที่ออกจากปากเป็นคำพูดที่ทำร้ายเธอมาก ผมกลับมาคิดที่บ้านว่าพูดไปอย่างนั้นแล้วเธอจะเสียใจขนาดไหน นี่ยังไม่ถึงครึ่งปี เราทะเลาะกันจบแทบจะนับครั้งไม่ได้ จนมีบางครั้งผมถึงกับคิดว่าเราควรเลิกกัน
วันนี้.. เป็นวันที่ผมทำร้ายเธอด้วยคำพูดเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยประโยคที่ว่า "เราคงไปด้วยกันไม่ได้ เลิกกันเถอะ" เพราะผมมันไม่ดีเอง อยู่ไปก็จะทำให้เธอปวดหัวกับคำพูดของผมซะเปล่าๆ เธอกลับบ้านด้วยน้ำตา ซึ่งผมก็กลับบ้านด้วยน้ำตาเช่นกัน ผมได้ทิ้งคนที่ผมรักสุดไป เพราะผมไม่อยากทำร้ายเธอไปมากกว่านี้ ถ้าถามว่าเราจะกลับมา "คืนดี" กันได้ไหม คงต้องตอบว่ายากครับ ครั้งนี้อาการสาหัสเกิน ทำให้ผมรู้ว่าการเป็นคู่รักและทำงานด้วยกัน ถ้าไม่สามารถประคองกันไปด้วยกันได้ ก็จะทำให้ต้องมาถึงจุดล้มเหลว และกลับตัวไม่ทัน แต่ก็มีบ้าง บางคู่รักที่ทำงานด้วยกันก็ยิ่งรักกัน แต่คงไม่ใช่คู่ของผม
สุดท้ายนี้ ขอพูดสิ่งที่อาจจะไม่สามารถพูดไปหาเธอได้..
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับจากเธอ ขอบคุณ 4 ปีกว่าๆ อันมีค่าจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ขอบคุณที่ไม่เคยนอกใจไม่เคยทำให้ผิดหวัง ขอบคุณที่เป็นเพื่อนชีวิตในทุกวันเวลา เธอเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถหาใครมาทดแทนได้ แต่ผมผิดเองที่ทำไม่สามารถเป็นอย่างที่เธอต้องการ ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวัง มีแต่เรื่องที่ต้องทำให้ผิดหวังเสียใจอยู่เรื่อย อยู่กับ "คุณ" ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยซักครั้ง ผมรู้สึกสนุกมาก คุณให้ข้อคิดผมไว้มากมาย ผมไม่เสียดายเวลาเลยที่ได้ทำทุกอย่างร่วมกับคุณ.. ขอให้คุณเจอคนที่ดีกว่า อย่าให้เจอคนอย่างผมอีกเลย จบงานโปรเจคนี้ คุณจะไม่ได้เจอผมที่บริษัทอีกแล้วนะ ต่อจากนี้ไปจะไม่มีคนบ้าที่ยิงมุกแป๊กๆ พูดผิดๆประจำ จะไม่มีคนที่ทำเรื่องเล่นไปซะทุกเรื่องอีกแล้ว และผมจะปรับปรุงตัว ผมสัญญา...
เรื่องของผู้ชายไม่ได้เรื่องคนหนึ่งกับความรักที่ล้มเหลว
ผมจึงเข้าไปช่วยอาสาล้างจานชาม ขัดหม้อจิ้มจุ่ม ซึ่งขอบอกเลย เหนื่อยโครตตต มันปวดเมื่อยล้าจริงๆ ณ ขณะนั้นครับ แต่ใครจะไปคิดฝันล่ะว่า นั่นคือเวลาแห่งโชคชะตาที่นำมาผมและเธอมาพบกัน ..
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสาระอะไร เพ้อเจ้อไร้สาระ เรียนไปวันๆ บางวันตกดึกหาร้านเกมส์ เมาดอท(เกมส์)กับเพื่อน แล้วก็กลับหอ เกือบๆ แจ้ง หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ(กินจิ้มจุ่ม) ผมก็เจอกับเธอในช่วงที่ลูกค้าเข้าเยอะๆ คนล้างไม่ค่อยพอ บอกตรงๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษมาก ผมคุยกับเธอรวมทั้งกับเพื่อนๆ สนุกสนานเฮฮา แต่ได้คุยกับเธอเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งมันคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าเธอสำหรับผมพิเศษกว่าคนอื่น หลังจากนั้นเราก็จะทำกิจกรรมร่วมกันเสมอๆ บ้างก็เล่นเกมส์ บ้างก็เดินเรียนด้วยกัน เย็นๆ ผมจะเดินไปส่งเธอขึ้นรถกระป้อกลับบ้านทุกวัน จนคำว่า "ความรัก" เริ่มก่อตัวขึ้น..
2 มีนาคม มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมั่นใจว่าผมพร้อมที่จะรับเค้ามาอยู่ในชีวิตผม ผมว่ามันอาจจะเร็วไปที่จะบอกรักใครซักคน แต่เราตัวติดกันตลอด ไปไหนด้วยกันเสมอเหมือนคนที่คบกันมาเป็นปีๆ วันนั้นผมขอเธอเป็น "แฟน" บนรถประจำทางของมหาวิทยาลัย คนอื่นๆเขาก็นั่งเฉยๆ นะ แต่คงจะมีผมและเธอที่ไม่รู้สึกธรรมดาเช่นคนอื่นๆ เธอตอบรับคำขอของผม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักของผมและเธอ
ตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน เธอเป็นคนขยันมานะ มีเพื่อนฝูง เธอมีกลุ่มประจำและผมก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนั้น ผมไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นๆ เท่าไหร่ครับ เพราะมีเธอผมจึงเข้ากับทุกคนในกลุ่มนั้นได้ ตลอดเวลาผมกับเธอตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ไปไหนมาไหนด้วยกัน เธอแทบจะไม่ห่างจากสายตาผม และผมก็ไม่ห่างจากสายตาเธอเลย ยกเว้นตอนกลับถึงบ้านแล้ว
ช่วงปีแรก ผมสะพานโน๊ตบุ๊คซึ่งมีน้ำหนักพอตัว เดินไปส่งเธอถึงท่ารถประจำ ระยะทางไปกลับก็คงจะกิโลกว่าๆได้ ผมกลับมาเหงื่อชุ่มหลังประจำเลย แต่ผมไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อใจอะไรเลย เพราะเขาเป็นคนรัก และผมก็ต้องเป็นห่วงเขาตามประสาคนรัก เรื่องการเรียน เธอเหนือกว่าผมมาก เพราะผมขี้เกียจไม่ขยัน มันก็แหงล่ะ คะแนนจะไปสูงได้ไง เธอก็จับกลุ่มติวและพาผมเรียนจบมาด้วยกัน
ช่วงเรียนอยู่เรามีการทะเลาะกันบ้าง แต่เราก็คืนดีกันได้ทุกครั้ง มีครั้งนึงที่ผมทะเลาะกับเธอหนัก เพราะเธอติดเพื่อน มันทำให้ผมรู้สึกว่าเค้าไม่ค่อยมีเวลาให้จนทำให้เราเลิกกันไปพักนึง ไม่ถึงเดือน ด้วยความที่ว่าผมขาดเค้าไม่ได้ เค้าดีมากสำหรับผม เพราะเค้าไม่เคยนอกลู่นอกทาง เราไม่เคยห่างกัน พอห่างกันแต่ยังไงเวลาเรียนก็ต้องเจอหน้ากัน มันทำให้ผมกลับไปขอคืนดีกับเธอ เพราะผมคิดว่าผมขาดเธอไปไม่ได้..
ก่อนเรียนจบผมวาดฝันไว้ว่าเราต้องทำงานที่เดียวกันเพราะผมจะได้มีเวลาดูแลเธอ และเธอก็จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องของผมมากนัก (ผมแย่ในหลายๆ ด้าน)
แต่...
นั้นคือสิ่งที่ผมคิดพลาดไป จากที่ทำงานด้วยกัน ผมกับเริ่มสนใจแต่งาน พอผิดพลาดก็โทษแต่เธอๆ เรากลับบ้านด้วยอารมณ์บูดบ่อยครั้ง(คนละบ้าน) เพราะผมเป็นคนใจร้อน สมองคิดไม่ทันคำพูด คำพูดส่วนใหญ่ที่ออกจากปากเป็นคำพูดที่ทำร้ายเธอมาก ผมกลับมาคิดที่บ้านว่าพูดไปอย่างนั้นแล้วเธอจะเสียใจขนาดไหน นี่ยังไม่ถึงครึ่งปี เราทะเลาะกันจบแทบจะนับครั้งไม่ได้ จนมีบางครั้งผมถึงกับคิดว่าเราควรเลิกกัน
วันนี้.. เป็นวันที่ผมทำร้ายเธอด้วยคำพูดเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยประโยคที่ว่า "เราคงไปด้วยกันไม่ได้ เลิกกันเถอะ" เพราะผมมันไม่ดีเอง อยู่ไปก็จะทำให้เธอปวดหัวกับคำพูดของผมซะเปล่าๆ เธอกลับบ้านด้วยน้ำตา ซึ่งผมก็กลับบ้านด้วยน้ำตาเช่นกัน ผมได้ทิ้งคนที่ผมรักสุดไป เพราะผมไม่อยากทำร้ายเธอไปมากกว่านี้ ถ้าถามว่าเราจะกลับมา "คืนดี" กันได้ไหม คงต้องตอบว่ายากครับ ครั้งนี้อาการสาหัสเกิน ทำให้ผมรู้ว่าการเป็นคู่รักและทำงานด้วยกัน ถ้าไม่สามารถประคองกันไปด้วยกันได้ ก็จะทำให้ต้องมาถึงจุดล้มเหลว และกลับตัวไม่ทัน แต่ก็มีบ้าง บางคู่รักที่ทำงานด้วยกันก็ยิ่งรักกัน แต่คงไม่ใช่คู่ของผม
สุดท้ายนี้ ขอพูดสิ่งที่อาจจะไม่สามารถพูดไปหาเธอได้..
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับจากเธอ ขอบคุณ 4 ปีกว่าๆ อันมีค่าจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ขอบคุณที่ไม่เคยนอกใจไม่เคยทำให้ผิดหวัง ขอบคุณที่เป็นเพื่อนชีวิตในทุกวันเวลา เธอเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถหาใครมาทดแทนได้ แต่ผมผิดเองที่ทำไม่สามารถเป็นอย่างที่เธอต้องการ ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวัง มีแต่เรื่องที่ต้องทำให้ผิดหวังเสียใจอยู่เรื่อย อยู่กับ "คุณ" ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยซักครั้ง ผมรู้สึกสนุกมาก คุณให้ข้อคิดผมไว้มากมาย ผมไม่เสียดายเวลาเลยที่ได้ทำทุกอย่างร่วมกับคุณ.. ขอให้คุณเจอคนที่ดีกว่า อย่าให้เจอคนอย่างผมอีกเลย จบงานโปรเจคนี้ คุณจะไม่ได้เจอผมที่บริษัทอีกแล้วนะ ต่อจากนี้ไปจะไม่มีคนบ้าที่ยิงมุกแป๊กๆ พูดผิดๆประจำ จะไม่มีคนที่ทำเรื่องเล่นไปซะทุกเรื่องอีกแล้ว และผมจะปรับปรุงตัว ผมสัญญา...