นายลักษณ์ วจนานวัช กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า การล้างหนี้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลชุดที่แล้ว อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานถึง 7 ปีในการล้างหนี้ จากโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด 755,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นหนี้ของโครงการที่เกิดขึ้นก่อนปี 2554 ประมาณ 50,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 700,000 ล้านบาท เป็นโครงการของรัฐบาลชุดที่แล้ว จากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด
หากรัฐบาลใช้อัตราการชำระหนี้ และการระบายข้าว ในปัจจุบัน เป็นฐานการชำระหนี้โครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้ เวลาประมาณ 7 ปี จึงจะชำระหนี้ดังกล่าวได้ทั้งหมด โดยในปี งบประมาณรายจ่าย ปี 2558 กำหนดงบประมาณเพื่อชำระหนี้ โครงการประกันรายได้ชาวนาไว้ 6,880 ล้านบาท และชำระ หนี้โครงการรับจำนำ 71,300 ล้านบาท โดยในวงเงินที่ใช้เพื่อชำระหนี้โครงการรับจำนำ 71,300 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นการชำระเงินต้น 36,900 ล้านบาท และเป็นภาระดอกเบี้ย (คำนวณภาระตลอดปีงบประมาณ 2558 ซึ่งสิ้นสุด ณ 30 ก.ย.58) อีกราว 34,000 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินอีกแหล่งในการชำระหนี้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก คือ เงินที่ได้จากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยในปีงบประมาณ 2558 กำหนดรายได้จากการระบายข้าวเพื่อมาชำระหนี้โครงการนี้ ประมาณ 60,000 ล้านบาท ภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ จะพยายามบริหารการชำระหนี้โครงการรับจำนำข้าวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจัดงบลงทุนพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น จึงต้องกระจายภาระการชำระหนี้โครงการนี้ไปในระยะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันโครงการรับจำนำข้าวเปลือกได้ถูกยกเลิกไปแล้ว และรัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังหาแนวทางช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืนขึ้น โดยวางอยู่บนหลักการ ลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต ทั้งนี้ รัฐบาลชุดที่แล้วได้ทำโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือกทุกเมล็ด โดยให้ราคาสูงกว่าราคาตลาด 40-50% ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะมีผลขาดทุนจากโครงการนี้ โดยคำนวณจาก รายจ่ายของรัฐบาลต่อโครงการนี้ กับรายได้ที่จะขายได้จากข้าว ในสต๊อกแล้ว คาดว่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท.
http://www.thairath.co.th/content/450727 
ธ.ก.ส.โอด 7 ปีล้างหนี้จำนำข้าว 7.5 แสนล้านหมด ขาดทุนบักโกรก 4 แสนล้าน
หากรัฐบาลใช้อัตราการชำระหนี้ และการระบายข้าว ในปัจจุบัน เป็นฐานการชำระหนี้โครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้ เวลาประมาณ 7 ปี จึงจะชำระหนี้ดังกล่าวได้ทั้งหมด โดยในปี งบประมาณรายจ่าย ปี 2558 กำหนดงบประมาณเพื่อชำระหนี้ โครงการประกันรายได้ชาวนาไว้ 6,880 ล้านบาท และชำระ หนี้โครงการรับจำนำ 71,300 ล้านบาท โดยในวงเงินที่ใช้เพื่อชำระหนี้โครงการรับจำนำ 71,300 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นการชำระเงินต้น 36,900 ล้านบาท และเป็นภาระดอกเบี้ย (คำนวณภาระตลอดปีงบประมาณ 2558 ซึ่งสิ้นสุด ณ 30 ก.ย.58) อีกราว 34,000 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินอีกแหล่งในการชำระหนี้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก คือ เงินที่ได้จากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยในปีงบประมาณ 2558 กำหนดรายได้จากการระบายข้าวเพื่อมาชำระหนี้โครงการนี้ ประมาณ 60,000 ล้านบาท ภายใต้นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ จะพยายามบริหารการชำระหนี้โครงการรับจำนำข้าวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจัดงบลงทุนพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น จึงต้องกระจายภาระการชำระหนี้โครงการนี้ไปในระยะยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันโครงการรับจำนำข้าวเปลือกได้ถูกยกเลิกไปแล้ว และรัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังหาแนวทางช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืนขึ้น โดยวางอยู่บนหลักการ ลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต ทั้งนี้ รัฐบาลชุดที่แล้วได้ทำโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือกทุกเมล็ด โดยให้ราคาสูงกว่าราคาตลาด 40-50% ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะมีผลขาดทุนจากโครงการนี้ โดยคำนวณจาก รายจ่ายของรัฐบาลต่อโครงการนี้ กับรายได้ที่จะขายได้จากข้าว ในสต๊อกแล้ว คาดว่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท.
http://www.thairath.co.th/content/450727