สวัสดีค่ะ ขอแทนตัวเองว่าหนูนะค่ะ เพราะเคยชินกับการแทนตัวเองว่าหนู
หนูอายุ 22 ปีค่ะ กำลังเรียนอยู่ปี 3
ชีวิตหนูจะเรียกว่าเปลี่ยนแปลงเส้นกราฟชีวิตไปอย่างมากมายมหาศาลค่ะ บางครั้งก็นึกเศร้าเสียใจว่าทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างเราบ้างเลย
ตอนเด็กๆสักประมาณป.1 เท่าที่จำได้อยู่กับปู่ ย่า ค่ะตอนนั้นแม่ต้องทำงานเลยเอาไปฝากไว้ พ่อแท้ๆกับแม่หนูเลิกกันตอนหนูได้ 3 เดือนค่ะ (แอบอ่านข้างหลังใบหย่า) น่าเศร้าเนอะ แต่ก็เถอะตอนเด็กๆไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอกค่ะ แค่อยู่กับปู่ย่าก็มีความสุขล้นแล้วค่ะตอนนั้นวิ่งเล่นกับเพื่อนอยู่บ้านนอก ตอนนี้ยังโหยหาชีวิตแบบในวัยเด็กช่วงที่อยู่กับปู่อยู่เลยค่ะเวลาที่มีเรื่องเศร้าใจ
จากที่อยู่กับปู่ย่าในวัยเด็ก แม่ก็เริ่มโอเคขึ้นคิดว่านะค่ะเลยรับหนูมาอยู่ด้วยแม่ แม่มีสามีใหม่ค่ะหนูก็เรียกเต็มปากเต็มคำว่าพ่อละค่ะเพราะแกก็ดูแลหนูเหมือนลูกตลอด22ปีมานี้หนูไม่เคยมีความรู้สึกว่าแกเป็นแค่พ่อเลี้ยงเลยค่ะถือว่าโชคดีที่มีพ่อ 2 คน เง้อออ.... ชีวิตในวัยเด็กไม่ลำบากเลยนะค่ะสนุกสนานแต่ก็มีต้องช่วยแม่เรื่องงานค้าขายอยู่ประจำเพราะแม่หนูค้าขายค่ะ ขายกล้วยไม้เอย ผลไม้ กับข้าวแบบขายส่ง โอ้ยทำหมดละค่ะแต่ชีวิตความเป็นอยู่ถือว่าดีนะค่ะช่วงนั้นสุดท้ายแม่ก็มาขายก๋วยจั๊บญวนค่ะ(อร่อยมากนะ)ขายดีมากๆเลยค่ะช่วงที่แม่ขายน่าจะหนูอยู่ ป.5 ขึ้นป.6 พ่อ(เลี้ยง)มาทำงานที่ต่างจังหวัดค่ะ กลับบ้านเดือนละครั้งสองครั้งได้ แล้วสุดท้ายตอนขึ้นป.6เทอม2 หนูสอบได้ที่1ของห้องค่ะ ตอนนั้นครูจะให้ย้ายไปเรียนห้องคิงค์คือประมาณว่ามีแต่คนเก่งๆประมาณนี้อะค่ะ แต่พ่อแม่ลงความเห็นกันว่าจะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดที่พ่อทำงานค่ะหนูเลยต้องย้ายตามพ่อมาเรียนต่อป.6เทอม2 ได้อยู่ห้องป.6 ค. T^T โธ่
ชีวิตดำเนินมาเรื่อยคะ อยู่สบายพ่อแม่มีรถใช้งานที่ทำเป็นงานแบบขายกินเปอร์เซนช่วงปี54 กิจการขายดีมากช่วงนั้นเห็นรายได้พ่อแม่เยอะมากค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนสินะค่ะ พ่อกับแม่ก็มีเรื่องถะเลาะเบาะแวงกันเลยเลิกกันค่ะ โดยที่ทำงานแบ่งกันคนละครึ่ง แม่ทำงานช่วงกะกลางวัน พ่อทำกลางคืน สลับกันค่ะ ไม่ยอมจ้างคนอื่น ปีใหม่ สงกรานณ์หนูไม่เคยได้สัมผัสหรอกค่ะ เลยกลายเป็นคนไม่เห็นคุณค่าของวันเทศกาลแบบนี้เลย รู้แค่ว่าเทศกาลลูกค้าจะเยอะมากๆพ่อแม่จะไม่มีเวลา กินข้าวยังต้องเดินกิน แทบไม่พักเลย
อ๋อพ่อแม่พอตัดสินใจเลิกกันแม่ก็พาหนูมาอยู่ต่างหากค่ะเป็นห้องแถวใกล้ๆกับที่ทำงานก็มีความสุขดีค่ะหนูก็เดินไปเล่นที่ทำงานพ่อแม่ประจำไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ ชีวิตประจำวัน บางทีก็ยังกินข้าวเย็นด้วยกันอยู่เลย แค่ทุกอย่างหารสอง แต่หนูก็มีกินมีใช้สบายทุกอย่างค่ะ เครื่องสำอางค์ก็ใช้ของแพนคอสเมติก (พวกครีมบำรุง) พ่อก็ไปรับไปส่งโรงเรียน ช่วงม. 2 แม่ซื้อแหวนทองกับกำไรข้อมือทองให้ใส่ ไม่เห็นค่าค่ะไม่อยากจะใส่ด้วยซ้ำเพราะไม่เห็นเพื่อนๆจะใส่เลย(ความคิดตอนนั้นนะค่ะ) ฟูจิแม่พาไปกินเป็นเรื่องปกติกินจนคิดว่าอาหารปกติเหมือนทั่วไป ปิดเทอมก็เข้ามาเรียนพิเศษในตัวเมืองแต่เกเรค่ะ แอบหนี้เรียนประจำเพราะเข้าเรียนแล้วตอบคำถามไม่ได้ อายค่ะเลยไม่อยากไป ผ่านไปมาแปปเดียวจบม.3ละค่ะ ขึ้นม.4 หนูก็เกเรค่ะ คือเป็นคนที่เงียบนะค่ะแต่จะหัวดื้อ หนีออกจากบ้านเฉยเลยค่ะ เอาเงินแม่ไป 2 หมื่น โธ่อยากย้อนเวลาได้จริงๆเลยค่ะT^T ออกไปก็ไปเช่าหออยู่ สบายใจดีค่ะตอนนั้นคิดว่าเป็นอิสระ เพราะเมื่อก่อนแม่ไม่ให้ไปไหนเลยค่ะบ้านเพื่อนอะไรก็ไม่ได้ค่ะไปได้แค่โรงเรียน T^T เก็บกดว่างั้น เช่าหออยู่พอเงินใกล้หมดก็ทำงานค่ะเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าค่ะตอนนั้นพอดีแม่มาเจอแม่ก็ให้กลับไปบ้านค่ะ ก็กลับไปเรียนต่อแต่ก็ไม่เรียนที่เดิมนะค่ะไปที่อื่นเป็นสายอาชีพเอกชนค่ะ เรียนไปได้เทอมแรกก็ ออกจากบ้านอีกค่ะ ไม่มีบัญหาติดเพื่อนอะไรแบบนี้นะค่ะ ออกไปก็ไปอยู่คนเดียวคือตอนนั้นยอมรับว่ามีปัญหามากกับเรื่องแบบแม่ไม่ยอมให้ไปไหนเลยคือเก็บกดค่ะ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดค่ะกลับบ้านแล้วก็เริ่มเรียนใหม่ ตอนนั้นแม่ให้อยู่หอในโรงเรียนเลยค่ะ ปวช.1 หนึ่งห้องอยู่กับรูมเมท อีก2 คน ผ้าไม่ต้องซักรีดมีแม่บ้านทำให้ค่ะ ข้าวก็ทานที่โรงเรียน คือรวมทุกอย่างไว้แล้วเราไม่ต้องทำอะไรแค่เรียนค่ะ แต่ออกไปไหนไม่ได้นะค่ะขึ้นหอก็ต้องขึ้นก่อน 6 โมง วันอาทิตต้องไปโบสถ์ เป็นโรงเรียนคาทอลิกค่ะ แต่ก็ไม่อึดอันนะค่ะกลับบ้านอาทิตละครั้งวันศุกร์เย็นกลับ บ่ายอาทิตก็กลับมาให้ทันไปโบถส์ตอนเย็น ชีวิตก็โอเคค่ะหนูก็เรียนอย่างเดียวแล้ว คือคิดว่าจะตั้งใจเพราะที่ผ่านมาเกเร แต่ชีวิตเริ่มพลิกพลันค่ะ ขึ้นปี 2 หนูก็ต้องไปกลับ ใช้เวลาเดินทางจากบ้านเข้าตัวเมืองประมาณ 35 กิโลค่ะ และแล้ววันเวลาแห่งจุดเปลี่ยนก็เข้ามา ปี 53 งานที่พ่อแม่ทำก็มีปัญหาเค้าเปลี่ยนระบบบริหารใหม่ไม่ให้ผ่านเราแต่บริษัทจะทำเองค่ะไม่มีการแบ่งเปอร์เซนใดๆบริษัทออกมาบริหารเองทั้งหมดค่ะ พ่อกับแม่ก็กลายเป็นคนตกงาน วันนั้นตกใจมากค่ะกลับบ้านมาที่บ้านปิดไฟหมดมีกระดาษหนังสือพิมแปะปิดตรงป้ายบริษัท หนูสลดมากค่ะ แม่วิ่งเข้าไปหาผู้ใหญ่ในบริษัทขอร้องให้เราได้ทำต่อแต่เค้าก็ไม่ใยดีหรอกค่ะ ทำไงได้ละค่ะเค้าเป็นเจ้าของเค้าก็คงทำยังไงก็ได้ เค้าไม่คิดบ้างว่าเราบุกเบิกหาช่องทางตรงนั้นตั้งแต่จุดนั้นไม่มีใครสนใจทำมาตั้งแต่สมัยเตี๋ยเค้าอยู่จนเตี๋ยเค้าตาย เมื่อออนว้อนไม่เป็นผลสำเร็จเราก็หันหลังก้มหน้ารับค่ะ เก็บของทุกอย่างออกมาจากตรงนั้น (ตรงนั้นเป็นที่ดินเช่าค่ะ คือก็เช่ากับหุ่นส่วนของบริษัทที่เราทำงานแหละค่ะ) เหลือเพียงป้ายและลูกค้ามากมายที่เราเป็นคนบุกเบิกทำมา น้ำตาคลอค่ะตอนนี้ เมื่อย้ายออกมาพ่อแม่ก็มาซื้อบ้านอีกตำบลหนึ่งค่ะ ซื้อโดยเงินเก็บของแม่ ที่มีอยู่ประมาณ 7 แสน (พ่อไม่มีเงินเก็บค่ะเพราะแกเป็นคนไม่เก็บมีเท่าไรใช้หมด) ซื้อบ้านมือ 2 ค่ะ ราคาค่ะประมาณ 7 แสน เป็นบ้านเดียว 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำตกแต่งภายในเป็นเฟอนิเจอไม้เรียกได้ว่าสวยหรูค่ะ ตอนซื้อตกลงกับเจ้าของว่าเราขอจ่ายก่อน 5แสน5 อีก แสน5 จะเอามาจ่ายทีหลังกำหนดวันไหนไม่รู้นะค่ะรายละเอียดหนูไม่ได้ถามแม่ แต่อยู่ไปสักหน่อยเจ้าของบ้านเค้าก็มาขอเงินส่วนที่เหลือค่ะโดยที่ตอนแรกตกลงกันไว้ขอเวลาไว้แล้วเค้าก็โอเค ถ้าเราจ่ายไปหมดเราก็จะไม่เหลือเงินเลยสักบาท สุดท้ายแม่ตัดสินใจขายบ้านต่อให้เพื่อนของพ่อค่ะโดยไม่เอากำไรขายเท่าทุนแล้วเราก็มาเช้าบ้านอยู่เดือนละ 2500 บาท เงินที่เหลือ แม่ให้คนรู้จักเอาไปทำดอกค่ะแต่แม่ได้ไม่มากหรอกนะค่ะแม่ให้คนแรกไป 2แสนเห็นได้ดอกกลับมาเดือนละ10000 อีกคนให้ไป 2แสน9 ก็ได้ดอกมาเดือนละ 1หมื่นกว่าๆ แต่ก็โชคร้ายอีกค่ะ คนที่เอาไปทำดอกเค้าบอกว่าลูกค้าโกงไม่คืนเงินเค้าจะใช้ต้นให้เดือนละ 10000 บาท(เจ้าแรกนะค่ะที่ให้ยืมไป 2 แสน) คิดดูนะค่ะให้คือแค่ต้นเดือนละ 1 หมื่นไม่มีดอกนะค่ะ คือเงินที่ได้คืนมามันไม่เป็นก้อนมันก็ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้กลับมาเดือนละหมื่นก็ต้องกินต้องใช้ไปจะไปเราจะเหลืออะไรค่ะ ถัดมาอีกเจ้าที่ให้ยืมไป 2 แสน 9 ก็อีร๋อบเดียวกันค่ะลูกหนี้เค้าตายแต่เจ้านี้ขอส่งต้นเดือนละ 4 พันโดยไม่มีดอก อยากจะร้องให้ค่ะอะไรนักหนา เป็นเวรกรรมอะไรของเรากันค่ะ ทุกวันนี้บ้านไม่อยู่ค่ะ เช่าอยู่ รถไม่มีใช้แม้แต่มอไซต์ค่ะ พ่อก็ไปทำงานอีกทีเพื่อที่จะส่งเงินมาให้ใช้ ได้เดือละไม่มากหรอกค่ะเราต้องประหยัดสุดๆ ช่วงนี่งเข็นถังน้ำแข็งใส่น้ำแข็งใส่น้ำอัดลมไปขายหน้าโรงเรียนเข็นไปโดยใช้ล้อพอจะนึกออกกันมัยค่ะขายได้วันละร้อยสองร้อย ทำงานทุกอย่างค่ะ ช่วงปี 1 ปิดเทอมก็ไปทำงานรับจ้างกับแม่ทำที่ร้านข้าวมันไก่ได้วันละ 180 ค่ะ 2คนกับแม่ ตกวันละ 3 ร้อยกว่าบาท ปิดเทอมที่แล้วหนูก็ไปเป็นเมทที่โรงแรมทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ กวาดลานจอดรถ ทำทุกอย่างค่ะได้ค่ะแรงวันละ 300 ทุกวันหนูต้องเดินไปรอรถเมย์ที่หน้าปากซอยเข้าบ้าน ไกลอยู่นะค่ะ แต่ก็พอเดินไหว บางวันมีเงินติดตัวไปฒมหาลัยแค่ 20 บาท วันนี้รองเท้าขาดตอนขากลับบ้านแย่จังค่ะ T^T กระเป้าก็ใช้ถุงผ้า ขาดด้วยค่ะบางใบ T^T
.................................. ยาวมากเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่าน ขอบคุณทุกกำลังใจไว้ล่วงหน้าเลยนะค่ะ สักวันหนูจะได้ดีเลี้ยงพ่อแม่ ปัจจุบันนี้แม่หนูเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือดสูง หนังตาตกลืมไม่ขึ้นค่ะแต่มองเห็นทำงานอะไรไม่ได้แล้วค่ะ อยู่บ้านเฉยๆหนู่ก็อยากให้แกอยู่เฉยๆละค่ะ ต่อไปอีก 2 ปีหนูเรียนจบ ทุกอย่างคงดีขึ้นคงได้ทำงาเลี้ยงพ่อแม่ ปัจจุบันกยศ.ของหาลัยหนูก็กูไม่ได้มหาลัยบอกว่างบประมาณไม่เพิ่งพอไม่รู้จะกู้ได้มัย คุยกับแม่าถ้ากู้ไม่ได้คงจะเรียนปี 3 ให้จบ ดร็อปไว้ก่อนคงต้องทำงานแล้วค่อยมาคิดเรื่องเรียนต่อทีหลังเพราะบ้านเราต้องนี้แทบจะไม่ค่อยมีตังค์แล้วค่ะ เค้าบอกว่าชีวิตมีขึ้นมีลง หนูเชื่อค่ะ สักวันชีวิตหนูจะดีขึ้น จะไม่ท้อในชีวิตตัวเองจะสู้ต่อไปจะมีความพยายาม และอยากให้คนที่พบเจอปัญหาอย่าหมดความพยายามอย่าสินหวังนะค่ะ
เรื่องเล่าวันเศร้าใจ
หนูอายุ 22 ปีค่ะ กำลังเรียนอยู่ปี 3
ชีวิตหนูจะเรียกว่าเปลี่ยนแปลงเส้นกราฟชีวิตไปอย่างมากมายมหาศาลค่ะ บางครั้งก็นึกเศร้าเสียใจว่าทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างเราบ้างเลย
ตอนเด็กๆสักประมาณป.1 เท่าที่จำได้อยู่กับปู่ ย่า ค่ะตอนนั้นแม่ต้องทำงานเลยเอาไปฝากไว้ พ่อแท้ๆกับแม่หนูเลิกกันตอนหนูได้ 3 เดือนค่ะ (แอบอ่านข้างหลังใบหย่า) น่าเศร้าเนอะ แต่ก็เถอะตอนเด็กๆไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอกค่ะ แค่อยู่กับปู่ย่าก็มีความสุขล้นแล้วค่ะตอนนั้นวิ่งเล่นกับเพื่อนอยู่บ้านนอก ตอนนี้ยังโหยหาชีวิตแบบในวัยเด็กช่วงที่อยู่กับปู่อยู่เลยค่ะเวลาที่มีเรื่องเศร้าใจ
จากที่อยู่กับปู่ย่าในวัยเด็ก แม่ก็เริ่มโอเคขึ้นคิดว่านะค่ะเลยรับหนูมาอยู่ด้วยแม่ แม่มีสามีใหม่ค่ะหนูก็เรียกเต็มปากเต็มคำว่าพ่อละค่ะเพราะแกก็ดูแลหนูเหมือนลูกตลอด22ปีมานี้หนูไม่เคยมีความรู้สึกว่าแกเป็นแค่พ่อเลี้ยงเลยค่ะถือว่าโชคดีที่มีพ่อ 2 คน เง้อออ.... ชีวิตในวัยเด็กไม่ลำบากเลยนะค่ะสนุกสนานแต่ก็มีต้องช่วยแม่เรื่องงานค้าขายอยู่ประจำเพราะแม่หนูค้าขายค่ะ ขายกล้วยไม้เอย ผลไม้ กับข้าวแบบขายส่ง โอ้ยทำหมดละค่ะแต่ชีวิตความเป็นอยู่ถือว่าดีนะค่ะช่วงนั้นสุดท้ายแม่ก็มาขายก๋วยจั๊บญวนค่ะ(อร่อยมากนะ)ขายดีมากๆเลยค่ะช่วงที่แม่ขายน่าจะหนูอยู่ ป.5 ขึ้นป.6 พ่อ(เลี้ยง)มาทำงานที่ต่างจังหวัดค่ะ กลับบ้านเดือนละครั้งสองครั้งได้ แล้วสุดท้ายตอนขึ้นป.6เทอม2 หนูสอบได้ที่1ของห้องค่ะ ตอนนั้นครูจะให้ย้ายไปเรียนห้องคิงค์คือประมาณว่ามีแต่คนเก่งๆประมาณนี้อะค่ะ แต่พ่อแม่ลงความเห็นกันว่าจะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดที่พ่อทำงานค่ะหนูเลยต้องย้ายตามพ่อมาเรียนต่อป.6เทอม2 ได้อยู่ห้องป.6 ค. T^T โธ่
ชีวิตดำเนินมาเรื่อยคะ อยู่สบายพ่อแม่มีรถใช้งานที่ทำเป็นงานแบบขายกินเปอร์เซนช่วงปี54 กิจการขายดีมากช่วงนั้นเห็นรายได้พ่อแม่เยอะมากค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนสินะค่ะ พ่อกับแม่ก็มีเรื่องถะเลาะเบาะแวงกันเลยเลิกกันค่ะ โดยที่ทำงานแบ่งกันคนละครึ่ง แม่ทำงานช่วงกะกลางวัน พ่อทำกลางคืน สลับกันค่ะ ไม่ยอมจ้างคนอื่น ปีใหม่ สงกรานณ์หนูไม่เคยได้สัมผัสหรอกค่ะ เลยกลายเป็นคนไม่เห็นคุณค่าของวันเทศกาลแบบนี้เลย รู้แค่ว่าเทศกาลลูกค้าจะเยอะมากๆพ่อแม่จะไม่มีเวลา กินข้าวยังต้องเดินกิน แทบไม่พักเลย
อ๋อพ่อแม่พอตัดสินใจเลิกกันแม่ก็พาหนูมาอยู่ต่างหากค่ะเป็นห้องแถวใกล้ๆกับที่ทำงานก็มีความสุขดีค่ะหนูก็เดินไปเล่นที่ทำงานพ่อแม่ประจำไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ ชีวิตประจำวัน บางทีก็ยังกินข้าวเย็นด้วยกันอยู่เลย แค่ทุกอย่างหารสอง แต่หนูก็มีกินมีใช้สบายทุกอย่างค่ะ เครื่องสำอางค์ก็ใช้ของแพนคอสเมติก (พวกครีมบำรุง) พ่อก็ไปรับไปส่งโรงเรียน ช่วงม. 2 แม่ซื้อแหวนทองกับกำไรข้อมือทองให้ใส่ ไม่เห็นค่าค่ะไม่อยากจะใส่ด้วยซ้ำเพราะไม่เห็นเพื่อนๆจะใส่เลย(ความคิดตอนนั้นนะค่ะ) ฟูจิแม่พาไปกินเป็นเรื่องปกติกินจนคิดว่าอาหารปกติเหมือนทั่วไป ปิดเทอมก็เข้ามาเรียนพิเศษในตัวเมืองแต่เกเรค่ะ แอบหนี้เรียนประจำเพราะเข้าเรียนแล้วตอบคำถามไม่ได้ อายค่ะเลยไม่อยากไป ผ่านไปมาแปปเดียวจบม.3ละค่ะ ขึ้นม.4 หนูก็เกเรค่ะ คือเป็นคนที่เงียบนะค่ะแต่จะหัวดื้อ หนีออกจากบ้านเฉยเลยค่ะ เอาเงินแม่ไป 2 หมื่น โธ่อยากย้อนเวลาได้จริงๆเลยค่ะT^T ออกไปก็ไปเช่าหออยู่ สบายใจดีค่ะตอนนั้นคิดว่าเป็นอิสระ เพราะเมื่อก่อนแม่ไม่ให้ไปไหนเลยค่ะบ้านเพื่อนอะไรก็ไม่ได้ค่ะไปได้แค่โรงเรียน T^T เก็บกดว่างั้น เช่าหออยู่พอเงินใกล้หมดก็ทำงานค่ะเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าค่ะตอนนั้นพอดีแม่มาเจอแม่ก็ให้กลับไปบ้านค่ะ ก็กลับไปเรียนต่อแต่ก็ไม่เรียนที่เดิมนะค่ะไปที่อื่นเป็นสายอาชีพเอกชนค่ะ เรียนไปได้เทอมแรกก็ ออกจากบ้านอีกค่ะ ไม่มีบัญหาติดเพื่อนอะไรแบบนี้นะค่ะ ออกไปก็ไปอยู่คนเดียวคือตอนนั้นยอมรับว่ามีปัญหามากกับเรื่องแบบแม่ไม่ยอมให้ไปไหนเลยคือเก็บกดค่ะ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดค่ะกลับบ้านแล้วก็เริ่มเรียนใหม่ ตอนนั้นแม่ให้อยู่หอในโรงเรียนเลยค่ะ ปวช.1 หนึ่งห้องอยู่กับรูมเมท อีก2 คน ผ้าไม่ต้องซักรีดมีแม่บ้านทำให้ค่ะ ข้าวก็ทานที่โรงเรียน คือรวมทุกอย่างไว้แล้วเราไม่ต้องทำอะไรแค่เรียนค่ะ แต่ออกไปไหนไม่ได้นะค่ะขึ้นหอก็ต้องขึ้นก่อน 6 โมง วันอาทิตต้องไปโบสถ์ เป็นโรงเรียนคาทอลิกค่ะ แต่ก็ไม่อึดอันนะค่ะกลับบ้านอาทิตละครั้งวันศุกร์เย็นกลับ บ่ายอาทิตก็กลับมาให้ทันไปโบถส์ตอนเย็น ชีวิตก็โอเคค่ะหนูก็เรียนอย่างเดียวแล้ว คือคิดว่าจะตั้งใจเพราะที่ผ่านมาเกเร แต่ชีวิตเริ่มพลิกพลันค่ะ ขึ้นปี 2 หนูก็ต้องไปกลับ ใช้เวลาเดินทางจากบ้านเข้าตัวเมืองประมาณ 35 กิโลค่ะ และแล้ววันเวลาแห่งจุดเปลี่ยนก็เข้ามา ปี 53 งานที่พ่อแม่ทำก็มีปัญหาเค้าเปลี่ยนระบบบริหารใหม่ไม่ให้ผ่านเราแต่บริษัทจะทำเองค่ะไม่มีการแบ่งเปอร์เซนใดๆบริษัทออกมาบริหารเองทั้งหมดค่ะ พ่อกับแม่ก็กลายเป็นคนตกงาน วันนั้นตกใจมากค่ะกลับบ้านมาที่บ้านปิดไฟหมดมีกระดาษหนังสือพิมแปะปิดตรงป้ายบริษัท หนูสลดมากค่ะ แม่วิ่งเข้าไปหาผู้ใหญ่ในบริษัทขอร้องให้เราได้ทำต่อแต่เค้าก็ไม่ใยดีหรอกค่ะ ทำไงได้ละค่ะเค้าเป็นเจ้าของเค้าก็คงทำยังไงก็ได้ เค้าไม่คิดบ้างว่าเราบุกเบิกหาช่องทางตรงนั้นตั้งแต่จุดนั้นไม่มีใครสนใจทำมาตั้งแต่สมัยเตี๋ยเค้าอยู่จนเตี๋ยเค้าตาย เมื่อออนว้อนไม่เป็นผลสำเร็จเราก็หันหลังก้มหน้ารับค่ะ เก็บของทุกอย่างออกมาจากตรงนั้น (ตรงนั้นเป็นที่ดินเช่าค่ะ คือก็เช่ากับหุ่นส่วนของบริษัทที่เราทำงานแหละค่ะ) เหลือเพียงป้ายและลูกค้ามากมายที่เราเป็นคนบุกเบิกทำมา น้ำตาคลอค่ะตอนนี้ เมื่อย้ายออกมาพ่อแม่ก็มาซื้อบ้านอีกตำบลหนึ่งค่ะ ซื้อโดยเงินเก็บของแม่ ที่มีอยู่ประมาณ 7 แสน (พ่อไม่มีเงินเก็บค่ะเพราะแกเป็นคนไม่เก็บมีเท่าไรใช้หมด) ซื้อบ้านมือ 2 ค่ะ ราคาค่ะประมาณ 7 แสน เป็นบ้านเดียว 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำตกแต่งภายในเป็นเฟอนิเจอไม้เรียกได้ว่าสวยหรูค่ะ ตอนซื้อตกลงกับเจ้าของว่าเราขอจ่ายก่อน 5แสน5 อีก แสน5 จะเอามาจ่ายทีหลังกำหนดวันไหนไม่รู้นะค่ะรายละเอียดหนูไม่ได้ถามแม่ แต่อยู่ไปสักหน่อยเจ้าของบ้านเค้าก็มาขอเงินส่วนที่เหลือค่ะโดยที่ตอนแรกตกลงกันไว้ขอเวลาไว้แล้วเค้าก็โอเค ถ้าเราจ่ายไปหมดเราก็จะไม่เหลือเงินเลยสักบาท สุดท้ายแม่ตัดสินใจขายบ้านต่อให้เพื่อนของพ่อค่ะโดยไม่เอากำไรขายเท่าทุนแล้วเราก็มาเช้าบ้านอยู่เดือนละ 2500 บาท เงินที่เหลือ แม่ให้คนรู้จักเอาไปทำดอกค่ะแต่แม่ได้ไม่มากหรอกนะค่ะแม่ให้คนแรกไป 2แสนเห็นได้ดอกกลับมาเดือนละ10000 อีกคนให้ไป 2แสน9 ก็ได้ดอกมาเดือนละ 1หมื่นกว่าๆ แต่ก็โชคร้ายอีกค่ะ คนที่เอาไปทำดอกเค้าบอกว่าลูกค้าโกงไม่คืนเงินเค้าจะใช้ต้นให้เดือนละ 10000 บาท(เจ้าแรกนะค่ะที่ให้ยืมไป 2 แสน) คิดดูนะค่ะให้คือแค่ต้นเดือนละ 1 หมื่นไม่มีดอกนะค่ะ คือเงินที่ได้คืนมามันไม่เป็นก้อนมันก็ทำอะไรก็ไม่ได้ ได้กลับมาเดือนละหมื่นก็ต้องกินต้องใช้ไปจะไปเราจะเหลืออะไรค่ะ ถัดมาอีกเจ้าที่ให้ยืมไป 2 แสน 9 ก็อีร๋อบเดียวกันค่ะลูกหนี้เค้าตายแต่เจ้านี้ขอส่งต้นเดือนละ 4 พันโดยไม่มีดอก อยากจะร้องให้ค่ะอะไรนักหนา เป็นเวรกรรมอะไรของเรากันค่ะ ทุกวันนี้บ้านไม่อยู่ค่ะ เช่าอยู่ รถไม่มีใช้แม้แต่มอไซต์ค่ะ พ่อก็ไปทำงานอีกทีเพื่อที่จะส่งเงินมาให้ใช้ ได้เดือละไม่มากหรอกค่ะเราต้องประหยัดสุดๆ ช่วงนี่งเข็นถังน้ำแข็งใส่น้ำแข็งใส่น้ำอัดลมไปขายหน้าโรงเรียนเข็นไปโดยใช้ล้อพอจะนึกออกกันมัยค่ะขายได้วันละร้อยสองร้อย ทำงานทุกอย่างค่ะ ช่วงปี 1 ปิดเทอมก็ไปทำงานรับจ้างกับแม่ทำที่ร้านข้าวมันไก่ได้วันละ 180 ค่ะ 2คนกับแม่ ตกวันละ 3 ร้อยกว่าบาท ปิดเทอมที่แล้วหนูก็ไปเป็นเมทที่โรงแรมทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ กวาดลานจอดรถ ทำทุกอย่างค่ะได้ค่ะแรงวันละ 300 ทุกวันหนูต้องเดินไปรอรถเมย์ที่หน้าปากซอยเข้าบ้าน ไกลอยู่นะค่ะ แต่ก็พอเดินไหว บางวันมีเงินติดตัวไปฒมหาลัยแค่ 20 บาท วันนี้รองเท้าขาดตอนขากลับบ้านแย่จังค่ะ T^T กระเป้าก็ใช้ถุงผ้า ขาดด้วยค่ะบางใบ T^T
.................................. ยาวมากเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่าน ขอบคุณทุกกำลังใจไว้ล่วงหน้าเลยนะค่ะ สักวันหนูจะได้ดีเลี้ยงพ่อแม่ ปัจจุบันนี้แม่หนูเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมันในเส้นเลือดสูง หนังตาตกลืมไม่ขึ้นค่ะแต่มองเห็นทำงานอะไรไม่ได้แล้วค่ะ อยู่บ้านเฉยๆหนู่ก็อยากให้แกอยู่เฉยๆละค่ะ ต่อไปอีก 2 ปีหนูเรียนจบ ทุกอย่างคงดีขึ้นคงได้ทำงาเลี้ยงพ่อแม่ ปัจจุบันกยศ.ของหาลัยหนูก็กูไม่ได้มหาลัยบอกว่างบประมาณไม่เพิ่งพอไม่รู้จะกู้ได้มัย คุยกับแม่าถ้ากู้ไม่ได้คงจะเรียนปี 3 ให้จบ ดร็อปไว้ก่อนคงต้องทำงานแล้วค่อยมาคิดเรื่องเรียนต่อทีหลังเพราะบ้านเราต้องนี้แทบจะไม่ค่อยมีตังค์แล้วค่ะ เค้าบอกว่าชีวิตมีขึ้นมีลง หนูเชื่อค่ะ สักวันชีวิตหนูจะดีขึ้น จะไม่ท้อในชีวิตตัวเองจะสู้ต่อไปจะมีความพยายาม และอยากให้คนที่พบเจอปัญหาอย่าหมดความพยายามอย่าสินหวังนะค่ะ