บอกก่อนว่ายาวหน่อยนะคะ....ถ้าเขียนเหมือนนิยายให้โทษที่เราชอบเขียนนิยายเลยนะ ฮ่าๆๆ แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ
เชื่อมั้ย....ว่าเราเป็นผู้หญิงเพ้อฝัน รอคนที่ใช่ ที่ชอบตกหลุมรักคนง่ายและก็ลืมง่ายเช่นกัน

แล้วเชื่อมั้ย....ว่าเราสามารถตกหลุมรักหลายๆ คนในเวลาเดียวกัน

แต่เชื่อมั้ย....ว่ามีอยู่ "คนนึง" ที่เราแอบชอบมา 4 ปีแล้วล่ะ
เด็กผู้หญิงเพ้อเจ้อคนนี้ชอบผู้ชายตัวสูง ยิ้มสวย เล่นกีต้าร์เป็น แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก จวบจนปัจจุบัน
คงด้วยความเยอะทำให้ทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีแฟนเลยซักคน ตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธทุกคนเพื่อรอคนที่ใช่
แต่ในระหว่างรอก็แอบปลื้มไปทั่ว (ไม่ได้หลายใจมันแค่เป็นสีสันในชีวิตเท่านั้นแหละค่ะ

)
สุดท้าย....แอบปลื้มก็ลืมหมด อย่าว่าแหละ....มันก็แค่ปลื้มอ่ะเนอะ
แต่แล้ว....เข้ามหาลัยปีหนึ่งโชคชะตาก็ดลบันดาล กลั่นแกล้งให้เราต้องไปที่คลินิคจนได้พบกับ "พี่คนนึง" ใส่เสื้อสีเขียวนั่งก้มหน้าเล่นกีต้าร์อยู่ ระหว่างรอยาด้วยความที่เราชอบผู้ชายเล่นกีต้าร์อยู่แล้วจึงมองพี่เขาอยู่แบบนั้น จนพี่เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้...ความรู้สึก ณ ตอนนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งมีแต่รอยยิ้มและแสงสว่างที่เปร่งประกายรอบตัวพี่เขาเท่านั้น ฮ่าๆๆๆ วันนั้นเข้าใจเการ์ตูนตาหวานที่อ่านบ่อยๆ ตอนประถมเลยขอบอก
นั่นคือความประทับใจแรก แค่เพียงรอยยิ้มนั้นสามารถทำให้เรามานั่งเพ้อหลายวันเชียวล่ะ
...........................
"พี่คนนั้น" ตัวค่อนข้างสูง ผิวขาว ถ้ามองแบบทั่วไปก็หน้าตาใช้ได้คนนึงเลยค่ะ แต่สำหรับเรา...พี่เขามีรอยยิ้มที่สว่าง สดใส ยิ้มแล้วทำให้อยากยิ้มตาม

ด้วยความเป็นผู้หญิงพูดมาก ชอบแชร์ประสบการณ์จึงทำให้บอกเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มไปหมดเลยว่า
"เฮ้ยแก๊!!! ฉันไปทำ

ตกไว้ที่ร้าน...กับพี่คนนึงว่ะ คือมันใช่อ่ะ แค่ฉากเล่นกีต้าร์ก็ใจละลายแล้ว เจอรอยยิ้มพิฆาตเข้าไปแทบอยากนอนตายตรงนั้นเลย

"
เพื่อนทุกคนถามกลับมาว่า..."เอาอีกแล้วหรอ" ก็อย่างว่าล่ะค่ะ แอบปลื้มคนอื่นบ่อยบอกกับเพื่อนหมด แต่มีเพื่อนอยู่คนนึงที่ถามกลับ
"ร้าน...ใกล้ๆ...งั้นหรอ ร้านนี้เขามีลูกชายสองคนนะ คนโตจบมานานแล้ว แต่อีกคนพึ่งจบเลย แกไปตกหลุมรักคนไหนล่ะ"
"ไม่รู้ว่ะ วันนั้นฉันไปเห็นพี่เขาคนเดียว ที่สูงๆ หน่อย ขาวๆ ตัวไม่บางมากนัก แล้วก็มีรอยยิ้มที่ทำให้ลืมโลกได้อ่ะ

"
"งั้นคงเป็นคนเล็กแน่ๆ ถ้าคนเล็กอ่ะเขาชื่อ T น่ะ"
หลังจากวันนั้นรอยยิ้มยังคงติดตาอยู่เช่นเดิม จนเราต้องไปที่นั่นอีกครั้งแต่รอบนี้เราไม่เจอพี่เขานะ เราทำเป็นนอยด์ๆ เดินมาบอกเพื่อน
"แก! พี่ T เขาไม่อยู่อ่ะ เรารู้สึกเสียใจ

" ตอนนั้นถึงเราจะพูดไปแบบนั้นแต่เราไม่ได้รู้สึกตามนั้นนะ เราแค่แกล้งๆ ไปตามนิสัย(บ้าผู้ชาย) ของเรา จนเพื่อนเราคนเดิมหันมาแล้วบอกว่า "คงไปวิปัสนามั้งช่วงนี้ พี่เขาชอบเข้าวัดอ่ะ"
"แกรู้ได้ไงวะ ไปเป็นติ่งพี่เขางั้นหรอ!!!"
"เปล่าย่ะ ป้าแฟนเขารู้จักและสนิทกับครอบครัวนั้นฉันเลยพอรู้อะไรมาบ้าง"
หลังจากวันนั้นฉันเองที่นั่งรถผ่านและไปร้านนั้นบ่อยๆ (ด้วยความจำเป็น) ฉันมักได้เห็นรอยยิ้มและอิริยาบทของพี่เขาต่างๆ รวมทั้งได้รับฟังและได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนคนนี้เป็นประจำ ทำให้พอจะรู้เรื่องาวของพี่เขาเพิ่มบ้างว่า พี่เขามีแฟนแต่แฟนไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วคงห่างๆ กันไป (แต่ไม่รู้ว่าเลิกกันหรือเปล่า) แถมยังได้รู้อีกว่าพี่เขาทำงานเก็บเงินแต่ไม่ได้จะไปขอผู้หญิงแต่งงาน ซื้อบ้านหรือซื้อรถนะ พี่เขาเก็บเงินไว้สร้างห้องวิปัสนา

.........จนกระทั้งตอนปีสอง ฉันก็ไปร้านนี้เป็นปกติ เจอพี่เขาก็ยิ้มและทักทายบ้างตามโอกาส แต่ครั้งนี้รู้สึกแปลกๆ พี่เขายิ้มให้เราแต่หลบตาเรา ทำหน้าเขินๆ มักใช้มือเกาท้ายทอยทุกครั้ง เราเองก็ไม่ได้แปลกในอะไรเพราะรู้มาว่าพี่คนนั้นเป็นคนขี้อาย หลังจากนั้นเราไปร้านพี่เขากี่ทีเราถึงจะได้เห็นรอยยิ้มของพี่เขาแต่พี่เขามักหลบตาเราประจำ
....................
วันหนึ่งเพื่อนคนนั้นมาบอกว่าพี่เขาพูดถึงเราให้ป้าของแฟนเพื่อนฟังด้วยนะ เราเองที่เป็นฝ่ายตกใจ รู้ว่าพี่เขาจำหน้าเราได้แน่นอนแต่ไม่นึกว่าจะพูดถึงเราด้วย ตอนนั้นยอมรับว่าดีใจสุดๆ จริงๆ นะ จากที่แอบปลื้มยิ่งปลื้มหนักไปใหญ่ ครั้งนึงที่เราได้เจอกับป้าของเพื่อนเพื่อน ช่วงนั้นเราไปร้านนั้นแต่ไม่ได้เจอพี่เขาเลย เพื่อนจึงแซวเราแล้วหันไปถามป้าของแฟนเพื่อนจนป้าเขายิ้มๆ แล้วหันมาบอกว่า พี่เขาชอบนั่งสมาธิลูก บางทีก็ไปสวดมนต์อยู่บนห้องนั่นแหละ แต่แล้ววันนี้ฉันเองพึ่งได้รับรู้ความจริงอีกเรื่องเช่นกัน...เรื่องที่ว่าพี่เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าเราไปแอบชอบพี่เขา(รู้จากป้าคนนี้เลย) บอกตามตรง ถึงแม้จะชอบพี่เขานะแต่เราไม่ได้อยากให้เขารู้ เราชอบแอบมองอยู่ห่างๆ มากกว่า พอได้รู้กลายเป็นเราเองที่สติแตกทำหน้าไม่ถูก เมื่อไปเจอพี่เขาเป็นเราเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาและไม่กล้าสู้หน้าแถมยังไม่กล้าพูดคุยเหมือนเดิมด้วย
.......................
เมื่อขึ้นปีสาม เรื่องทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม เราก็ยังคงยิ้มให้พี่เขาและเป็นฝ่ายหลบตาก่อน แต่เรามักเห็นพี่เขาชอบอมยิ้มให้เราอยู่เสมอนะ แต่ด้วยหลายๆ อย่างทำให้เราไม่ค่อยได้ไปร้านนั้นและเพื่อนคนนั้นเลิกกับแฟนด้วยเช่นกัน เราถึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรกับพี่เขาอีก รวมทั้งเราเองไม่ได้เจอพี่ด้วย เราถึงค่อยๆ ลืมพี่เขาไปบ้าง แต่เมื่อผ่านร้านเรามักแอบมองพี่เขาอยู่เสมอโดยที่พี่เขาไม่เห็นฉันเลยซักครั้ง
.........
สุดท้ายขึ้นปีสี่ ปีนี้เลย เนื่องจากเป็นปีที่ยุ่งและวุ่นวายพอสมควร (ก็จะจบแล้วนิเนอะ) ทุกอย่างมันวุ่นๆ จนเราลืมพี่เขาไปแล้วจริงๆ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เรากลับได้เจอพี่เขาอีกครั้งและได้เห็นรอยยิ้มที่เราชอบนั่นอีกครั้ง ความรู้สึกเดิมๆ เหมือนถูกเกาะกล่องออกมา เราพึ่งได้รู้ว่าเราชอบรอยยิ้มของพี่เขามากขนาดไหน มันได้ทำให้เรารู้ว่าการที่เราแบบชอบใครซักคนด้วยความรู้สึกดีๆ โดยไม่ต้องการคำตอบรับเป็นเรื่องที่น่าจดจำจริงๆ แม้ไม่ได้รับความรู้สึกตอบ แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ แม้จะไม่มีสิทธิ์ แต่การที่ได้แอบมองจากมุมมืดตรงนี้ก็ทำให้เรายิ้มได้เช่นกัน......
ขอบคุณคนที่อ่านเรื่องเพ้อๆ ของเรามายันจบ(จะมีใช่มั้ย)

เราแค่อยากแชร์ประสบการณ์แอบชอบแบบเบาๆ ของเรา มันเป็นครั้งแรกที่เราแอบชอบใครซักคนแบบนานมากจริงๆ เราไม่ได้ยึดติดการชอบพี่เขาจนไม่มีแฟนนะ เราแค่รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมจะเปิดใจเท่านั้น ถึงเราจะดูสับสนในตัวเองแต่มีเรื่องหนึ่งที่เรามั่นใจว่าเราปลื้มรอยยิ้มพี่เขามากๆ เลย ฮ่าๆๆๆ

ซักวัน.....เราอาจได้เจอใครบางคนที่รอเราอยู่แล้วแต่เราไม่รู้ บางทีโชคชะตาอาจลิขิตให้เราได้พบคนที่ใช่ในเร็ววันก็ได้ ถ้ามีประสบการณ์นั้นจะมาแชร์ให้ฟังนะคะ ขอบคุณค่ะ

ขอให้ทุกคนมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต ได้พบเจอคนที่ใช่ในเร็ววัน
แอบชอบ.....แบบเบาๆ <3
เชื่อมั้ย....ว่าเราเป็นผู้หญิงเพ้อฝัน รอคนที่ใช่ ที่ชอบตกหลุมรักคนง่ายและก็ลืมง่ายเช่นกัน
แล้วเชื่อมั้ย....ว่าเราสามารถตกหลุมรักหลายๆ คนในเวลาเดียวกัน
แต่เชื่อมั้ย....ว่ามีอยู่ "คนนึง" ที่เราแอบชอบมา 4 ปีแล้วล่ะ
เด็กผู้หญิงเพ้อเจ้อคนนี้ชอบผู้ชายตัวสูง ยิ้มสวย เล่นกีต้าร์เป็น แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก จวบจนปัจจุบัน
คงด้วยความเยอะทำให้ทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีแฟนเลยซักคน ตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธทุกคนเพื่อรอคนที่ใช่
แต่ในระหว่างรอก็แอบปลื้มไปทั่ว (ไม่ได้หลายใจมันแค่เป็นสีสันในชีวิตเท่านั้นแหละค่ะ
สุดท้าย....แอบปลื้มก็ลืมหมด อย่าว่าแหละ....มันก็แค่ปลื้มอ่ะเนอะ
แต่แล้ว....เข้ามหาลัยปีหนึ่งโชคชะตาก็ดลบันดาล กลั่นแกล้งให้เราต้องไปที่คลินิคจนได้พบกับ "พี่คนนึง" ใส่เสื้อสีเขียวนั่งก้มหน้าเล่นกีต้าร์อยู่ ระหว่างรอยาด้วยความที่เราชอบผู้ชายเล่นกีต้าร์อยู่แล้วจึงมองพี่เขาอยู่แบบนั้น จนพี่เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้...ความรู้สึก ณ ตอนนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งมีแต่รอยยิ้มและแสงสว่างที่เปร่งประกายรอบตัวพี่เขาเท่านั้น ฮ่าๆๆๆ วันนั้นเข้าใจเการ์ตูนตาหวานที่อ่านบ่อยๆ ตอนประถมเลยขอบอก
นั่นคือความประทับใจแรก แค่เพียงรอยยิ้มนั้นสามารถทำให้เรามานั่งเพ้อหลายวันเชียวล่ะ
...........................
"พี่คนนั้น" ตัวค่อนข้างสูง ผิวขาว ถ้ามองแบบทั่วไปก็หน้าตาใช้ได้คนนึงเลยค่ะ แต่สำหรับเรา...พี่เขามีรอยยิ้มที่สว่าง สดใส ยิ้มแล้วทำให้อยากยิ้มตาม
ด้วยความเป็นผู้หญิงพูดมาก ชอบแชร์ประสบการณ์จึงทำให้บอกเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มไปหมดเลยว่า
"เฮ้ยแก๊!!! ฉันไปทำ
เพื่อนทุกคนถามกลับมาว่า..."เอาอีกแล้วหรอ" ก็อย่างว่าล่ะค่ะ แอบปลื้มคนอื่นบ่อยบอกกับเพื่อนหมด แต่มีเพื่อนอยู่คนนึงที่ถามกลับ
"ร้าน...ใกล้ๆ...งั้นหรอ ร้านนี้เขามีลูกชายสองคนนะ คนโตจบมานานแล้ว แต่อีกคนพึ่งจบเลย แกไปตกหลุมรักคนไหนล่ะ"
"ไม่รู้ว่ะ วันนั้นฉันไปเห็นพี่เขาคนเดียว ที่สูงๆ หน่อย ขาวๆ ตัวไม่บางมากนัก แล้วก็มีรอยยิ้มที่ทำให้ลืมโลกได้อ่ะ
"งั้นคงเป็นคนเล็กแน่ๆ ถ้าคนเล็กอ่ะเขาชื่อ T น่ะ"
หลังจากวันนั้นรอยยิ้มยังคงติดตาอยู่เช่นเดิม จนเราต้องไปที่นั่นอีกครั้งแต่รอบนี้เราไม่เจอพี่เขานะ เราทำเป็นนอยด์ๆ เดินมาบอกเพื่อน
"แก! พี่ T เขาไม่อยู่อ่ะ เรารู้สึกเสียใจ
"แกรู้ได้ไงวะ ไปเป็นติ่งพี่เขางั้นหรอ!!!"
"เปล่าย่ะ ป้าแฟนเขารู้จักและสนิทกับครอบครัวนั้นฉันเลยพอรู้อะไรมาบ้าง"
หลังจากวันนั้นฉันเองที่นั่งรถผ่านและไปร้านนั้นบ่อยๆ (ด้วยความจำเป็น) ฉันมักได้เห็นรอยยิ้มและอิริยาบทของพี่เขาต่างๆ รวมทั้งได้รับฟังและได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนคนนี้เป็นประจำ ทำให้พอจะรู้เรื่องาวของพี่เขาเพิ่มบ้างว่า พี่เขามีแฟนแต่แฟนไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วคงห่างๆ กันไป (แต่ไม่รู้ว่าเลิกกันหรือเปล่า) แถมยังได้รู้อีกว่าพี่เขาทำงานเก็บเงินแต่ไม่ได้จะไปขอผู้หญิงแต่งงาน ซื้อบ้านหรือซื้อรถนะ พี่เขาเก็บเงินไว้สร้างห้องวิปัสนา
....................
วันหนึ่งเพื่อนคนนั้นมาบอกว่าพี่เขาพูดถึงเราให้ป้าของแฟนเพื่อนฟังด้วยนะ เราเองที่เป็นฝ่ายตกใจ รู้ว่าพี่เขาจำหน้าเราได้แน่นอนแต่ไม่นึกว่าจะพูดถึงเราด้วย ตอนนั้นยอมรับว่าดีใจสุดๆ จริงๆ นะ จากที่แอบปลื้มยิ่งปลื้มหนักไปใหญ่ ครั้งนึงที่เราได้เจอกับป้าของเพื่อนเพื่อน ช่วงนั้นเราไปร้านนั้นแต่ไม่ได้เจอพี่เขาเลย เพื่อนจึงแซวเราแล้วหันไปถามป้าของแฟนเพื่อนจนป้าเขายิ้มๆ แล้วหันมาบอกว่า พี่เขาชอบนั่งสมาธิลูก บางทีก็ไปสวดมนต์อยู่บนห้องนั่นแหละ แต่แล้ววันนี้ฉันเองพึ่งได้รับรู้ความจริงอีกเรื่องเช่นกัน...เรื่องที่ว่าพี่เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าเราไปแอบชอบพี่เขา(รู้จากป้าคนนี้เลย) บอกตามตรง ถึงแม้จะชอบพี่เขานะแต่เราไม่ได้อยากให้เขารู้ เราชอบแอบมองอยู่ห่างๆ มากกว่า พอได้รู้กลายเป็นเราเองที่สติแตกทำหน้าไม่ถูก เมื่อไปเจอพี่เขาเป็นเราเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาและไม่กล้าสู้หน้าแถมยังไม่กล้าพูดคุยเหมือนเดิมด้วย
.......................
เมื่อขึ้นปีสาม เรื่องทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม เราก็ยังคงยิ้มให้พี่เขาและเป็นฝ่ายหลบตาก่อน แต่เรามักเห็นพี่เขาชอบอมยิ้มให้เราอยู่เสมอนะ แต่ด้วยหลายๆ อย่างทำให้เราไม่ค่อยได้ไปร้านนั้นและเพื่อนคนนั้นเลิกกับแฟนด้วยเช่นกัน เราถึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรกับพี่เขาอีก รวมทั้งเราเองไม่ได้เจอพี่ด้วย เราถึงค่อยๆ ลืมพี่เขาไปบ้าง แต่เมื่อผ่านร้านเรามักแอบมองพี่เขาอยู่เสมอโดยที่พี่เขาไม่เห็นฉันเลยซักครั้ง
.........
สุดท้ายขึ้นปีสี่ ปีนี้เลย เนื่องจากเป็นปีที่ยุ่งและวุ่นวายพอสมควร (ก็จะจบแล้วนิเนอะ) ทุกอย่างมันวุ่นๆ จนเราลืมพี่เขาไปแล้วจริงๆ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เรากลับได้เจอพี่เขาอีกครั้งและได้เห็นรอยยิ้มที่เราชอบนั่นอีกครั้ง ความรู้สึกเดิมๆ เหมือนถูกเกาะกล่องออกมา เราพึ่งได้รู้ว่าเราชอบรอยยิ้มของพี่เขามากขนาดไหน มันได้ทำให้เรารู้ว่าการที่เราแบบชอบใครซักคนด้วยความรู้สึกดีๆ โดยไม่ต้องการคำตอบรับเป็นเรื่องที่น่าจดจำจริงๆ แม้ไม่ได้รับความรู้สึกตอบ แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ แม้จะไม่มีสิทธิ์ แต่การที่ได้แอบมองจากมุมมืดตรงนี้ก็ทำให้เรายิ้มได้เช่นกัน......
ขอบคุณคนที่อ่านเรื่องเพ้อๆ ของเรามายันจบ(จะมีใช่มั้ย)
เราแค่อยากแชร์ประสบการณ์แอบชอบแบบเบาๆ ของเรา มันเป็นครั้งแรกที่เราแอบชอบใครซักคนแบบนานมากจริงๆ เราไม่ได้ยึดติดการชอบพี่เขาจนไม่มีแฟนนะ เราแค่รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมจะเปิดใจเท่านั้น ถึงเราจะดูสับสนในตัวเองแต่มีเรื่องหนึ่งที่เรามั่นใจว่าเราปลื้มรอยยิ้มพี่เขามากๆ เลย ฮ่าๆๆๆ
ซักวัน.....เราอาจได้เจอใครบางคนที่รอเราอยู่แล้วแต่เราไม่รู้ บางทีโชคชะตาอาจลิขิตให้เราได้พบคนที่ใช่ในเร็ววันก็ได้ ถ้ามีประสบการณ์นั้นจะมาแชร์ให้ฟังนะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอให้ทุกคนมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต ได้พบเจอคนที่ใช่ในเร็ววัน