เราไม่รู้ว่าใครเคยเจอประสบการณ์นี้กันหรือเปล่า? แต่วันนี้เราถูกขอบอกเลิก(น้ำตาตกในไปดิ)
::เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เราได้ไปเรียนภาษาอยู่อเมริกา ใช้เวลาที่นั้นเกือบปี เพื่อที่จะพัฒนาภาษาอันอ่อนด้อยของตัวเอง ได้พบปะกับคนมากมายดีและไม่ดี อยู่ที่นั้นเกินครึ่งคือความโชคร้าย แล้วมาดีตอน 3 เดือนก่อนกลับ วันหนึ่งเพื่อนเราชวนไปร้านซักรีด แล้วก็มีผู้ชายอเมริกาคนหนึ่งเข้ามาคุย เราก็เริ่มที่จะชินกับคนที่นี้แล้ว อยากคุยเมื่อไร ที่ไหนก็คุยกันไป เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกว่ามาจีบเพื่อน ไม่ก็หาเพื่อนคุย เราก็สนุกสนานเฮฮาไป เพราะเราไม่คิดอะไรอยู่แล้ว อึกไม่กี่เดือนก็จะกลับ แต่แล้วคนนี้กลับมาจริงจังกับเรา ทั้งที่คนก่อนๆที่คบๆมา ก็คบกันไปไม่ได้อะไรมาก(หน้าตาเราก็เฮียกๆ แต่มาเรื่อยๆนะจ๊ะ) กลับเข้าเรื่อง...-*- เค้าก็ชวนไปเตะ kickball ที่สวนสาธารณะ ไปดูที่สนาม นู้นนี้นั้น คำตอบจากเรา ปฎิเสธทุกครั้ง(เฮียกแล้วยังหยิ่ง) แต่เค้าก็ไม่เลิกความพยายามส่งข้อความมาทุกวันๆ จนเราเริ่มใจอ่อน ให้เค้ารอยังงี้อยู่เดือนหนึ่ง เลยชวนเค้าไปเล่นวอลเล่ย์กับบาส โดยชวนเพื่อนเราไปด้วย แล้วหลังจากนั้นเราก็พบกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเรา พอยิ่งใกล้ชิดมันก็เริ่มสนิทใจไปเรื่อยๆ
::อาทิตย์สุดท้ายก่อนกลับ
เหมือนทุกอย่างก็ลงตัวทุกอย่างแล้ว แต่....จะบอกเค้ายังไงเราจะกลับประเทศ เราก็พลัดวันประกันพรุ่งจนเหลือ 2 วันสุดท้าย วันนั้นเค้ามาส่งเราที่ร้านอาหารแถว state street เนื่องจากเรานัดเลี้ยงส่งกันไว้เป็น สิบๆคน โดยที่เค้าไม่รู้ว่าเรานัดทำอะไรกัน แล้ววันนั้นเราก็ได้ปรึกษาเพื่อนต่างชาติและคนไทย ว่าจะต้องทำยังไงดี เอาจริงๆ เราก็กลัวเค้าเสียใจ แต่อีกใจเราก็อยากจะไปโดยไม่บอกกล่าวไปเลย(แสบลึกถึงทรวงเกินไป...) เราก็เลย ส่งข้อความไปหาเค้าแบบอ้อมสุดๆ แล้วเค้าก็จับได้ว่าเราจะกลับ(โกหกไม่เก่ง -*- คือชีวิตไม่มีอะไรดีเลย) เค้าเลยอยากเจอเราอีก ตอนกลางวัน ให้เราไปหาที่ทำงานของเค้า เพื่อไปกินข้าวกัน เราก็ไปแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย เราก็กลัวๆ เหมือนกันว่าเค้าจะว่าอะไรเรา เค้าก็ทำตัวปกติ แล้วก็บอกว่าเย็นนี้เจอกัน
::คืนสุดท้ายก่อนกลับ
เราก็มีเลี้ยงส่งกับอีกกลุ่มที่อยู่ด้วยกันประจำอีก ก็ต้องมีดื่มเบียร์ แทงพูลชิวๆ กันไป แล้วเค้าก็มารับเราไปกันสองคน เรื่อยเปื่อยรอบทาวน์ แล้วก็ไปที่บ้านเค้า(อย่าคิดลึก....==) ก็ถ่ายรูปกัน ดูทีวึกัน คุยกันเรื่องนี้ และเราก็ให้ของเค้าเพื่อเป็นการขอบคุณที่ดูแลเรา(เพราะเราคิดว่ามันควรจะจบตั้งแต่ตอนนี้เลย โดยไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น แต่มันไม่ใช่) เราบอกเค้าว่าพรุ่งนี้เรากลับแล้วนะ เรารู้ว่าไปยูอาจไปส่งไม่ได้ เพราะต้องทำงาน แล้วเราบอกกะทันหันมากๆ แล้วเราก็บอกว่าให้เพื่อนมารับที่บ้านแล้วด้วย เค้าก็บอกจะไปส่ง แล้วเค้าก็มารับเราที่บ้านโฮสแล้วก็ไปส่งจริงๆ แถมซื้อน้ำ ขนม และช็อคโกแล็ตให้กินอีกระหว่างทาง เราก็จากกันไปด้วย จูบลาครั้งสุดท้าย ระหว่างทางที่จะกลับเราก็ส่งข้อความกัน แล้วก่อนขึ้นเครื่อง เป็นครั้งสุดท้ายที่คุยกันผ่านโทรศัพท์ แล้วรู้สึกได้ว่า เค้าแอบร้องไห้ แล้วบอก คิดถึง
::ช่วงหลังจากนั้นถึงตอนนี้
เราก็ติดต่อกันเรื่อยๆผ่านการส่งข้อความทางโทรศัพท์ แล้วเราก็ส่งโปสการ์ด ส่งรูปที่วาดให้ ส่งไดอารี่ไปตอนวันเกิด กับวันวาเลนไทน์ มันก็เหมือนจะดูดี หลังจากนั้น แต่เค้าไม่ได้ส่งอะไรกลับมา นอกจากส่งข้อความ come back home. เราก็บอกเค้าไปว่า เรากลับไม่ได้ เราไม่ได้มีเงินที่จะส่งตัวเองไปที่นั้นได้ เพราะที่เราไปเรียนภาษาที่นั้น เพราะเราขอป๊ากับแม่ไว้ ตอนเราจบแล้วที่หนึ่งภาค ถ้าเราจะกลับไปอีกครั้ง เราคงไม่รบกวนป๊ากับแม่เพื่อไปหาผู้ชายหรอก เราเลยบอกเค้าว่าเราไม่มีเงินมากพอที่จะกลับไป แล้วหวังว่าคงจะเข้าใจ ไว้วันที่พร้อมเราจะกลับไป เพื่อพบกันอีก แต่เค้ากลับไม่สนใจสิ่งที่เราบอกเค้า บอกให้กลับอย่างเดียว เพื่อนเราเคยถามเราว่า แล้วเค้าไม่เคยคิดจะมาหาเราที่นี้เหรอ? เราก็เคยสงสัยเหมือนกันแต่ไม่ได้คิดอะไร ช่วงเวลาปีเศษเราก็คิดถึงเค้าตลอดไม่มีใครใหม่ บางทีก็ร้องไห้ เมื่อเจอเพลง หรือหนังที่ดูแล้วร้องไห้ เพราะคิดถึงเค้า เช่น The fault in our star, long distance(Bruno Mars), all of the stars(Ed sheeran), talking to the moon(Bruno Mars) ต้องฟังดูคนที่มีแฟนไกลๆ มันแบบกินใจถึงที่สุด แล้วสร้างอารมณ์ ร้องไห้เอง แล้วพอมาช่วงหลังๆ เราก็ไม่ได้คุยกันเท่าที่ควร แล้วเค้าก็คงอยากจบแบบจริงจัง แล้วเช้านี้ได้รับข้อความ Last text, I will be deleting. เราก็เลยถามว่า Why? เศร้า เค้าบอกมาว่าเค้าหวังว่าเราจะมีเวลาร่วมกันมากกว่านี้ แล้วก็บอกมาว่า I have been lonely since you christians. เราก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร แล้วส่งท้ายลงว่า bye แล้วเราก็ตอบกลับอะไรไปไม่ได้ เพราะตังค์ในโทรศัพท์หมด เลยส่งข้อความผ่านเฟสไป แต่เค้ายังไม่ได้อ่าน แต่เราก็บอกเค้าไปพร้อมน้ำตาว่า โชคดีนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แล้วขอให้เจอคนดีๆ แล้วถ้าวันหนึ่งเรากลับไป เราอยากกลับไปเจอกัน คุยกันในฐานะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
ช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่ง ที่พิสูจน์มาว่ารักจะไม่แพ้ระยะทาง มันไม่เป็นจริง ความเชื่อในตอนแรกของเรามันถูกแล้วจริงๆ เราเสียใจนะ กับเวลาที่ผ่านมา เราคงต้องปรับปรุงตัวใหม่ แล้วใช้เวลารักษาใจสักพักใหญ่ เราก็ได้เรียนรู้แล้วว่าการรักใครจริงจังมันจะเสียใจขนาดนี้ นี้เอง เราเคยอ่านโพสต่างๆนานา ระยะทางไม่ใช่ปัญหาสำหรับต่างชาติ เขารอได้ไม่ว่าจะกี่ปี แต่เค้าคงมีลิมิตของเค้าละมั้ง เราก็ไม่รู้ ขอไปทำใจแป๊ปปปปป อยากระบาย ไม่รู้จะระบายกับใคร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้บอกใครเลย มีคำแนะนำสำหรับการรักษาจากอาการอกหักที ไม่ก็ขอคำพูดกำลังใจดีๆสักหน่อย หรือเพลงดีสักเพลง ตอนนี้ทำงานไป อึนไป กลับบ้านไปต้องขอร้องไห้ส่งท้ายอีกรอบ T^T
ขอกำลังใจ::แหละแล้ววันนี้ฉันก็ถูกขอบอกเลิก:: รักแท้แพ้ระยะทาง...long distance relationship is never exist!!!
::เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เราได้ไปเรียนภาษาอยู่อเมริกา ใช้เวลาที่นั้นเกือบปี เพื่อที่จะพัฒนาภาษาอันอ่อนด้อยของตัวเอง ได้พบปะกับคนมากมายดีและไม่ดี อยู่ที่นั้นเกินครึ่งคือความโชคร้าย แล้วมาดีตอน 3 เดือนก่อนกลับ วันหนึ่งเพื่อนเราชวนไปร้านซักรีด แล้วก็มีผู้ชายอเมริกาคนหนึ่งเข้ามาคุย เราก็เริ่มที่จะชินกับคนที่นี้แล้ว อยากคุยเมื่อไร ที่ไหนก็คุยกันไป เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกว่ามาจีบเพื่อน ไม่ก็หาเพื่อนคุย เราก็สนุกสนานเฮฮาไป เพราะเราไม่คิดอะไรอยู่แล้ว อึกไม่กี่เดือนก็จะกลับ แต่แล้วคนนี้กลับมาจริงจังกับเรา ทั้งที่คนก่อนๆที่คบๆมา ก็คบกันไปไม่ได้อะไรมาก(หน้าตาเราก็เฮียกๆ แต่มาเรื่อยๆนะจ๊ะ) กลับเข้าเรื่อง...-*- เค้าก็ชวนไปเตะ kickball ที่สวนสาธารณะ ไปดูที่สนาม นู้นนี้นั้น คำตอบจากเรา ปฎิเสธทุกครั้ง(เฮียกแล้วยังหยิ่ง) แต่เค้าก็ไม่เลิกความพยายามส่งข้อความมาทุกวันๆ จนเราเริ่มใจอ่อน ให้เค้ารอยังงี้อยู่เดือนหนึ่ง เลยชวนเค้าไปเล่นวอลเล่ย์กับบาส โดยชวนเพื่อนเราไปด้วย แล้วหลังจากนั้นเราก็พบกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเรา พอยิ่งใกล้ชิดมันก็เริ่มสนิทใจไปเรื่อยๆ
::อาทิตย์สุดท้ายก่อนกลับ
เหมือนทุกอย่างก็ลงตัวทุกอย่างแล้ว แต่....จะบอกเค้ายังไงเราจะกลับประเทศ เราก็พลัดวันประกันพรุ่งจนเหลือ 2 วันสุดท้าย วันนั้นเค้ามาส่งเราที่ร้านอาหารแถว state street เนื่องจากเรานัดเลี้ยงส่งกันไว้เป็น สิบๆคน โดยที่เค้าไม่รู้ว่าเรานัดทำอะไรกัน แล้ววันนั้นเราก็ได้ปรึกษาเพื่อนต่างชาติและคนไทย ว่าจะต้องทำยังไงดี เอาจริงๆ เราก็กลัวเค้าเสียใจ แต่อีกใจเราก็อยากจะไปโดยไม่บอกกล่าวไปเลย(แสบลึกถึงทรวงเกินไป...) เราก็เลย ส่งข้อความไปหาเค้าแบบอ้อมสุดๆ แล้วเค้าก็จับได้ว่าเราจะกลับ(โกหกไม่เก่ง -*- คือชีวิตไม่มีอะไรดีเลย) เค้าเลยอยากเจอเราอีก ตอนกลางวัน ให้เราไปหาที่ทำงานของเค้า เพื่อไปกินข้าวกัน เราก็ไปแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย เราก็กลัวๆ เหมือนกันว่าเค้าจะว่าอะไรเรา เค้าก็ทำตัวปกติ แล้วก็บอกว่าเย็นนี้เจอกัน
::คืนสุดท้ายก่อนกลับ
เราก็มีเลี้ยงส่งกับอีกกลุ่มที่อยู่ด้วยกันประจำอีก ก็ต้องมีดื่มเบียร์ แทงพูลชิวๆ กันไป แล้วเค้าก็มารับเราไปกันสองคน เรื่อยเปื่อยรอบทาวน์ แล้วก็ไปที่บ้านเค้า(อย่าคิดลึก....==) ก็ถ่ายรูปกัน ดูทีวึกัน คุยกันเรื่องนี้ และเราก็ให้ของเค้าเพื่อเป็นการขอบคุณที่ดูแลเรา(เพราะเราคิดว่ามันควรจะจบตั้งแต่ตอนนี้เลย โดยไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น แต่มันไม่ใช่) เราบอกเค้าว่าพรุ่งนี้เรากลับแล้วนะ เรารู้ว่าไปยูอาจไปส่งไม่ได้ เพราะต้องทำงาน แล้วเราบอกกะทันหันมากๆ แล้วเราก็บอกว่าให้เพื่อนมารับที่บ้านแล้วด้วย เค้าก็บอกจะไปส่ง แล้วเค้าก็มารับเราที่บ้านโฮสแล้วก็ไปส่งจริงๆ แถมซื้อน้ำ ขนม และช็อคโกแล็ตให้กินอีกระหว่างทาง เราก็จากกันไปด้วย จูบลาครั้งสุดท้าย ระหว่างทางที่จะกลับเราก็ส่งข้อความกัน แล้วก่อนขึ้นเครื่อง เป็นครั้งสุดท้ายที่คุยกันผ่านโทรศัพท์ แล้วรู้สึกได้ว่า เค้าแอบร้องไห้ แล้วบอก คิดถึง
::ช่วงหลังจากนั้นถึงตอนนี้
เราก็ติดต่อกันเรื่อยๆผ่านการส่งข้อความทางโทรศัพท์ แล้วเราก็ส่งโปสการ์ด ส่งรูปที่วาดให้ ส่งไดอารี่ไปตอนวันเกิด กับวันวาเลนไทน์ มันก็เหมือนจะดูดี หลังจากนั้น แต่เค้าไม่ได้ส่งอะไรกลับมา นอกจากส่งข้อความ come back home. เราก็บอกเค้าไปว่า เรากลับไม่ได้ เราไม่ได้มีเงินที่จะส่งตัวเองไปที่นั้นได้ เพราะที่เราไปเรียนภาษาที่นั้น เพราะเราขอป๊ากับแม่ไว้ ตอนเราจบแล้วที่หนึ่งภาค ถ้าเราจะกลับไปอีกครั้ง เราคงไม่รบกวนป๊ากับแม่เพื่อไปหาผู้ชายหรอก เราเลยบอกเค้าว่าเราไม่มีเงินมากพอที่จะกลับไป แล้วหวังว่าคงจะเข้าใจ ไว้วันที่พร้อมเราจะกลับไป เพื่อพบกันอีก แต่เค้ากลับไม่สนใจสิ่งที่เราบอกเค้า บอกให้กลับอย่างเดียว เพื่อนเราเคยถามเราว่า แล้วเค้าไม่เคยคิดจะมาหาเราที่นี้เหรอ? เราก็เคยสงสัยเหมือนกันแต่ไม่ได้คิดอะไร ช่วงเวลาปีเศษเราก็คิดถึงเค้าตลอดไม่มีใครใหม่ บางทีก็ร้องไห้ เมื่อเจอเพลง หรือหนังที่ดูแล้วร้องไห้ เพราะคิดถึงเค้า เช่น The fault in our star, long distance(Bruno Mars), all of the stars(Ed sheeran), talking to the moon(Bruno Mars) ต้องฟังดูคนที่มีแฟนไกลๆ มันแบบกินใจถึงที่สุด แล้วสร้างอารมณ์ ร้องไห้เอง แล้วพอมาช่วงหลังๆ เราก็ไม่ได้คุยกันเท่าที่ควร แล้วเค้าก็คงอยากจบแบบจริงจัง แล้วเช้านี้ได้รับข้อความ Last text, I will be deleting. เราก็เลยถามว่า Why? เศร้า เค้าบอกมาว่าเค้าหวังว่าเราจะมีเวลาร่วมกันมากกว่านี้ แล้วก็บอกมาว่า I have been lonely since you christians. เราก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร แล้วส่งท้ายลงว่า bye แล้วเราก็ตอบกลับอะไรไปไม่ได้ เพราะตังค์ในโทรศัพท์หมด เลยส่งข้อความผ่านเฟสไป แต่เค้ายังไม่ได้อ่าน แต่เราก็บอกเค้าไปพร้อมน้ำตาว่า โชคดีนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง แล้วขอให้เจอคนดีๆ แล้วถ้าวันหนึ่งเรากลับไป เราอยากกลับไปเจอกัน คุยกันในฐานะเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
ช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่ง ที่พิสูจน์มาว่ารักจะไม่แพ้ระยะทาง มันไม่เป็นจริง ความเชื่อในตอนแรกของเรามันถูกแล้วจริงๆ เราเสียใจนะ กับเวลาที่ผ่านมา เราคงต้องปรับปรุงตัวใหม่ แล้วใช้เวลารักษาใจสักพักใหญ่ เราก็ได้เรียนรู้แล้วว่าการรักใครจริงจังมันจะเสียใจขนาดนี้ นี้เอง เราเคยอ่านโพสต่างๆนานา ระยะทางไม่ใช่ปัญหาสำหรับต่างชาติ เขารอได้ไม่ว่าจะกี่ปี แต่เค้าคงมีลิมิตของเค้าละมั้ง เราก็ไม่รู้ ขอไปทำใจแป๊ปปปปป อยากระบาย ไม่รู้จะระบายกับใคร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้บอกใครเลย มีคำแนะนำสำหรับการรักษาจากอาการอกหักที ไม่ก็ขอคำพูดกำลังใจดีๆสักหน่อย หรือเพลงดีสักเพลง ตอนนี้ทำงานไป อึนไป กลับบ้านไปต้องขอร้องไห้ส่งท้ายอีกรอบ T^T