เพื่อนๆคนไหนเป็นแบบนี้บ้างไหมค่ะ อายุประมาณ 30ปลายๆจะ40ปี พอมีตำแหน่ง ผจก ติดตัวมา
รู้สึกว่าหางานยากขึ้น ทั้งที่ก็ไม่เกี่ยงงาน
จากสถาณการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสถาณะทางการเงินบริษัทที่ทำให้เราต้องออกจากงาน
และความจำเป็นของครอบครัวที่ต้องดูแลลูกอายุ8ขวบ ทำให้เราต้องหางานใหม่ที่ใกล้บ้าน
เพื่อมีเวลาดูแลลูกหลังเลิกเรียน เนื่องจากเรากับสามีไม่มีญาติพี่น้อง โรงเรียนเลิก 17.00น.
รถโรงเรียนมาส่งที่บ้าน 17.30น. ทุกวันนี้เราต้องฝากลูกไว้กับคนข้างบ้านมาเกือบปีแล้ว
(แต่ก่อนคิดที่จะให้ลูกเรียนพิเศษตอนเย็นนอกโรงเรียน แต่จากสอบถามสถาบันเรียนพิเศษใกล้บ้านแล้ว
ปรากฏว่า อยู่ได้แค่ 18.30น.เท่านั้น)
แต่กว่าเรากะสามีจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม ทำให้ข้างบ้านเกิดอาการเบื่อๆลูกเรา
ยิ่งไม่คิดเงินจากเรา เราก็ยิ่งเกรงใจ เวลาไปไหนมาไหนเราก็มีของฝากของกินมาให้เรื่อยๆ
เราก็มักจะซื้อข้าว ไข่ น้ำมันพืช ของแห้ง ให้เขาประจำ เพราะตอนเย็นลูกเรากินข้าวบ้านเขา
แต่เขาก็พูดเป็นนัยๆว่า ทำไมไม่หางานใหม่ที่ใกล้บ้านทำ จะได้มีเวลาดูแลลูกตอนเย็น
ฝากไว้กับคนอื่นบ่อยๆมันไม่ดี (ทั้งที่แต่ก่อนนี้เขาอาสารับดูแลลูกเรา แต่ตอนนี้เขาคงเบื่อๆอยากมีเวลาส่วนตัว
คือเขาเป็นหญิงวัยประมาณ 50กว่าๆค่ะ เป็นแม่บ้าน สามีเป็นเจ้าของกิจการร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างเล็กๆ
เขามีลูกโตเรียนจบป.ตรีทำงานแล้ว แต่ไม่มีหลาน กลางวันเขาว่างไม่มีอะไรทำ กว่าสามีกะลูกจะกลับก็เกือบสามทุ่ม)
ตอนนี้หางานใหม่แบบไม่เกี่ยงตำแหน่งงาน เงินเดือนก็ไม่ได้ขอมาก 20,000-30,000
(สาเหตุที่ขอเงินเดือนต่ำกว่าปัจจุบัน เพราะเราไม่เกี่ยงงาน ตำแหน่ง รายได้สามีพอเลี้ยงได้อยู่
แต่หากว่ามีงานทำทั้งคู่ก็ทำให้ไม่อัตคัดมากเกินไป)
ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้จัดการจัดซื้อซึ่งเงินเดือนปัจจุบันมากกว่าที่ขอ ไม่เกี่ยงว่าต้องทำวันเสาร์
เพราะใครก็บอกว่า ไม่เลือกงานก็ไม่ตกงาน งานที่หาก็ประมาณ ธุรการ จัดซิ้อ นำเข้าส่งออก
เรามีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ติดต่อพูดคุยกับต่างประเทศทั้งทางโทรศัพท์ อีเมลล์
แต่หางานมานานหลายเดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้สักทีแม้แต่จะเรียกสัมภาษณ์ก็ไม่มี
เราคิดเข้าข้างตัวเองมากไปมั้ยค่ะ ว่านายจ้างกังวลเราเรื่องตำแหน่งกับเงินปัจจุบัน
กลัวว่าหากจ้างเราแล้ว เราจะทำงานให้เขาได้ไม่นานก็ลาออก เพราะเขาอาจคิดว่าเรา
เป็นพวกอีโก้จัด
อายุประมาณ 30ปลายๆจะ40ปี พอมีตำแหน่ง ผจก ติดตัวมา รู้สึกว่าหางานยากขึ้น ทั้งที่ก็ไม่เกี่ยงงาน
รู้สึกว่าหางานยากขึ้น ทั้งที่ก็ไม่เกี่ยงงาน
จากสถาณการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสถาณะทางการเงินบริษัทที่ทำให้เราต้องออกจากงาน
และความจำเป็นของครอบครัวที่ต้องดูแลลูกอายุ8ขวบ ทำให้เราต้องหางานใหม่ที่ใกล้บ้าน
เพื่อมีเวลาดูแลลูกหลังเลิกเรียน เนื่องจากเรากับสามีไม่มีญาติพี่น้อง โรงเรียนเลิก 17.00น.
รถโรงเรียนมาส่งที่บ้าน 17.30น. ทุกวันนี้เราต้องฝากลูกไว้กับคนข้างบ้านมาเกือบปีแล้ว
(แต่ก่อนคิดที่จะให้ลูกเรียนพิเศษตอนเย็นนอกโรงเรียน แต่จากสอบถามสถาบันเรียนพิเศษใกล้บ้านแล้ว
ปรากฏว่า อยู่ได้แค่ 18.30น.เท่านั้น)
แต่กว่าเรากะสามีจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม ทำให้ข้างบ้านเกิดอาการเบื่อๆลูกเรา
ยิ่งไม่คิดเงินจากเรา เราก็ยิ่งเกรงใจ เวลาไปไหนมาไหนเราก็มีของฝากของกินมาให้เรื่อยๆ
เราก็มักจะซื้อข้าว ไข่ น้ำมันพืช ของแห้ง ให้เขาประจำ เพราะตอนเย็นลูกเรากินข้าวบ้านเขา
แต่เขาก็พูดเป็นนัยๆว่า ทำไมไม่หางานใหม่ที่ใกล้บ้านทำ จะได้มีเวลาดูแลลูกตอนเย็น
ฝากไว้กับคนอื่นบ่อยๆมันไม่ดี (ทั้งที่แต่ก่อนนี้เขาอาสารับดูแลลูกเรา แต่ตอนนี้เขาคงเบื่อๆอยากมีเวลาส่วนตัว
คือเขาเป็นหญิงวัยประมาณ 50กว่าๆค่ะ เป็นแม่บ้าน สามีเป็นเจ้าของกิจการร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างเล็กๆ
เขามีลูกโตเรียนจบป.ตรีทำงานแล้ว แต่ไม่มีหลาน กลางวันเขาว่างไม่มีอะไรทำ กว่าสามีกะลูกจะกลับก็เกือบสามทุ่ม)
ตอนนี้หางานใหม่แบบไม่เกี่ยงตำแหน่งงาน เงินเดือนก็ไม่ได้ขอมาก 20,000-30,000
(สาเหตุที่ขอเงินเดือนต่ำกว่าปัจจุบัน เพราะเราไม่เกี่ยงงาน ตำแหน่ง รายได้สามีพอเลี้ยงได้อยู่
แต่หากว่ามีงานทำทั้งคู่ก็ทำให้ไม่อัตคัดมากเกินไป)
ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้จัดการจัดซื้อซึ่งเงินเดือนปัจจุบันมากกว่าที่ขอ ไม่เกี่ยงว่าต้องทำวันเสาร์
เพราะใครก็บอกว่า ไม่เลือกงานก็ไม่ตกงาน งานที่หาก็ประมาณ ธุรการ จัดซิ้อ นำเข้าส่งออก
เรามีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ติดต่อพูดคุยกับต่างประเทศทั้งทางโทรศัพท์ อีเมลล์
แต่หางานมานานหลายเดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้สักทีแม้แต่จะเรียกสัมภาษณ์ก็ไม่มี
เราคิดเข้าข้างตัวเองมากไปมั้ยค่ะ ว่านายจ้างกังวลเราเรื่องตำแหน่งกับเงินปัจจุบัน
กลัวว่าหากจ้างเราแล้ว เราจะทำงานให้เขาได้ไม่นานก็ลาออก เพราะเขาอาจคิดว่าเรา
เป็นพวกอีโก้จัด