เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า แฟนของ จขกท. นั้นเป็นนักออกแบบอยุ่ที่ บ. แห่งหนึ่ง
แฟนเรารับโปรเจคมาโปรเจคหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่ ( เราเรียกย่อ ๆ ว่า โปรเจค 1 ก็แล้วกัน )
เค้าปลุกปล้ำกับมันมา ตั้งแต่ช่วงต้นปี ( แต่ระหว่างทำนั้นมีงานอื่นมาแทรกอยู่เรื่อย ๆ ) จึงทำให้งานเริ่มช้า และติดปัญหามากมาย
แต่แล้วงานในส่วนของงานออกแบบเสร็จสิ้น ส่งมอบงานให้ซัฟพลายเออร์ และซัฟฯ ก็ทำตามแบบจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ยังเหลือก็เพียงแต่ไล่เก็บรายละเอียดภายใน ซึ่งมันเป็นส่วนที่ เค้าเองก็สรุปไม่ได้
จึงได้มีการถูกตามและไถ่ถามจากหัวหน้าแผนกอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะจบลงที่มีปากเสียงกันอยุ่บ่อยครั้ง เพราะแฟนเราเป็นคนที่มีลักษณะตรงไป ตรงมา ไม่ค่อยยอมใครถ้าไม่มีเหตุผลมาหักล้างว่าเค้าผิดจริง และหัวหน้าแผนก ก็ค่อนข้างที่จะไม่ฟังเหตุผลอื่นเลย หัวหน้าเค้าต้องการให้งานเสร็จเพียงอย่างเดียว โดยจะแถไปเรื่อย ๆ แต่ซึ่งอย่างที่บอก มันไม่ใช่ส่วนที่ แฟนเราจะสรุปได้เอง แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไปซะทีเดียว เพราะมีการติดตามไถ่ถามไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา แฟนเราจึงได้วางมือจากงานนี้เพื่อไปจับงานอื่นที่เข้ามา อีกประมาณ 3-4 โปรเจค
และหลังจากนั้นมีงานออกแบบโครงสร้างบูธ ( เราเรียกว่า 2 ) ที่เป็นส่วนของงานต่างประเทศที่มีกำหนดเวลา
แฟนเราเล่าให้ฟังว่า ช่างที่มีก็มีจำนวนจำกัด ( มีเพียง3-4 คน ) การแก้ปัญหาในตรงนี้ที่ แฟนเราคิดได้คือ การเพิ่มแรงงาน แต่เราไม่สามารถไปบอก บริษัทให้รับคนเพิ่มได้ เค้าจึงลงมาทำเอง ลงมาทำงาน ตัดไม้ ทาสี ทำเกือบทุกอย่างที่ช่างทำ เพื่อให้งานมันเสร็จเร็วที่สุด ( เหนื่อยจน ขี้เกลือเกาะเต็มเสื้อกลับบ้านทุกวี่ ทุกวัน เหม็นด้วย )
แต่แล้วมันก็ติดปัญหาอีก งาน 2 ติดปัญหา ที่เป็นปัญหาจากหน่วยงานอื่นที่เค้าสรุปไม่ได้เหมือนเดิม งานเลยเริ่มจะล่าช้า เค้าก็แก้ปัญหาตรงนั้นด้วยการ ให้ช่างที่มีอยุ่เพียงน้อยนิดไปรุมทำงานโปรเจคแรก โดยที่แฟนเราจะติดตามและไถ่ถามงานโปรเจคที่สองไปเรื่อย ๆ
จนในที่สุดงานในโปรเจคแรก ที่ค้างคาจึงเริ่มจะสำเร็จขึ้นมา เหลือเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็น ก็จะได้ส่งงาน
แต่แล้ววันหนึ่ง หัวหน้าประกาศว่า จะให้น้องอีกคนเข้ามาดูแลงานโปรเจค 1 แทน !! และไม่มีเหตุผลว่าทำไมแฟนเราถึงถูกถอดออก ทั้งที่งานมันเสร็จไปเกิน 95 % แล้ว
จากนั้นมีการประชุมเก็บงานที่เหลือ กันบ่อยครั้งโดยที่ไม่มีการเรียกแฟนเราเข้าร่วมด้วย .... ไม่มีชื่อแฟนเราในงานเหล่านั้น
เค้าก็ได้แต่กลับมาระบายให้เราฟัง ว่ารู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ เครียดมากจนไมเกรนขึ้น ความดันขึ้น เราจึงแนะนำไปว่า ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ โดนมองข้าม ไม่ให้ความสำคัญ ก็ลาออกซะ เพราะมันจะยิ่งทำให้เสียสุขภาพ
แต่ด้วยอายุ 30 กลาง ๆ ทำให้การลาออกในครั้งนี้นั้น เป็นการลาออกที่ทำให้ แฟนเราเครียดหนักกว่าเดิม
เราควรทำอย่างไรดีคะ
ถ้าเป็นพวกคุณ คุณจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ดี ...
ขอความเห็นหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เราแนะนำให้แฟนลาออกจากงาน !!!
แฟนเรารับโปรเจคมาโปรเจคหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่ ( เราเรียกย่อ ๆ ว่า โปรเจค 1 ก็แล้วกัน )
เค้าปลุกปล้ำกับมันมา ตั้งแต่ช่วงต้นปี ( แต่ระหว่างทำนั้นมีงานอื่นมาแทรกอยู่เรื่อย ๆ ) จึงทำให้งานเริ่มช้า และติดปัญหามากมาย
แต่แล้วงานในส่วนของงานออกแบบเสร็จสิ้น ส่งมอบงานให้ซัฟพลายเออร์ และซัฟฯ ก็ทำตามแบบจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ยังเหลือก็เพียงแต่ไล่เก็บรายละเอียดภายใน ซึ่งมันเป็นส่วนที่ เค้าเองก็สรุปไม่ได้
จึงได้มีการถูกตามและไถ่ถามจากหัวหน้าแผนกอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะจบลงที่มีปากเสียงกันอยุ่บ่อยครั้ง เพราะแฟนเราเป็นคนที่มีลักษณะตรงไป ตรงมา ไม่ค่อยยอมใครถ้าไม่มีเหตุผลมาหักล้างว่าเค้าผิดจริง และหัวหน้าแผนก ก็ค่อนข้างที่จะไม่ฟังเหตุผลอื่นเลย หัวหน้าเค้าต้องการให้งานเสร็จเพียงอย่างเดียว โดยจะแถไปเรื่อย ๆ แต่ซึ่งอย่างที่บอก มันไม่ใช่ส่วนที่ แฟนเราจะสรุปได้เอง แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยไปซะทีเดียว เพราะมีการติดตามไถ่ถามไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา แฟนเราจึงได้วางมือจากงานนี้เพื่อไปจับงานอื่นที่เข้ามา อีกประมาณ 3-4 โปรเจค
และหลังจากนั้นมีงานออกแบบโครงสร้างบูธ ( เราเรียกว่า 2 ) ที่เป็นส่วนของงานต่างประเทศที่มีกำหนดเวลา
แฟนเราเล่าให้ฟังว่า ช่างที่มีก็มีจำนวนจำกัด ( มีเพียง3-4 คน ) การแก้ปัญหาในตรงนี้ที่ แฟนเราคิดได้คือ การเพิ่มแรงงาน แต่เราไม่สามารถไปบอก บริษัทให้รับคนเพิ่มได้ เค้าจึงลงมาทำเอง ลงมาทำงาน ตัดไม้ ทาสี ทำเกือบทุกอย่างที่ช่างทำ เพื่อให้งานมันเสร็จเร็วที่สุด ( เหนื่อยจน ขี้เกลือเกาะเต็มเสื้อกลับบ้านทุกวี่ ทุกวัน เหม็นด้วย )
แต่แล้วมันก็ติดปัญหาอีก งาน 2 ติดปัญหา ที่เป็นปัญหาจากหน่วยงานอื่นที่เค้าสรุปไม่ได้เหมือนเดิม งานเลยเริ่มจะล่าช้า เค้าก็แก้ปัญหาตรงนั้นด้วยการ ให้ช่างที่มีอยุ่เพียงน้อยนิดไปรุมทำงานโปรเจคแรก โดยที่แฟนเราจะติดตามและไถ่ถามงานโปรเจคที่สองไปเรื่อย ๆ
จนในที่สุดงานในโปรเจคแรก ที่ค้างคาจึงเริ่มจะสำเร็จขึ้นมา เหลือเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็น ก็จะได้ส่งงาน
แต่แล้ววันหนึ่ง หัวหน้าประกาศว่า จะให้น้องอีกคนเข้ามาดูแลงานโปรเจค 1 แทน !! และไม่มีเหตุผลว่าทำไมแฟนเราถึงถูกถอดออก ทั้งที่งานมันเสร็จไปเกิน 95 % แล้ว
จากนั้นมีการประชุมเก็บงานที่เหลือ กันบ่อยครั้งโดยที่ไม่มีการเรียกแฟนเราเข้าร่วมด้วย .... ไม่มีชื่อแฟนเราในงานเหล่านั้น
เค้าก็ได้แต่กลับมาระบายให้เราฟัง ว่ารู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ เครียดมากจนไมเกรนขึ้น ความดันขึ้น เราจึงแนะนำไปว่า ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ โดนมองข้าม ไม่ให้ความสำคัญ ก็ลาออกซะ เพราะมันจะยิ่งทำให้เสียสุขภาพ
แต่ด้วยอายุ 30 กลาง ๆ ทำให้การลาออกในครั้งนี้นั้น เป็นการลาออกที่ทำให้ แฟนเราเครียดหนักกว่าเดิม
เราควรทำอย่างไรดีคะ
ถ้าเป็นพวกคุณ คุณจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ดี ...
ขอความเห็นหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ