[CR] ญี่ปุ่นจ๋า พี่มาแล้ว : การบุกไปหาที่รักโดยใช้หัวใจนำทาง ฉบับไร้สติและสตางค์

สวัสดีค่ะ  

เพี้ยนmbpt

ก่อนตั้งกระทู้นี้ก็ถามตัวเองอยู่ว่า ควรจะตั้งดีไหม เพราะ ข้อมูลการท่องเที่ยวในครั้งนี้คงจะเป็นแนวทาง
ให้ใครไปใช้ในการเดินทางจริงๆไม่ได้เลย รูปก็น้อย มีแต่รูปจาก iPad Mini ของตัวเองกับ iPhone ของเพื่อนแค่นั้น
Review สถานที่เที่ยวก็น้อย ภาพของกินก็ไม่มี ไปเที่ยวแค่ 5 วัน พักโรงแรมที่เดียว เที่ยวอยู่แค่เมืองเดียว
บัตร Pass อะไรก็ไม่ได้ซื้อเลย ไปแบบไร้สติ และไร้ซึ่งข้อมูลโดยสิ้นเชิง

ทุกคนคงเกิดคำถาม ว่า 'แล้วพวกแกไปทำอะไรกันละเนี่ย แล้วมาตั้งกระทู้ CR ทำม๊ายยย'

เพี้ยนทุบคอม

จุดประสงค์เดียวที่เราตั้งใจจะบอกในกระทู้นี้ก็คือ ถ้าคิดจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปเถอะค่ะ เที่ยวง่ายมาก ง่ายเหลือเชื่อ
ง่ายจนเรากับเพื่อนยังงง ว่า เออ มันง่ายจริงๆ ง่ายแบบ ไม่ต้องกลัวเรื่องภาษาเลยนะ สบตากันปิ๊งๆก็เข้าใจกันแล้ว

เพี้ยนลุย

โอเค มาดูกันว่าทำไมเราถึงกล้าการันตีแบบนี้ มามะ ไปเที่ยวกัน ที่ Osaka แบบใช้หัวใจนำทาง
ในราคาเหลือเชื่อ จนคุณเหลือใช้ (ขอยืมสโลแกนพี่หางแดงเขามาใช้หน่อย ^^;;)

ข้อมูลผิดพลาดขออภัยนะคะ เขียนตามที่รู้ และ ประสบพบเจอมาเลยค่ะ

คำเตือนก่อนร่วมเดินทาง 1 : กระทู้นี้ รูปน้อยมาก เพราะแทบไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะฉะนั้นใครอยากเห็นรูปสวยๆคงไม่มีนะคะ T__T
คำเตือนก่อนร่วมเดินทาง 2 : คาดว่ากระทู้น่าจะยาวมาก เพราะเราชอบเวิ่น แฮ่ๆ ^^;;

ถ้าอ่านคำเตือนและพร้อมแล้ว ก็ ปะ ปะ ไปกันโลด



เริ่มที่ ...


แรงบันดาลใจในการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ของเรามาจากที่เราอยากไปดู Tohoshinki ที่ญี่ปุ่นค่ะ (หรือทุกคนอาจจะรู้จักกันในนาม ดงบังชินกิ)
เลยแทคทีมกับเพื่อนอีก 1 คน ที่ชอบเหมือนกัน ว่าเราไปญี่ปุ่นกันเถอะ ไปดูพวกเขาที่ญี่ปุ่นสักครั้ง อยากไปอยู่ใน Hall ใหญ่ๆ
ที่จุคนได้หลายหมื่นคน แล้วก็แน่นอน ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยนะ อยากไปมานานแล้ว วี๊ดวิ้ว

ส่วนรอบคอนเสิร์ตก็เลือกช่วง มิถุนายน ซึ่งจะจัดที่ Kyosera Dome ที่ Osaka ช่วงวันที่ 21 - 22 มิถุนายน 2557

เรากับเพื่อนก็เลยตกลงกันว่าเราจะไปกัน แบบ ประหยัด !!! ให้ได้มากที่สุด เพราะต้องกันเงินไว้ให้ บัตรคอนเสิร์ต รวมถึงของขาย
หน้าคอนเสิร์ตด้วย (ติ่งโดยแท้ แหะๆ ^^;;) วางแผนกันว่าจะไป 3 วัน 2 คืนพอ คือไปดูปุ๊ปก็กลับกันเลยนะ จะเสียค่าตั๋วเครื่องบิน
ไปเพื่อแค่นี้แหล่ะ ช้านจะไปหา โอปป้า ของช้าน

จากนั้นก็มาดูตั๋วเครื่องบินกัน อยากได้แบบประหยัด ก็เลือกสายการบิน Air Asia เลย แล้วช่วงนั้นก็มี Promotion มาพอดี
ราคาตั๋วอยู่ที่ประมาณ 11,000 บาท ต่อที่นั่ง ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋า และต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ Kuala Lumpur
ณ จุดๆนี้ ได้ราคาตั๋วเท่านี้เรากับเพื่อนก็กรี๊ดแล้ว ฮูเร ~

แต่เนื่องจากเที่ยวบินของพี่หางแดง ไม่มีเที่ยวบินในวันศุกร์ และ วันอาทิตย์ ตอนแรกที่วางแผนกันว่าจะไปวันศุกร์ กลับวันอาทิตย์
ก็ต้องยกเลิกไป ได้บิน คืนวันพฤหัส แล้วกลับ ดึกวันจันทร์ จาก Trip 3 วัน 2 คืน ของเรา ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็น 4 วัน 3 คืนแทน
แต่ก็เอานะ ตั๋วไป Osaka ถูกขนาดนี้ เวลาบินโอเคด้วย ก็เลยได้ ขยายเวลาเที่ยวเพิ่มค่ะ

เพี้ยนแว๊น

วันเดินทาง : วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2557 เวลา 18.00 น.

เรากับเพื่อนเดินทางมาที่สนามบินดอนเมืองค่ะ ก็เข้าไป Check-in ตามปกติ พี่เคาต์เตอร์ก็น่ารักค่ะ ขอดู Passport เรากับเพื่อน
ได้ Boarding Pass มา 2 ใบ คือ เที่ยวบินจาก ดอนเมือง ไป Kuala Lumpur และ จาก Kuala Lumpur ไป Kansai ค่ะ

การ Check-in ของเราผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไร แต่แอบสังเกต เคาต์เตอร์ข้างๆ ไปญี่ปุ่นเหมือนกัน มากันสองคน ยื่น Passport ให้
กับพี่เคาต์เตอร์แต่ ตัว Passport คนคนหนึ่ง เหมือนจะไปตกน้ำมา ตรงหน้ารูปเลยเลือนไปหมดเลย พี่เคาต์เตอร์แจ้งว่า ไม่แน่ใจ
ว่าจะใช้ได้หรือเปล่าเพราะภาพไม่ชัด สแกนนิ้วมือก็คงไม่ได้ ตม. เห็นก็คงไม่ให้ (เราก็แอบได้ยินละเอียดขนาดนั้นเลย ^^;;)
จนพี่เคาต์เตอร์ต้องเดินไปถามเจ้าหน้าที่อีกคน จนสุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า แต่แอบคิดว่าไม่น่าได้นะคะ เพราะฉะนั้น
ใครจะเดินทางก็ตรวจสอบหนังสือเดินทางตัวเอง และเก็บไว้ให้ดีๆแต่เนิ่นๆเน่อ เผื่อว่า เกิดเหตุอะไรจะได้แก้ปัญหาทัน

จากนั้นก็ผ่านด่าน ตม. ค่ะ เจ้าหน้าที่ก็น่ารักค่ะ แสตมป์โน่นนี่เสร็จก็เดินเข้าไปอีก ผ่านด่านตรวจสัมภาระเสร็จก็จะเจอกับ
ร้านขายของภายในค่ะ สารภาพเลยว่าตอนเดินเข้าไปในนั้นนี่ตื่นเต้นมากเลย เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตเลย
ตอนรอเวลาขึ้นเครื่องเราก็ไปยืนดูเครื่องบิน Take off ตอนนั้นก็เริ่มกลัวแล้ว หัวใจเต้นแรงมาก Line หาพี่สาวเลย
เพราะว่ากลัวมาก แต่ก็พยายามทำใจให้สบาย ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไม่รู้ว่า การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของแต่ละคนท่าน
รู้สึกยังไงกันบ้าง กลัวแบบเราหรือเปล่าคะ เรานี่ขาสั่นเลย

เพี้ยนเพลีย

จากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินค่ะ เรากับเพื่อนไม่ได้โหลดกระเป๋า เพราะถ้าโหลดกระเป๋าต้องเสียเงินเพิ่มอีก 2 พันกว่าบาท (ประหยัดขนาดนี้คิดดู๊)
แล้วไปกันแค่ไม่กี่วัน เลยเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังกันไปคนละใบ โดยจำกัดให้คนละ 7 กิโลกรัม (อาจจะหยวนๆได้อีกนิดหน่อย)
สำหรับคนที่มีกระเป๋าล้อลากใบเล็ก ก็สามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้เช่นกันนะคะ บางคนเอาไปหลายใบด้วยสะพายหน้าหลัง กระเป๋าลากอีก
เจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่าอะไรนะคะ ขอแค่ไม่เยอะจนน่าเกลียด เราก็ว่าโอเคนะ

ชะแว๊บ นี่เครื่องบินของเรามาแว้ว ตื่นเต้นๆ ~



เครื่องที่บินไป Malaysia นี้เป็นเครื่องไม่ใหญ่มากค่ะ ที่นั่งค่อนข้างแคบ เราสูง 165 ซม. ตัวอวบอ้วน นั่งแล้วก็ขาติดเลย
แต่ดีว่าช่องข้างล่างยืดขาได้ ก็เลยรู้สึกสบายๆอยู่ ส่วนเพื่อนเราตัวเล๋็ก นั่งสบายมากเลย แล้วก็เที่ยวบินนี้เราไม่ได้สั่งข้าวไว้
เพราะเห็นว่าบินไม่นานค่ะ

เครื่องบิน จาก ดอนเมือง ไป Kuala Lumpur ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ บินแพล่บเดียวก็ Landing ที่โน่นโดยสวัสดิภาพ
ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะ เวลา Landing ใน Boarding pass เขียนว่า 23.30 น. เราก็คิดว่า
บินสองทุ่ม ถึง ห้าทุ่ม ก็บิน 3 ชั่วโมงสินะ แต่ที่จริงแล้ว เวลา 23.30 น. คือเวลาท้องถิ่นที่ Kuala Lumpur ซึ่งช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง

ง่าวไปเลยเรา แหะๆ ^^;;

เม่าเหม่อ

มาที่ สนามบิน Kuala Lumpur บ้างดีกว่า (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย ตอนนั้นกำลังตื่นเต้น) สนามบินใหม่มากค่ะ น่าจะเพิ่งสร้าง
มาถึงปุ๊ป เราก็พยายามดู Flight บินต่อของเราเลยว่ากี่โมง แต่พยายามดูบนจอยังไงก็ไม่เจอเลย ตอนนั้นเรากับเพื่อนก็เริ่มเครียด
เขายกเลิก Flight เปล่าแว้ คิดไปโน่นเลย ที่ไหนได้ เหลือบไปเห็นป้ายเขียนว่า 'Arrival Terminal' อ้าว นี่มัน อาคารผู้โดยสารขาเข้านี่
แล้วจะไปเจอ Flight บิน ขาออกได้ยังไง ง่าวครั้งที่ 2 ก็ต้องเดินไปหา 'Departure Terminal' สิ ถึงจะเจอ Flight บิน แหะๆ ^^;;

ก็เดินกันต่อไปค่ะ ไกลพอสมควร เดินไปเรื่อยๆ จะเจอทางแยกค่ะ เลี้ยวซ้ายไป จะไปเจอด่าน ตม. ถ้าไปทางขวาก็จะเป็นอาคาร
ผู้โดยสารขาออกค่ะ ดีว่าสนามบินที่ Lurlar Lumpur มีป้ายบอกค่อนข้างชัดเจน คือ ผู้โดยสารแบบ Fly Thru ไม่ต้องไป
ผ่าน ตม. แล้ว Check-in เพื่อเข้ามาใหม่ สามารถเดินออกไปเพื่อหา Gate ขึ้น Flight ต่อไปได้เลย ก็มีป้ายบอกไว้ว่า Right นะจ๊ะ
เลี้ยวไปทางขวาเลย มีเจ้าหน้าที่คอยบอกด้วยค่ะ

เม่าบัลเล่ต์

อ้อ ที่สนามบินมี Free Wifi ให้เล่นด้วยนะคะ ที่นั่งก็พอมีให้นั่งอยู่ มี TV จอใหญ่ให้ดูด้วย  

เรากับเพื่อนก็นั่งเล่นๆแถวนั้นไป พยายามดูที่ Board ประกาศ Flight ด้วย ว่าจะเรียกเมื่อไหร่ จนประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ก่อนเวลา Boarding ก็ขึ้นสถานะว่า Final Call เลย เรากับเพื่อนก็แบบ หา ทำไมถึงไม่ขึ้นว่า Check-in ก่อนล่ะ เพราะเรากับเพื่อน
นั่งจ้องกันมาตลอด ตอนนั้นเรากับเพื่อนก็รีบเลย แล้ว Gate ไกลมากกกกกกกก เดินไป 10 นาทีได้ค่ะ กว่าจะถึง พอไปถึงคือ
ทุกคนขึ้นเครื่องกันแทบหมดแล้ว

เพี้ยนรมเสีย

เก็บกระเป๋าขึ้นชั้นเรียบร้อยก็ได้เวลา Take off ออกจาก สนามบิน Kuala Lumpur ไป Kansai เย้เฮ ญี่ปุ่นจ๋า จะเจอกันแล้วน้า

ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะค่ะ ไปเที่ยวไม่กี่วัน แต่เรื่องเล่าเยอะมาก (ก็มีแต่น้ำๆ แฮ่ๆ ^^;;)

เดี๋ยวมาต่อที่ความเห็นต่อไปค่า ><

Note : 1. Tag เที่ยวต่างประเทศ เพราะไปญี่ปุ่น
          2. Tag นักร้องนักดนตรีเกาหลี เพราะไปดูคอนเสิร์ตของนักร้องสัญชาติเกาหลีที่ญี่ปุ่น
          3. Tag นักร้องนักดนตรีญี่ปุ่น เพราะผู้ที่อยากไปดูนักร้องที่ญี่ปุ่นก็น่าจะนำข้อมูลไปใช้ได้
          4. Tag คอนเสิร์ตด้วย เพราะเล่าบรรยากาศของการดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นด้วย
          5. Tag Backpack เพราะเป็นการ Backpack แบบไม่โหลดกระเป๋าเลยนะ (เกี่ยวไหมหนอ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่