แรง !! ผู้บริหารช่องสามเมินออกคู่ขนาน มั่นใจเคเบิ้ล-ดาวเทียมต้องง้อ

ผู้บริหารช่อง 3 ลุ้นเส้นตาย 15 วันช่อง 3 อนาล็อกจอดำ! เมินบีบออกอากาศคู่ขนาน


ผู้บริหารช่อง 3 ลุ้นเส้นตาย 15 วันช่อง 3 อนาล็อกจอดำ! เมินบีบออกอากาศคู่ขนาน

       ผู้บริหารช่อง 3 ลุ้นเส้นตาย 15 วัน กสท. ห้ามเคเบิ้ล-ดาวเทียมออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก เชื่อเคเบิ้ล-ดาวเทียมต้องพึ่งพาช่อง 3 อนาล็อกเพราะฐานคนดูแน่น เมินแรงบีบออกอากาศคู่ขนาน อ้างไม่ถึงเวลาและไม่อยู่ในแผน ยันไม่ใช่ตัวถ่วงทีวีดิจิตอล
       
       กลายเป็นประเด็นร้อนที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด กับกรณีการสิ้นสภาพฟรีทีวีของช่อง 3 อนาล็อก หลังจากเส้นตายที่ กสทช.ยืดให้ 100 วัน จนทำให้หลายฝ่ายลุ้นว่าในวันที่ 1 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ช่อง 3 อนาล็อกจะเกิดภาวะจอดำหรือไม่ แต่ปรากฏว่าหลังเที่ยงคืนของวันดังกล่าวช่อง 3 อนาล็อกก็ยังออกอากาศได้ตามปกติ โดยอ้างประกาศของ คสช.ในช่วงปฏิวัติที่ระบุให้สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งออกอากาศได้ทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข่าวสาร จนทำให้กสท.ต้องเรียกทุกฝ่ายเข้าหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมีตัวแทนฝ่ายกฎหมายของช่อง 3 และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่องมาร่วมหารือด้วย แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กสท.ได้ส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการโครงข่ายเคเบิล และดาวเทียม ห้ามออกอากาศช่อง 3 ในระบบอนาล็อก คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน ซึ่งต้องทำให้ลุ้นอีกครั้งว่าหลังครบกำหนด 15 วันแล้วช่อง 3 จะเกิดภาวะจอดำหรือไม่
       
       ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” รองกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงเรื่องดังกล่าว ผู้บริหารช่อง 3 ระบุทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและเป็นเรื่องของธุรกิจ โดยตนหวังว่าทุกฝ่ายจะได้รับผลประโยชนร่วมกัน ลั่นเคเบิ้ล ดาวเทียม ไม่มีช่อง 3 อนาล็อกไม่ได้ เพราะฐานคนดูแน่นมานานแล้ว บอกการออกอากาศคู่ขนานไม่ได้อยู่ในแผนของการประมูลทีวีดิจิตอลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
       
       “อย่างที่คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาพูดว่าเราเป็นผู้ประมูลสูงที่สุดในทีวีดิจิตอล เราเป็นบริษัทมหาชน เราก็ต้องคุยกับผู้ถือหุ้นเรา ใครเขาจะยอมให้เราเอาเงินตั้ง 6-7 พันล้านมาแล้วบอกว่าไม่เห็นด้วย แล้วคุณไปทำทำไม แต่เราได้ฉันทมติจากผู้ถือหุ้นให้เราเข้าไปประมูลภายใต้ชื่อบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย ทีนี้การที่เราจะมาพูดกันตอนนี้ผมว่ามันเป็นเงื่อนไขทางธุรกิจที่ต่างคนก็ต่างมีแผนงานว่าจะทำอย่างไร จะให้คนข้างนอกมาบังคับให้เราทำตามแผนงานไม่เหมือนที่เราตั้งใจเอาไว้ ผมว่ามันก็ไม่ถูกต้องนะ”
       
       “เราเห็นความสำคัญอยู่แล้วว่าจะต้องเกิด ทีนี้ถ้าหากว่าหลายท่านมีความเห็นว่าช่อง 3 มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่าน ให้เกียรติเราแบบนั้นและอยากจะให้เราขึ้นไปอยู่ เราก็ต้องไปคุยปรึกษากับเขาและหาแนวทางว่าจะทำยังไง จะช่วยเรายังไงให้เราสามารถช่วยเขาได้ แต่จะทำยังไงก็ต้องดูจากเขา เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นแผนงานอะไรของช่อง 3 เรามีแผนงานทางธุรกิจของเรา เพราะแผนของเราไม่ได้จะเอาไปออกคู่ขนานตั้งแต่วันแรกที่ประมูลได้แน่นอน ชัดเจน”
       
       “แต่ระยะเวลามันจะยาวจะสั้นแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าให้อนาคต ให้เวลา ให้ความพร้อมของเน็ตเวิร์ค ให้ความพร้อมของคอนเทนต์ ให้ความพร้อมของช่อง 3 อนาล็อคของเรา และการมาของดิจิตอลสมบูรณ์ เราทำแน่นอน เราเป็นนักธุรกิจ แต่ไม่ต้องมาบอกว่าคุณสุรินทร์มาพรุ่งนี้เลย เอ๊ะ คุณเป็นเจ้าของบริษัทผมหรือไง”
       
       “เรื่องของเอเยนซี่ไม่มีปัญหาเลยครับ แน่นอนคนซื้อทุกคนเขาก็ต้องตื่นเต้นกับข่าวที่ออกมา แต่ในเมื่อมันมีอีกกระแสยืนยันในลักษณะนี้ออกมา เอเยนซี่เขาก็มั่นใจ คือเรื่องของการซื้อโฆษณาเป็นเรื่องของความตั้งใจของผู้ซื้อที่อยากจะซื้อกับผู้ขายที่มีความรับผิดชอบ ถ้าเราขายแล้วรับผิดชอบผู้ซื้อก็สบายใจ อะไรที่มันจะเกิดขึ้นเราบอกเรารับผิดชอบ ก็ถ้าหากมันเกิดขึ้นอย่างที่หลายคนคิดว่ามันจะเกิด แน่นอนคนซื้อย่อมต้องเสียเปรียบ แต่ถ้าเราเป็นคนขายที่ดีเราก็อย่าให้เขาเสียเปรียบอย่างนั้นก็เท่านั้นเอง เมื่อเขาซื้อแล้วไม่ได้เหมือนสิ่งที่เขาซื้อ เราก็ต้องชดเชยให้เขา”
       
       “ซึ่งของเราก็ไม่ได้มีการปรับผังอะไร ธุรกิจของเราก็ดำเนินไปตามปกติ เราก็ดำเนินงานตามแผนงานที่เราวางแผนเอาไว้ไปตามปกติ อย่างรายการ THE FACE THAILAND ที่เปิดตัวใหม่เราก็ลงทุนไปตั้งเยอะตั้งแยะ เราก็ออกอากาศตามปกติ เราไม่จำเป็นที่จะต้องไปออกอากาศเพื่อที่จะกั้กเอาไว้อย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเรามั่นใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่ เราไม่ได้ไปทำอะไรผิด”
       
       ยันหาว่าช่อง 3 ไม่จริงใจไม่ได้ เพราะซื้อคอนเทนต์ในราคาแพงลิ่ว ไม่มีใครกล้าลงทุนแบบนี้อีกแล้ว บอกตอนประมูลทีวีดิจิตอล ไม่ได้มีเงื่อนไขระบุว่าต้องออกอากาศคู่ขนาน
       “แต่ถามว่าถ้าย้ายไปดิจิตอลค่าโฆษณามันจะลดลงเลยยังไม่ย้าย อย่างที่ผมบอกว่าผมจะย้ายด้วยเหตุผลอะไร มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องค่าโฆษณาอะไรทั้งสิ้นเลย ถ้าทุกอย่างมันพร้อมค่าโฆษณามันก็มาเอง คอนเทนต์แพงๆ มันก็ไปลงได้ ทำไมผมจะไม่กล้า ผมถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคู่ลิเวอร์พูล-สเปอร์ผมยังเอาไปออกช่องสแตนดาร์ตเลย ซื้อมาตั้งแพง แล้วบอกผมไม่ลงทุนได้ยังไง มีใครซื้อคอนเทนต์แพงกว่าผมไหมไปดูเลยต่อหนึ่งรายการมีไหม จะมาบอกว่าผมไม่จริงใจได้ยังไง ถ้าอย่างนั้นผมเอาออกช่องออริจินัลไม่ดีเหรอ”
       
       “ผมว่าอะไรก็แล้วแต่มันอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง อันนี้มันเป็นเรื่องของการต่อสู้ มันไม่ใช่เรื่องสงครามระหว่างช่อง 3 กับช่องอื่นๆ หรือกับทางกสทช. มันเป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจ มันเป็นเรื่องของการพยายามหาทางออกว่าจะทำอย่างไร ในเมื่อหลายท่านให้ความสำคัญกับช่อง 3 ในเรื่องของการเปลี่ยนผ่าน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ยินดีจะปรึกษาว่าจะให้เราช่วยอย่างไร แต่ถามว่าผมจะช่วยอย่างไร อันนี้ต้องไปฟังจากทางเขามากกว่า เพราะเขาอยากจะให้เราไปอยู่ในนั้น ช่องอื่นๆ ก็ไม่ได้กดดันมานะ เพราะวันที่เราไปประมูลดิจิตอลทีวีไม่เคยมีเงื่อนไขว่าทุกช่องจะต้องไปออกคู่ขนาน แต่มีเงื่อนไขว่าช่องที่ไปประมูลได้ที่หนึ่งต้องเลือกเบอร์ได้ ผมควรจะได้ในสิ่งที่ผมควรได้ แต่ผมไม่ได้นะ ผมไม่ควรจะเสียในสิ่งที่คนมาบอกว่าผมจะต้องให้เขานะ”
       
       บอกทีวีดิจิตอลยังไม่มีความพร้อม แล้วทำไมต้องบังคับช่อง 3
       “ถามว่ามีผลกระทบไหมก็มี ก็ยอมรับว่าคนที่อยู่ในดิจิตอลทีวีมันมาด้วยความไม่พร้อมหลายๆ อย่าง ทั้งในแง่ตัวเขาเอง ทั้งในแง่คนดูที่เป็นเรตติ้ง ทั้งในแง่เน็ตเวิร์คที่มันขยายไม่ทันสักที คูปองก็ไม่ยอมแจก สภาวะเศรษฐกิจที่มันไม่ดีเทียบกับปีก่อน ซึ่งเมื่อสถานีหลักยังมีคนดูเยอะอยู่ ถึงแม้ว่าจะลดลงบ้าง แต่ถ้าเทียบกับดิจิตอลก็ยังถือว่าเยอะอยู่ เม็ดเงินที่มีน้อยลง แต่จำนวนผู้ล่าเหยื่อที่มีเยอะขึ้นในตลาด”
       
       “ฉะนั้นก็ต้องบอกว่ามันมีหลายๆ องค์ประกอบที่ทำให้ผู้ประกอบการดิจิตอลในระยะเริ่มต้นต้องประสบกับความผิดหวังเนื่องจากไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ทั้งหมดที่ว่ามาคงไม่ใช่หนึ่งในสาเหตุที่เป็นช่อง 3 แน่นอน ทุกวันนี้ 70% มันอยู่ในเคเบิ้ลและแซทเทิลไลท์อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมจะต้องมาบังคับว่ามาอยู่ใน 36 ช่องนี้ จริงๆ แล้วช่อง 3 ในบางแพลตฟอร์มมันไปอยู่ในช่องไม่รู้กี่ร้อยด้วย ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าจะทำให้เขาเดือดร้อนเรื่องอะไรเนี่ย ถ้าถามผมตอนจบคนดูเดือดร้อนนะ”
       
       “แต่ผมก็คงไม่ไปเพราะกล่องมันดีขึ้น ผมไปเมื่อผมมั่นใจว่ามันถึงแผนงานทางธุรกิจที่ผมวางเอาไว้ ซึ่งผมก็คงไม่สามารถจะบอกได้ว่าภายใน 2-3 ปีนี้ผมจะขึ้นไป ปีหน้าผมอาจจะขึ้นไปหมดก็ได้ ผมก็ต้องดูความพร้อมในส่วนของผมว่าผมมีอะไรยังไงบ้าง พร้อมแล้วหรือยังที่ผมจะไป ตรงนี้ยังอยู่หรือจะไม่อยู่แล้ว แต่มันคือธุรกิจของเรานะ คุณจะมาบอกให้ผมไปทำอะไรล่ะ”
       
       “ถามว่าถ้าเทียบอนาล็อคกับดิจิตอลไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ดิจิตอลอย่าเพิ่งไปพูดถึงเลยครับ เพราะว่ามันเล็กน้อยมาก เนื่องจากว่าเราเริ่มธุรกิจมาถึงวันนี้ก็ 4-5 เดือนเอง ทุกวันนี้ยังมีคนบอกเลยว่าเราทำงานไม่เต็มที่ เราไม่เห็นความสำคัญมันจริง ซึ่งผมก็ต้องขอเถียงนะครับ ไม่ได้เป็นเศรษฐีมาเผาเงินเล่น แผนงานทางธุรกิจทุกคนมี และที่คนพูดว่าทำไมมีแต่ช่องรีรัน ผมว่ามันเป็นธรรมชาติของการทำธุรกิจโทรทัศน์ ใครๆ ก็มีรีรัน มันก็เป็นแผนธุรกิจของแต่ละคน บางคนบอกทำแค่ช่องเดียวยังเหนื่อยเลย แต่ผม 3 ช่องนะ”
       
       “เราก็ไม่เคยไปบอกใครที่ไหนว่าปีที่หนึ่งเราจะกำไรสุดฤทธิ์ หรือปีที่หนึ่งเราจะเป็นผู้นำตลาด ผมไม่เคยไปพูดที่ไหนเลย ผมบอกแต่ว่าปีที่หนึ่งผมก็คงจะต้องประคองตัวเอง ผมจะไม่ขี่ช้างจับตั๊กแตน ผมรอให้คนมาครบก่อนแล้วก็ค่อยทำ ผมไม่มีความรีบร้อนที่จะต้องเอาซูเปอร์คอนเทนต์มาลงในขณะที่คนดูยังไม่พร้อม พร้อมในที่นี้ก็คือฐานของคนดู เรื่องของเอเยนซี่ ถ้าสองอันนี้พร้อมทำไมผู้ประกอบการเขาจะไม่กล้าลงทุน ผมถามว่าถ้าผมขึ้นไปทุกคนจะรวยไหม ทุกคนจะประสบความสำเร็จไหม”
       
       ไม่หวั่นแรงกดดันเพราะอยู่ในช่วงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน
       “ถ้าถามว่าเขามีแนวทางจะบังคับเราได้ไหม จริงๆ เราก็ไม่ได้เกรงอะไร เพราะเราก็อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน มันอยู่ที่ว่าคนเปลี่ยนผ่านทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนมากน้อยแค่ไหน แต่ผมว่าภาพของการทำความเข้าใจคงยังไม่สมบูรณ์ทีเดียว เพราะฉะนั้นคนก็เลยยังงงๆ กันทั้งคนดู คนทำ เหมือนกับจ่ายตังค์กันมาแพงทุกคนเพื่อมาแก้ปัญหากัน ทุกคนควรจะเข้ามาและมุ่งเน้นคอนเทนต์ของตัวเองว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำคอนเทนต์ให้มันดี นี่กลายเป็นว่าคนมานั่งคิดว่าเมื่อไหร่จะได้แจกคูปอง ให้เน็ตเวิร์คขยายขึ้น ผมคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของผู้ประกอบการต้องมานั่งกังวลตรงนี้นะ”
       
       “สรุปเราในฐานะผู้ประกอบการ เป็นบริษัทมหาชนเราก็มีแผนงานในการดำเนินธุรกิจ เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เรารู้ว่าแผนงานธุรกิจของเรามันมาถึงจุดที่เราบรรลุว่าอยากจะทำโน่นจะทำนี่เราก็ทำตามแผนงานของเรา แต่เราไม่ให้คนอื่นมาสั่งให้เราทำตามเขา ผมไม่จำเป็นต้องไปออกคู่ขนาน แต่คุณมาบอกให้ผมไปคู่ขนานมันยังไงกัน คุณเป็นผู้บริหารของผมหรือไง”
       
       เผยอยากให้ออกมาวินวินเพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่าย
       “โดยภายหลังจากที่ทางช่อง 3 กับกสท. หาแนวทางว่าจะทำอย่างไร เราก็มีแนวทางในการทำธุรกิจของเรา ผู้ประกอบการอื่นก็อยากให้เราไป กสท.ก็อยากให้การเปลี่ยนผ่านสำเร็จ เพราะฉะนั้นทุกคนก็มีจุดประสงค์คล้ายๆ กัน คือธุรกิจ การเปลี่ยนผ่าน คิดว่าเราเป็นตัวสำคัญตรงนั้นก็มีการหาแนวทางกัน อาทิตย์หน้าคงมีการคุยกันในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ถามว่าแนวโน้มจะไปทางไหน ก็อยากให้สถานการณ์ ออกมาวินวิน ทุกคนได้ประโยชน์ คนดูก็ได้ประโยชน์ กสท.ก็ได้เปลี่ยนผ่านสำเร็จ ณ ปัจจุบันต่างคนก็ต่างมีวัตถุประสงค์ของตัวเอง ต่างคนก็พยายามกดดันให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องได้ แต่การได้ประโยชน์ของคนหนึ่งก็คือการเสียประโยชน์ของอีกคน ถ้าเราคิดอย่างนี้ก็ไม่จบเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งการเปลี่ยนผ่านก็ไม่ได้เคารพในธุรกิจเดิมที่เขาทำมา อย่างช่อง 3 ทุกคนต้องการให้ช่อง 3ไปอยู่ในดิจิตอล ก็คงต้องมาหารือกันอีกทีว่าจะอย่างไร”
       
       “การทำหนึ่งอย่างมันก็มีผลกระทบอย่างอื่น การที่ไม่ให้ช่อง 3 ออนแอร์ในเคเบิ้ล กับดาวเทียม ทำให้เจ้าของเคเบิ้ลหรือดาวเทียมลำบากใจ เพราะ 70 เปอร์เซ็นต์ที่คนทางบ้านรับชมเขาก็ดูช่อง 3 ด้วย และในอดีตที่ผ่านมาเคเบิ้ลต่างจังหวัด ดาวเทียมต่างจังหวัด หรือเคเบิ้ลทั่วประเทศ ธุรกิจเริ่มก่อตั้งขึ้นมาได้ ก็อาศัยอนาล็อกไม่ใช่เฉพาะช่อง 3 ช่องเดียว แต่ช่อง 3 ก็มีคนนิยมสูง เพราะฉะนั้นกลายเป็นว่าเขาต้องพึ่งเรามาตลอด กลายเป็นความคุ้นเคยของผู้ชมในโครงค่ายเขากับเรา พอไม่มีช่องเราเขาก็มีปัญหาแน่นอน เขาก็ต้องไปตอบคำถามสมาชิกที่เป็นสมาชิกว่าหายไปไหน สิ่งที่ผมพยายามบอกคือสถานภาพมันเป็นฟรีทีวีจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ถ้าช่อง 3 ไม่อยู่ตรงที่เคยอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่