ตถาคตเท่านั้นที่พยากรณ์ไม่ผิดพลาด
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เวลาเช้า
ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังที่อยู่ของมิคสาลาอุบาสิกา
แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดถวาย ครั้งนั้น มิคสาลาอุบาสิกาเข้าไปหาท่าน
พระอานนท์กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่าน
พระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านพระอานนท์ .......... บิดาของดิฉันชื่อปุราณะเป็นผู้
ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านกระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล .........
บุรุษชื่ออิสิทัตตะ ผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์
(แต่) ยินดีด้วยภรรยาของตน แม้เขาทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรง
พยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล ............ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาคทรง
แสดงแล้ว อันเป็นเหตุให้คนสองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
คนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
ได้อย่างไร ..........
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนน้องหญิง ! ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาค
ทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้น..........
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ! ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาล
ไม่ฉลาด เป็นคนบอด มีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น
อะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล..........
เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้
นอกจากตถาคต ดูก่อนอานนท์ ! เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลาย
อย่าได้เป็ นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเรา
พึงถือประมาณในบุคคลได้
- ทสก. อํ. ๒๔/๑๔๗/๗๕
ผู้เดียวในโลกที่พยากรณ์บุคคลอื่นๆได้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เวลาเช้า
ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังที่อยู่ของมิคสาลาอุบาสิกา
แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดถวาย ครั้งนั้น มิคสาลาอุบาสิกาเข้าไปหาท่าน
พระอานนท์กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่าน
พระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านพระอานนท์ .......... บิดาของดิฉันชื่อปุราณะเป็นผู้
ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านกระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล .........
บุรุษชื่ออิสิทัตตะ ผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์
(แต่) ยินดีด้วยภรรยาของตน แม้เขาทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรง
พยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล ............ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาคทรง
แสดงแล้ว อันเป็นเหตุให้คนสองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
คนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ
ได้อย่างไร ..........
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนน้องหญิง ! ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาค
ทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้น..........
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ! ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาล
ไม่ฉลาด เป็นคนบอด มีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น
อะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล..........
เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้
นอกจากตถาคต ดูก่อนอานนท์ ! เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลาย
อย่าได้เป็ นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเรา
พึงถือประมาณในบุคคลได้
- ทสก. อํ. ๒๔/๑๔๗/๗๕