ตามหัวข้อค่ะ คืออยากจะชวนเพื่อนๆมาแชร์ประสบการณ์การใช้แอร์พอร์ตลิ้งกันค่ะ ขอ tag ห้โต๊ะเครื่องแป้งด้วยนะคะ เพราะคาดว่าจะมีผู้ร่วมมชะตากรรมอยู่เยอะ
โดยเราพยายามรวบรวมสิ่งที่เราเจอมาในแต่ละวัน ซึ่งบอกตรงๆว่าแต่ละวันนี่ลุ้นระทึกกันทุกวัน ว่าจะไปเข้างานสายมั้ย ทั้งๆที่เผื่อเวลาไว้เป็นชั่วโมง
1. รอนานมากกกกกกกกกกกกก (ขอลากเสียงยาวๆๆๆ)
คนกรุงเทพฯใครๆก็อยากจะหนีรถติดมาใช้บริการรถไฟฟ้า ทำให้คนมาใช้บริการแอร์พอร์ตลิ้งค์กันแบบมหาศาล แต่ประเด็นมันอยู่ที่รอรถนานมากกก ทั้งๆที่มีข่าวว่าช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างช่วงเช้าและเย็น จะเพิ่งความถี่ในการวิ่งรถให้ผู้โดยสายให้รอเพียงแค่ 8 นาที แต่ทุกวันนี้ดิฉันรอ 15 นาที เหมือนเดิมค่ะ บางวันมีแปะป้ายไว้ตรงจุดจำหน่ายตั๋วด้วยนะคะว่า รถจะมาเลทไปอีก 20 นาที (แม่จ้าวววว) ซึ่งสาเหตุก็มาจากรถเสียค่ะ ดิฉันมาทำงาน 5 วัน เจอรถเสียไป 3 วัน บอกตรงๆเพลียค่ะ และที่เด็ดสุดก็คือจอที่บอกเวลานับถอยหลังว่าอีกกี่นาทีรถจะมา ดิฉันก็มองๆอยู่ว่าอีก 3 นาที รถจะมาแล้วเว้ยเห้ยยย อยู่ๆเกมพลิกค่ะ มันเด้งกลับไปเป็น 12 นาที ก็ได้แต่ยืนมองอย่างๆเซ็งๆ แล้วโทรไปบอกที่ทำงานว่าวันนี้ชั้นสายนะแก
2. รถมีน้อย
แน่นอนค่ะ ว่าไม่เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารจำนวนมหาศาลในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างแน่นอน ไหนยังจะรถเสียอีก ผู้โดยสารทุกคนก็อยากจะยัดตัวเองเข้าไปให้ได้ เพราะไม่งั้นต้องรอไปอีก 15-20 นาที และที่เห็นกันบ่อยๆคือ คุณตา คุณยายแก่ๆที่ ต้องไปเบียดกับมนุษย์ออฟฟิศที่แรงเยอะกว่า ไหนจะยังมีมนุษย์ป้าอีก บอกตรงๆเห็นแล้วสงสารค่ะ
3. ประหยัดไฟ
ไฟฟ้าต่างๆ อย่างเช่น ไฟตรงชานชาลาที่สถานีหัวหมากมืดมากค่ะ หรือไม่เปิดแอร์ในขบวนรถไฟ ยิ่งช่วงเช้าๆดิฉันจะเป็นลมค่ะ เพราะไหนจะคนแน่นแบบชนิดที่เรียกได้ว่ายืนทับกันอยู่แล้ว รู้ค่ะว่าอยากช่วยสนองนโยบายประหยัดพลังงาน แต่นี่มันจำเป็นมั้ย!!!
4. เอารถเปล่าไปวิ่งเฉยๆ
อย่างที่รู้ๆกันนะคะ ว่าอิรถ Express Line ที่วิ่งตรงไปสุวรรณภูมิเลยเนี่ย มันไม่มีคนนั่ง รู้มั้ยคะว่าวิ่งรถเปล่าๆไปกลับเนี่ย มันเสียพลังงานไปแค่ไหน ดิฉันที่ยืนรอรถ City Line อยู่กันริมชานชาลาเนี่ยก็มองตามกันตาละห้อยสิคะ
ประสบการณ์ที่ดิฉันนึกออกก็ประมาณนี้แหละค่ะ คิดว่ายังมีอีกแต่นึกไม่ออก เลยอยากหาเพื่อนร่วมชะตากรรมมาแชร์ประสบการณ์ตอนนั่งรถแอร์พอร์ตลิงค์กันค่ะ เผื่อกระทู้นี้จะโด่งดัง จนเกิดปรากฏการณ์คืนความสุขให้ประชาชนผู้ใช้แอร์พอร์ตลิ้งกันบ้างนะคะ
ชวนเพื่อนๆ แชร์ประสบการณ์สุดระทึกในการใช้ Airport Link กันค่ะ
โดยเราพยายามรวบรวมสิ่งที่เราเจอมาในแต่ละวัน ซึ่งบอกตรงๆว่าแต่ละวันนี่ลุ้นระทึกกันทุกวัน ว่าจะไปเข้างานสายมั้ย ทั้งๆที่เผื่อเวลาไว้เป็นชั่วโมง
1. รอนานมากกกกกกกกกกกกก (ขอลากเสียงยาวๆๆๆ)
คนกรุงเทพฯใครๆก็อยากจะหนีรถติดมาใช้บริการรถไฟฟ้า ทำให้คนมาใช้บริการแอร์พอร์ตลิ้งค์กันแบบมหาศาล แต่ประเด็นมันอยู่ที่รอรถนานมากกก ทั้งๆที่มีข่าวว่าช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างช่วงเช้าและเย็น จะเพิ่งความถี่ในการวิ่งรถให้ผู้โดยสายให้รอเพียงแค่ 8 นาที แต่ทุกวันนี้ดิฉันรอ 15 นาที เหมือนเดิมค่ะ บางวันมีแปะป้ายไว้ตรงจุดจำหน่ายตั๋วด้วยนะคะว่า รถจะมาเลทไปอีก 20 นาที (แม่จ้าวววว) ซึ่งสาเหตุก็มาจากรถเสียค่ะ ดิฉันมาทำงาน 5 วัน เจอรถเสียไป 3 วัน บอกตรงๆเพลียค่ะ และที่เด็ดสุดก็คือจอที่บอกเวลานับถอยหลังว่าอีกกี่นาทีรถจะมา ดิฉันก็มองๆอยู่ว่าอีก 3 นาที รถจะมาแล้วเว้ยเห้ยยย อยู่ๆเกมพลิกค่ะ มันเด้งกลับไปเป็น 12 นาที ก็ได้แต่ยืนมองอย่างๆเซ็งๆ แล้วโทรไปบอกที่ทำงานว่าวันนี้ชั้นสายนะแก
2. รถมีน้อย
แน่นอนค่ะ ว่าไม่เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารจำนวนมหาศาลในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างแน่นอน ไหนยังจะรถเสียอีก ผู้โดยสารทุกคนก็อยากจะยัดตัวเองเข้าไปให้ได้ เพราะไม่งั้นต้องรอไปอีก 15-20 นาที และที่เห็นกันบ่อยๆคือ คุณตา คุณยายแก่ๆที่ ต้องไปเบียดกับมนุษย์ออฟฟิศที่แรงเยอะกว่า ไหนจะยังมีมนุษย์ป้าอีก บอกตรงๆเห็นแล้วสงสารค่ะ
3. ประหยัดไฟ
ไฟฟ้าต่างๆ อย่างเช่น ไฟตรงชานชาลาที่สถานีหัวหมากมืดมากค่ะ หรือไม่เปิดแอร์ในขบวนรถไฟ ยิ่งช่วงเช้าๆดิฉันจะเป็นลมค่ะ เพราะไหนจะคนแน่นแบบชนิดที่เรียกได้ว่ายืนทับกันอยู่แล้ว รู้ค่ะว่าอยากช่วยสนองนโยบายประหยัดพลังงาน แต่นี่มันจำเป็นมั้ย!!!
4. เอารถเปล่าไปวิ่งเฉยๆ
อย่างที่รู้ๆกันนะคะ ว่าอิรถ Express Line ที่วิ่งตรงไปสุวรรณภูมิเลยเนี่ย มันไม่มีคนนั่ง รู้มั้ยคะว่าวิ่งรถเปล่าๆไปกลับเนี่ย มันเสียพลังงานไปแค่ไหน ดิฉันที่ยืนรอรถ City Line อยู่กันริมชานชาลาเนี่ยก็มองตามกันตาละห้อยสิคะ
ประสบการณ์ที่ดิฉันนึกออกก็ประมาณนี้แหละค่ะ คิดว่ายังมีอีกแต่นึกไม่ออก เลยอยากหาเพื่อนร่วมชะตากรรมมาแชร์ประสบการณ์ตอนนั่งรถแอร์พอร์ตลิงค์กันค่ะ เผื่อกระทู้นี้จะโด่งดัง จนเกิดปรากฏการณ์คืนความสุขให้ประชาชนผู้ใช้แอร์พอร์ตลิ้งกันบ้างนะคะ