ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับมากระเดียด .... เพราะอะไรๆ มันก็ไม่ "นิ่งหนอ"

ความจริงแล้ว ข้อความต่างๆ พร้อมทั้งหลักฐาน ในกระทู้ของผม มันมีความชัดเจนมากนะครับ
อีกทั้งยังมีการแยกแยะ อย่างชัดเจนว่า ส่วนไหนเป็นความเห็นส่วนตัว และอันไหนเป็นหลักฐานจากพระสูตร หรือ อรรถกถา

แต่ผมก็รู้สึกแปลกใจมิใช่น้อย ที่กลับพบว่า มีใครบางคน อ่านหลักฐานเหล่านั้น
แล้วเกิดความสับสน จนอาจถึงขั้น "วิปลาส" เลอะเลือน กลับผิดเป็นถูก กลับถูกเป็นผิด ไปเสียได้

กรณี สาวกภาษิตา นั้นชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายถึง ภิกษุในพระพุทธศาสนา
ซึ่งกล่าวธรรม หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท แบบนอกแนว  ไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ กล่าวคือ
เป็นคำสอนที่ไม่เป็นไปในฝ่าย โลกุตตระ ไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม คือ ว่างจากตัวตนของตน !



ทั้งนี้ อรรถกถาจารย์ ก็เพียงแต่อธิบายความว่า ............

บทว่า สาวกภาษิตา ความว่า สามเณร ภิกษุหนุ่ม มาตุคาม และ มหาคหบดี เป็นต้น มีความพอใจ เพราะพระสูตรเหล่านั้น
มีอักษรอันวิจิตร และสมบูรณ์ด้วยการฟัง จักเป็นปรารถนาประชุมฟัง ด้วยคิดว่า ผู้นี้เป็นธรรมกถึก ฯลฯ

แต่สิ่งที่ ล็อกอิน นิ่งหนอ คิด และ เข้าใจ กลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง !



อยู่ดีๆ นายคนนี้ ก็เข้ามาโวยวายใส่ผม ในฐานะเจ้าของกระทู้ ในทำนองว่า .........

(ผม?) เอาอะไรมาคิดว่า สามเณร ภิกษุหนุ่ม และอื่นๆ ฯลฯ เชื่อถือไม่ได้
จากนั้น ก็ลามปามไปถึงพระรูปนั้นรูปโน้น เรื่อยเปื่อย

สุดท้าย ก็มาจบลงตรงที่ นายคนนี้ ยังไม่ทราบว่า ปฏิจจสมุปบาทสายดับ เป็น โลกุตตระ
โดยกล่าวหาว่า ผู้อื่น จะ "ยัดเยียด" ให้เป็น โลกุตตระ ให้ได้ !

น่าสมเพช ไหมล่ะ ?

************************************************************************************

ประการแรก

กรณี ของ สามเณร ภิกษุหนุ่ม มาตุคาม และ มหาคหบดี เป็นต้น จากอรรถกถานั้น
ก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า บุคคลเหล่านั้น อยู่ในฐานะ "ผู้ฟังธรรม" ไม่ใช่ ผู้กล่าวธรรม

แปลว่า อรรถกถาจารย์ ก็ไม่ได้พูด ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ก็ไม่ได้พูด เอาไว้ตรงไหนเลยว่า
ไม่ให้เชื่อพระหนุ่มเณรน้อย อะไรต่อมิอะไร ตามที่เขา "พล่าม" น้ำลายแตกฟอง มาเสียยืดยาวนั้นเลย แม้สักคำเดียว

มันไปเอาอะไรที่ไหนมาพูดครับ ?

อย่าบอกนะว่า ข้อความจากอรรถกถาเพียงสามสี่บรรทัดแค่นี้ แต่มันกลับอ่านไม่รู้เรื่อง
อ่านไม่รู้เรื่องยังไม่พอ ดันเสร่อ ฟูมฟาย กล่าวหาใส่ร้ายผู้อื่นดื้อๆ โดยไม่มีมูล เข้าให้อีก

ประการที่ ๒

ปฏิจจสมุปบาท สายดับ มันเป็น โลกุตตรธรรม โดยไม่จำเป็นต้องมีใครไป "ยัดเยียด" หรอกนะครับ
ถ้า ล็อกอิน นิ่งหนอ ไม่เชื่อ คุณก็จงไปถาม ...... "พระที่บวชแล้วเรียน นักธรรม"
ที่คุณอ้างว่า "ก็จะต้องรู้กันทุกตนว่า โลกุตตรธรรม คือธรรมพ้นโลก ฯลฯ" นั่นแหละ

จงไปถามเขาดูสิว่า ปฏิจจสมุปบาทสายดับ เป็น โลกุตตระ หรือไม่ ?
ถ้าได้คำตอบว่าอย่างไร ก็กรุณานำมาเปิดเผยในที่สาธารณะ ด้วยจักเป็นพระคุณอย่างสูง
แต่ในระหว่างนี้ ลองฟังคำอธิบายของท่านปยุตโต ไปพลางๆ ก่อน ก็แล้วกัน นะครับ



************************************************************************************

ประการสุดท้าย

ผมสงสัยเหลือเกินว่า ที่ทำเป็นตั้งชื่อ ล็อกอินว่า "นิ่งหนอ" นี้สื่อความหมายว่าอย่างไรกันแน่  ?
ระหว่าง (๑) โอ้อวด ยกตน ในทำนองว่า เป็นนักปฏิบัติ หรือ (๒) ตั้งชื่อแก้เคล็ด เพราะมีอุปนิสัยไม่นิ่ง คือ อยู่ไม่สุข

หากถามผม ผมขอสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเหตุผลข้อหลังเสียมากกว่า
เพราะเท่าที่ได้สัมผัสมา ดูเหมือนว่า คนๆ นี้ จะเป็นประเภท ใจ ก็ไม่นิ่ง ปาก ก็อยู่ไม่สุข !

ถามว่า เหตุใด ผมจึงสันนิษฐานเช่นนี้ ?
ตอบว่า ก็ในเวลาไม่ช้าไม่นานมานี่เอง เป็นคนๆ นี้นี่แหละ ที่กล่าววิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์องค์เจ้า
ว่าอธิบายปฏิจจสมุปบาทผิด โดยอ้างว่า ปฏิจจสมุปบาท ไม่ใช่หลักปฏิบัติ พระพุทธเจ้าพึ่งจะตรัสปฏิจจสมุปบาทครั้งแรก หลังบรรลุธรรม

แต่ที่จริงแล้ว ปรากฏหลักฐานจากพระไตรปิฎก อย่างชัดเจนว่า ...........
พระพุทธเจ้าได้ตรัส ปฏิจจสมุปบาท มาตั้งแต่ครั้งเมื่อยังเป็น พระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ !



ปรากฏว่า "เงียบกริบ" นะครับ จะขอขมาลาโทษพระสักคำ ก็ไม่มี
แต่มันก็แค่ "เงียบ" เท่านั้น เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว มันก็ยังคง "ไม่นิ่ง"

เพราะถ้าสามารถ "นิ่ง" ได้จริง มันก็คงจะไม่ "ปากบอน" พูดจาเลอะเทอะ
แถมยัง ส่งจิตออกนอก แส่ส่าย ไปกล่าวหาผู้อื่นพล่อยๆ ตามที่ปรากฏหลักฐานอยู่นี่หรอก

จริงไหม ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่