ขี่พายุทะลุฟ้า เรื่องเวทีปฏิรูปพลังงาน

วานนี้นั่งชมการถ่ายทอดสด “เวทีปฏิรูปพลังงาน” แล้วก็สนุกดี
แต่น่าเสียดายที่คุณรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.ไม่ได้เข้าร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย ด้วยเหตุผลว่าติดการบรรยายที่ไหนซักแห่งผมจำไม่ได้ แถวๆ ภาคใต้
ผมนั่งฟังแล้วก็ใช้นิ้วควงปากกาอยู่หลายรอบ ว่าจะเขียนดีไหม หากเขียน เขียนในมุมไหนดี...
ส่วนตัวนั้น ทำข่าวพลังงาน และปิโตรเคมี มาตั้งแต่เริ่มชีวิตเป็นผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2534
จำได้ว่า เป็นช่วงที่โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดกำลังถูกพัฒนามากขึ้นเป็นลำดับ ต้องเดินทางไปนิคมฯ มาบตาพุด รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่อยู่นอกนิคมฯ มาบตาพุดด้วย เกือบทุกสัปดาห์
ขณะนั้นอยู่ในช่วงที่กำลังขึ้นโรงกลั่นน้ำมัน โครงการปิโตรเคมีทั้งขั้นต้น และขั้นกลางหลายแห่ง
ทุกวันนี้แม้ไม่ได้ทำข่าวพลังงานโดยตรง แต่ก็ยังติดตามอยู่
จึงยังพอมีพื้นฐานด้านพลังงาน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่บ้างว่าเป็นมาอย่างไร
การตั้งคำถาม และคำตอบที่ออกมาวานนี้ในการดีเบต เชื่อว่าหากทุกคนฟังโดยไร้ “ทิฐิ” และ “อัตตา” ส่วนตัวผมว่าดีครับ คนถามก็ต้องการทราบคำตอบ คนตอบก็เตรียมข้อมูลมาดีทั้ง ปตท. และการทรวงพลังงาน
แม้ในบางช่วงจะมีการปะทะทางวาจา และปัญหาการควบคุมทางอารมณ์
แต่ผู้ดำเนินการดีเบตอย่างท่านพุทธอิสระก็ทำหน้าได้ดีครับ
ส่วนใหญ่เท่าที่ฟังมาแล้ว คำถามก็ยังคงเป็นคำถามเดิมๆ ที่มีการให้ข่าวกันไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับสถานะของ ปตท.บ้าง เรื่องราคาน้ำมันบ้าง บางคำถามออกแนวหลุดโลกไปบ้าง แต่ไม่ว่ากัน เพราะเวทีนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนที่ข้องใจแสดงความคิดเห็นได้เสรี(บนเวลาที่ ถูกควบคุมไว้)
ส่วนคำตอบก็เป็นคำตอบที่หากใครติดตาข่าวอยู่ ก็จะพบว่าเป็นข้อมูลเดิมๆ เช่นกัน
เพียงแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาเผชิญหน้ากันเท่านั้น
เข้าใจว่าความขัดแย้งเรื่องพลังงานก็มาจากที่คนกลุ่มหนึ่งมองว่า ราคาน้ำมัน แพงเกินจริงหรือไม่ และการแปรรูปของปตท.นั้นทำให้ราคาน้ำมันแพง และอื่นๆ
ส่วนตัววานนี้ ผมชอบคุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ในฐานะประธานบอร์ด ปตท. อธิบาย
เป็นการอธิบายในช่วงที่ว่า หากเราต้องการขายน้ำมันลิตรละ 1 บาท ก็สามารถทำได้ แต่รัฐบาลต้องเข้ามาอุดหนุน โดยใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล(ที่มาจากภาษี) เข้ามาช่วย
ทว่าเราก็ต้องแลกกับการหยุดพัฒนาในด้านอื่นๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ นั่นเพราะต้องนำงบประมาณเหล่านั้นเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมัน เพื่อให้เราใช้น้ำมันในราคาถูก
มีการยกตัวอย่างด้วยว่า อย่างที่เราใช้รถเมล์ฟรี ค่าไฟฟรี(ไม่เกินจากจำนวนหน่วยที่กำหนดไว้)  รถไฟฟรี ซึ่งจริงๆ แล้ว รัฐบาลต้องนำเงินภาษีเข้ามาอุดหนุนทั้งหมดนั่นแหล่ะ
หรืออีกวิธีการหนึ่งคือ รัฐบาลต้องลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หรือยกเลิกไปเลย
ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีก
เพราะรายได้ของรัฐบาลจะหายวับไปทันทีนับแสนๆ ล้านบาท
คุณไพรินทร์ ชูโชติถาวร ซีอีโอ ปตท. ก็อธิบายดีเช่นกัน ในประเด็นที่ว่ากระทรวงการคลังยังคงถือหุ้นใหญ่ใน ปตท. 67%(คือรัฐบาลยังเป็นเจ้าของอยู่) และนำส่งรายได้ให้กับคลังแล้วกว่า 6 - 7 แสนล้านบาท
ผมเคยเดินทางไปมาเลเซีย ก็ทราบว่าที่นั่นราคาน้ำมันถูกกว่าไทย
และก็ทราบอีกเช่นกันว่า รัฐบาลมาเลเซียเขาอุดหนุนครับ แต่ก็แก้ปัญหาด้วยการหันไปเรียกเก็บภาษี(ประจำปี)รถยนต์ในอัตราที่สูงมาก
ที่ประเทศญี่ปุ่น ราคาน้ำมันหากบวกภาษีด้วยจะแพงกว่าไทย(นิดหน่อย)
แต่ที่ญี่ปุ่นการเรียกเก็บภาษีประจำปีรถยนต์ หากรถยนต์ยิ่งอายุมาก ก็จะยิ่งถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูง(มาก) นัยว่าเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และให้คนหันมาใช้บริการบนส่งสาธารณะกัน
แต่บ้านเราอาจจะยังใช้ระบบนี้ไม่ได้ เพราะโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งยังไม่รองรับ
เวทีปุจฉา-วิสัจชนา เรื่องพลังงานวานนี้จบลงเวลาประมาณ 15.30 น.
นับจากนี้ไป ผมไม่ทราบว่า แต่ละฝ่ายจะต้องดำเนินการอะไรต่อไป อย่างไร หลังมีการให้ข้อมูลกันและกัน แต่ส่วนตัวก็หวังว่า หากมีปัญหาอะไร แล้วมาคุยกันในเวทีแบบนี้คือสิ่งที่ดี
หลังจากนั้นก็ให้คนดูตัดสินใจเองในข้อมูลที่แต่ละฝ่ายนำเสนอ
ข้อขัดแย้งเรื่องพลังงานจะได้จบเสียที
เว้นเสียแต่ว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีนัยสำคัญซ่อนเร้นอยู่
     ธนะชัย ณ นคร (เขียนแทน)
www.kaohoon.com/online/97195/ปุจฉา-วิสัชนา-ขี่พายุทะลุฟ้า.htm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่