โง่แต่ ขยัน, ฉลาด แต่ขี้เกียจ

พอดี อ่านกระทู้ฮอต http://pantip.com/topic/32463688
แล้วนึกถึง factor ของการบริหารงาน หรือกระทั่งทำงานที่อาจจะจัดได้เป็น 2 คู่ คือ "โง่, ฉลาด" กับ "ขยัน, ขี้เกียจ" ซึ่งเมื่อมาไขว้กัน ก็จะได้เป็น 4 ประเภท คือ "ฉลาดและขยัน", "ฉลาดแต่ขี้เกียจ", "โง่แต่ขยัน", "โง่และขี้เกียจ" โดยทั่วไปเหมือนองค์กรอยากได้มากที่สุดคงเป็น "ฉลาดและขยัน" แต่ไม่ค่อยเจอและในอีก 3 ประเภทที่เหลือก็มักชอบประเภท "โง่แต่ขัยน" มากกว่า "ฉลาดแต่ขี้เกียจ" และภาพของพวก "โง่แต่ขยัน" มักจะถูกมองว่า เป็นคนฉลาดไปในตัว เมื่อผ่านการเรียนรู้ไปนานๆ แต่นั่นใช่การเรียนรู้จริงๆหรือเปล่า อาจจะเป็นแค่การจำและทำ function งานของตนให้คล่องแค่นั้นมั้ย?

แต่ถ้าถามว่า คน"โง่แต่ขยัน" ผิดมั้ยก็ไม่ผิด คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน ซึ่งหากใช้คำว่า "โง่" ก็อาจจะแรงไป แต่ก็ค่อนข้างตรง นัยย์ก็อาจจะหมายถึงคนที่เป็นประเภท ทำงานที่ต้องใช้ความคิดใช้สมองไม่ถนัดนักถนัดงาน routine มากกว่า และเอาจริงๆแล้วคนแต่ละประเภทก็ควรมีหน้าที่และงานที่เหมาะสมให้อาศัยต่างกันถึงจะดี

1."ฉลาดและขยัน" พวกนี้ควรได้เป็นระดับหัวหน้างาน ทำงานดีถึงลูกถึงคน แต่เชื่อมั้ยว่า เขาอาจจะขาดแรงบางอย่างไป จึงทำให้อาจจะเป็นคนที่สำเร็จทุกๆมิติยกเว้นเรื่องเวลาพัก หรือก็คือพวกคนรวยๆที่ต้องเหนื่อยไปตลอดชีวิต
2."ฉลาดแต่ขี้เกียจ" พวกนี้ส่วนมากมักเป็นนักคิดค้น นักวางแผนแบบสั้นง่าย จบงานไว หรือผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ค่อยได้ทำงาน นั่นเพราะเขามีแรงพลักดันที่ข้อ 1 ไม่มี คือความขี้เกียจนั่นเอง ด้วยความขี้เกียจนี้จึงต้องการออกแรงน้อยที่สุด แต่ได้ผลตอบแทนสูง และรู้สึกว่าเป็นนิสัยร่วมของ ผู้บริหารที่วันๆได้แต่ตีกอล์ฟ ล่องเรือ
3."โง่แต่ขยัน" พวกนี้ถ้าเป็นในรัสเซียมักจะถูกกันไว้เป็นพวกทำงานที่มีรูปแบบตายตัว วางกรอบไม่ให้ผิดพลาด แต่ในบ้านเราส่วนมากพวกนี้จะได้เป็นผู้นำระดับต่างๆในองค์กรเพราะส่วนใหญ่จะนั่งทำงานดึกๆดื่นๆ ไม่มีปากเสียง ใครพูดอะไรก็ตามนั้น ทำงาน 16 ชม. ได้ผลงานเท่ากับพวก "ฉลาดแต่ขี้เกียจ" ทำ แค่ ชม. เดียว แต่เจ้านายมักรักและเอ็นดู และพวกนี้เองบ่อยครั้งสร้างปัญหาให้กับองค์กรเพราะตัวเองไปที่อื่นได้ยากจึงมักยึดติดองค์กร ใครเข้ามาใหม่ๆก็จะโดนสร้างกำแพงเข้าใส่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะความผูกพันธ์ในองค์กรนั่นเอง
4."โง่และขี้เกียจ" พวกนี้ปัจจุบันพบได้เยอะมากตามโรงงาน คือทำงานก็ไม่ได้ผล แถมเสียหายมาก แต่ก็ดันเป็นกลุ่มคนที่เยอะที่สุด เหมาะแก่การทำงานประจำที่ใช้ทักษะน้อย วางกรอบเวลาและกรอบการทำงานอย่าให้หลุดออกไปได้

ถึงอย่างไรก็ตาม ก็มีอีก factor หนึ่งที่น่าสนใจ คือ "ความเห็นแก่ตัว" หรือคุณธรรม ซึ่งท้ายที่สุดหาก "ฉลาดแต่ขี้เกียจ" ซึ่งเป็นคนที่มีแนวโน้มจะก้าวหน้าสูงนั้น ดัน"เห็นแก่ตัว"ขึ้นมา ก็เป็นคนที่อันตรายอย่างยิ่ง ในทางกลับกัน คนที่ "โง่แต่ขยัน" ถ้า"ไม่เห็นแก่ตัว"แล้ว กลับดูน่ารักขึ้นมาทันที

ในองค์กรเพื่อนๆคนแบบใหนเยอะกว่ากันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่