บริษัทประกันชีวิตของไทยสีฟ้าๆ กับคำว่า "งานเอกสาร" และ "ไม่ขายแน่นอนค่ะ"

ไม่รู้ว่าจะยาวไปไม๊ ไม่รู้ว่าคนอื่นเคยเจอเหมือนกันบ้างไม๊ ไม่รู้ว่าใครคิดยังไง ...แค่เจอกับตัวเองแล้วอยากระบาย

เคยแต่อ่านกระทู้คนอื่น ไม่เคยคิดว่าจะมีกระทู้เป็นของตัวเองเลย จะเป็นข้อคิด จะเป็นอุทาหรณ์ หรือจะเป็นแค่เรื่องเล่าจากเรา...ก็ขอพื้นที่เล็กๆให้เราละกัน

เริ่มต้นจากประมานต้นเดือนสิงหาคม มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา บอกว่าโทรมาจากบริษัท...ประกันชีวิต(สีฟ้าๆ) ว่า... เห็นน้องลงประวัติหางานจากเว็บ ไม่ทราบว่ามีงานประจำรึยัง?? จากนั้นก็สาธยายซักพักว่า เป็นงานเอกสารนะคะ ติดต่อประสานงาน นู่นนี่นั่น บลาๆๆ เสร็จก็นัดสัมภาษณ์งาน เราเองก็ว่างๆ ลองไปดูไม่เสียหาย

หลังจากนั้นก็ไปสัมภาษณ์ พอถึงตึกก่อนขึ้นลิฟท์ จะมีป้ายบอกแต่ละชั้น ดูชั้นตัวเอง เออ!! ไม่ใช่ฝ่ายขาย (ฝ่ายขายอยู่ชั้นล่างๆ) พออุ่นใจ...
พอเริ่มสัมภาษณ์พี่ ผจก. ก็เริ่มแบบทั่วๆไป ถามประวัตินู่นนี่นั่น จากนั้นก็เริ่มบอกถึงรายละเอียดงาน เป็นงานเกี่ยวกับเอกสารนะคะ น้องจะมีตัวแทนขายประกันที่น้องต้องดูแล คอยรับเอกสารจากตัวแทน มีการวางแผนงาน การเข้าประชุมเพื่อรับทราบข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ว่ากันยาวไป เราก็ถามไปตรงๆ "ต้องขายประกันไม๊คะ??" พี่เค้าตอบมาว่า "ไม่ขายแน่นอนค่ะ ไม่ใช่งานขายนะคะ"

ต่อมาก็พูดเรื่องรายได้ "เดือนแรกน้องต้องอบรมนะคะ ตามขั้นตอนของบริษัท" "รายได้ช่วงเดือนแรกพี่ให้เรา 20,000 ก่อนนะคะ" [[คือเรากำลังจะจบปริญญาโทเดือนหน้า เงิน 20,000 นี่ก็ถือว่าอยู่ในขั้นน่าจะปกติในความรู้สึกเรานะ]] "จากนั้นก็จะเป็นช่วงฝึกงาน น้องจะต้องบริหารตัวแทน ให้ มีรายได้ น้องจะได้ค่าคอม XX% จากรายได้ของตัวแทนทั้งหมดที่น้องดูแล" เราถามจำนวนตัวแทนที่เราต้องดูแล พี่เค้าก็บอกจำนวนพร้อม คำนวนรายได้คร่าวๆ ก็ราวๆ สองหมื่นเศษ ครบ X เดือนจะได้เงินเดือนพร้อมค่าคอมจากรายได้ตัวแทน อะไรทำนองนี้...

รายละเอียดตอนอบรมคือ อบรม 2 อาทิตย์ ออกภาคสนาม 1-2 อาทิตย์ โดยภาคสนามเราจะได้ ออกไปดูตัวแทนขายประกัน "มาถึงจุดนี้สะดุดเบาๆ" ถามไปว่า "ไม่ต้องขายเองใช่ไม๊คะ??" มาถึงคำตอบตรงนี้ ประโยคมันเด็ดจริงๆ "น้องคะ...บริษัท บริษัทนึง จะมีแต่ฝ่ายขายก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ มันต้องมีฝ่ายอื่นด้วย มันถึงจะเป็นบริษัทได้ ถ้าอย่างนั้นบริษัทขายประกันอย่างเดียว ไม่มีฝ่ายโฆษณา ฝ่ายกราฟฟิค ฝ่ายบริหาร ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบลาๆๆ บริษัทจะอยู่ได้ยังไงคะ??" [[เออ ถูกของเค้านะ กุเรียนมา โครงสร้างองค์กร แม่มมีเยอะแยะ...มีหลักการสุดๆ]] "พี่ว่าเราทำงานแบบนี้ได้ เหมาะกับเรานะ เด๋วเริ่มงานหลังหยุดวันแม่นะคะ" [[เราก็บ้ายอนิดๆเน๊อะ ฮ่าๆๆๆ แต่ก็มั่นใจนะว่ารายละเอียดงานที่บอกมากุทำได้จริงๆนะ]]

ผ่านไปหลังหยุดวันแม่ เราก็ไปอบรม เริ่มวันแรก หาเพื่อนก่อนเรย สืบจากคนรอบข้าง เพื่อความแน่ใจ.... คนแรกมาทำฝ่ายขาย [[ซวยละ]] เจออีกคน มาทำตำแหน่งเลขานุการ [[อ่อ...แล้วไป]] สรุปเป็นการอบรมรวมพนักงานใหม่ทั้งบริษัท [[เออ..จริงอย่างที่ว่า บริษัทนึงจะมีแต่คนขายประกันได้ยังงัย]] สัปดาห์แรกผ่านไปด้วยดี อบรมทั่วไป ปลูกฝังการรักองค์กร องค์กรดียังไง ว่าไปตามเรื่อง...

สัปดาห์ที่ 2 มาถึง อบรมเรื่องเทคนิคการขายและการบริหาร
และแล้ว....กลิ่นก็มา ตอนนี้คือมีเพื่อนเป็นกลุ่มละ... 5 คนรวมเราด้วย ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เริ่มคุยกันเรื่องงานที่จะเข้ามาทำ สรุปผลได้ว่า...
ตำแหน่งเดียวกัน!!! [[อืมมม...ผู้จัดการฝ่ายคนละคนกัน]]
คนนึงยังไม่จบป.ตรี อีก 3 คนจบแล้ว [[อืมมม...เค้าอาจจะให้โอกาสคนเท่ากัน ไม่นับปริญญาเน๊อะ]]
สามคน ผจก.บอกให้รายได้ช่วงมาอบรม 9,000 อีกคนบอกตอนอบรมไม่ได้ซักบาท [[อืมมม...กุได้ 20,000 ดูจะเยอะไปนะ]]

ผ่านไป 1 วัน มีเพื่อนคนนึง บอกว่า "เค้าให้ขายด้วยนะ ผจก.เพิ่งบอกมา แต่แค่ลองขายน่ะ" [[อืมมม...กลิ่นตุๆละนะ]]
อบรมวันต่อมา...ผ่าแผนรายได้!!! ชัดเรย!!! ต้องขายให้ได้ค่าคอมมิชชั่น XX,000 บาท โดยค่าคอมฯ มาจากการขายประกันให้ผู้ซื้อประกันส่งเงินครั้งแรก (ที่เรียกว่าเบี้ย) เป็นจำนวนรวมกันกี่รายก็ได้ XX,000 บาท ได้ค่าคอมฯ เอาใส่กระเป๋ากลับไปใช้เรย [[กุตึงละไง...เด๋วไปถาม ผจก.เราดีกว่า อ่าว...ผจก.ไปสัมมนา กลับวันพฤหัส เออ!!! กุจะรอถามให้เคลียร์]]

วันพฤหัสมาถึง ถามเรย ผลคือ "น้องต้องขายนะคะ บริษัทกำหนดมาแบบนั้น เอางี้น้าาา (เสียงรื่นเริงมาก) น้องไปหาคนรู้จักมาเน๊อะ ลองคุยกับเค้าดู ว่าเค้าพอจะช่วยเราได้ไม๊ ให้เค้าซื้อประกันกะเรา หรือไม่ก็ลองไปบอกพ่อกับแม่น้อง ให้ลองช่วยน้องดูนะคะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ลองถามเพื่อนน้องดูน้าาา เบื้ย XX,000 เอง ไม่ยากเลยยย"

ณ จุด นั้น อึ้ง!!!!

สติกลับมา ก็ตอบเค้าไปว่า "หนูไม่ขายนะคะ หนูไม่รู้จะขายใคร" พี่เค้าตอบมาว่า "งั้นเอางี้น้าาา เด๋วพี่ช่วยทางเทคนิค!!! ถ้าเบี้ย XX,000 มากไป น้องหาขายประกันให้ได้เบี้ยแค่ XX,000 บาทก็พอค่ะ ผ่านงานไปเรย" [[ดีจังมีโปรโมชั่นให้กุด้วย!!!]] ปล.แต่น้องจะไม่ได้เงิน XX,000 บาทนะคะ (น้องสามารถแด๊กแกลบทั้งเดือนหน้าได้อย่างมีความสุขค่ะ)...อันนี้เติมเอง
เมื่อสติกระเจิดกระเจิงเต็มที่แล้ว เราก็ได้ลากร่างกายไร้สติกลับมาถึงบ้าน ในสมองมีแต่คำพูดตอนสัมภาษณ์ที่บอกเรา มันไม่ใช่...มันไม่ใช่ละ!!! ตัดสินใจไม่ไปละ "คุณหลอกดาว" "คุณไม่ได้ไปต่อ" ค่า MRT ค่ารถ วันละ 110 บาทของชั้น T^T

วันศุกร์... เพื่อนก็ไลน์มาตาม เอาวะ!!! ต้องลองอีกซักตั้ง!!! ตัดสินใจไปอีกวัน...
ขอคุยกะ ผจก.อีกซักครั้ง...

ต่อหน้าเพื่อนที่โดนพี่เค้าหลอกมาเหมือนเรา
เปิดประเด็นค่ะ "พี่คะ...หนูไม่รู้จะขายใครจริงๆ ทำยังไงดีคะ"
พี่ ผจก. "น้องคะ...พี่เชื่อว่าน้องทำได้ ถ้าเราตั้งใจจริงนะ"
เรา "พี่คะ เอาตรงๆนะคะ จากใจเลย" พี่เค้านั่งยิ้มร่าอย่างอารมดี "หนูไม่รู้จะขายใคร เพราะหนูไม่อยากขายเพื่อน ขายญาติ หนูไม่ชอบงานขาย โดยเฉพาะขายประกัน แล้วตอนที่เข้ามาสัมภาษณ์พี่ก็บอกว่าไม่ต้องขาย บอกว่าฝึกภาคสนามแค่ไปกับตัวแทน เพื่อศึกษางานเฉยๆ ตอนนี้ให้หนูขายหนูคงไม่โอ หนูคุยกับแม่ แม่ก็ไม่โอ ตอนนี้จะเอายังไงดีคะ" จากหน้ายิ้มๆ ซีด..ซีดเลย พร้อมกับพูดเบาๆว่า "พี่บอกแบบนั้นหลอ??" คนอื่นก็เริ่มสนับสนุนคำพูดเรา พี่เค้าก็ตอบกลับมา โดยไม่มองตาว่า "กฏของบริษัทมาแบบนี้นะคะ เดี๋ยวเราช่วยๆกันนะ" ตั้งแต่ประโยคนั้น ไม่คุย ไม่สบตา ไม่อะไรกับเราเลย เอาแต่คุยกับคนอื่น ...ออกไปเอาแบบฟอร์มใบสมัครทำประกัน แล้วแจกให้ทุกคนยกเว้นเรา เราเลยถามไปว่า "ไม่ให้หนูหลอคะ??" เค้าก็ตอบมาว่า "น้องจะเอาใช่ไม๊คะ" แล้วก็ยื่นมาให้เรา โดยไม่มองหน้าซักนิด

จบลงตรงที่เราเดินออกมา...โดยไม่ได้อะไรเลย เพราะไม่ยอมขายประกัน....

จริงๆแล้ว...บริษัทไม่ได้ผิดอะไร กับการวางโครงสร้าง การวางแผน และการบริหาร รวมถึงการทำประกันก็เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์
แต่...คนในบริษัทต่างหาก ที่ต้องการยอด ต้องการขาย ต้องการขึ้นตำแหน่ง จนลืมคำว่าสามัญสำนึก... ก็จริงว่าถ้าเค้าพูดความจริงทั้งหมด จะมีใครมาทำกับเค้า แต่การโกหกแบบนี้ รึการพูดหลอกกันในทำนองนี้ จะมีซักกี่คนที่อยู่ได้นาน และรู้สึกดีกับบริษัท เราคนนึงที่พูดได้เลยว่า ภาพลักษณ์ดีๆของงานประกันก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว แถมยังมาทำกันแบบนี้อีก บอกเลยว่า ผิดหวังสุดๆ ...เพียงแค่การกระทำของคนกลุ่มนึง ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหายไปขนาดไหน??

ปล.ไม่ได้เหมารวมว่าอาชีพขายประกันไม่ดีนะคะ เพราะคนที่สาารถมีรายได้จากการขายประกันใระดับสูงๆก็มีเยอะ เพียงแค่เราไม่ชอบงานขาย แต่มาเจอแบบนี้เลยเซ็งมาก...อยากระบาย

ปล2. คำพูดที่คุยกันอาจจะไม่เป๊ะทุกคำ [[ใครมันจะเป๊ะคำพูดที่คุยทั้งหมดได้เน๊อะ]] แต่มั่นใจว่าความหมายไม่เพี้ยนแน่นอนค่ะ

ปล3. เพื่อนที่เราคุยเรื่องนี้ด้วยทั้งหมด โดนหลอกมาแบบนี้เหมือนกันค่ะ บางคนน่าสงสารมาก เงินไม่ค่อยมี ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติ นำเงินก้อนสุดท้าย มาใช้เพื่อเป็นค่ากินค่ารถในการทำงานที่นี่ ไม่มีที่พึ่ง เงินก็กำลังจะหมด มาด้วยความหวังว่าจะได้เงิน 9,000 ไปต่อชีวิต สุดท้ายเครียดมาก ต้องดิ้นรน พยายามหาคนมาซื้อประกัน เพื่อจะพอมีค่าคอมมาใช้จ่ายต่อ [[อ๋อออ...บริษัทเลยมีลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะมีคนแบบนี้ที่ต้องพยายามขายให้ได้ เพื่อให้ได้ค่าคอมฯมาต่อชีวิตสินะ]] เพื่อนบางคนบอกว่า รู้สึกแย่ที่โดนหลอกแต่มาขนาดนี้แล้วก็ต้องขายอ่ะ [[อ๋อ...บริษัทได้พนักงานเพิ่มแล้วได้ยอดขายเพิ่มจากคนแบบนี้และด้วยวิธีแบบนี้สินะ]]

สุดท้ายยยย
เราแค่อยากถามว่า...พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง?? หลอกเค้ามาทำแบบนี้ได้ยังไง??
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่