Credit:
www.facebook.com/SustainW
ข้อแนะนำสำหรับนักศึกษาใหม่ (กลับไปบอกตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว)
เดือนสิงหาคมปีนี้แปลกกว่าทุกปี คือมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เลื่อนมาเปิดจากเดือนพฤษภาคม มาเป็นเดือนนี้ เพื่อปรับปฎิทินการศึกษาให้เป็นสากล ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าร่วม AEC อย่างเป็นทางการ
รหัสนักศึกษาผมคือรหัส 37 ส่วนนักศึกษาใหม่ประจำปีนี้คือ 57 นั่นหมายถึง 20 ปีมาแล้ว นับจากวันที่เป็นน้องใหม่มหาวิทยาลัย
ถ้าผมมีโดราเอมอนเป็นเพื่อน และสามารถนั่งไทม์แมชชีนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมจะบอก ตัวผมเองเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่า
1) ตั้งใจเรียนให้มากนะน้อง
ผมจบสาขาวิศวกรรมที่เรียนยากแห่งหนึ่ง โดยจบเป็นที่สามของรุ่นด้วยเกรดเฉลี่ย 2.8 (เท่ากับที่สองแต่น้อยกว่าในทศนิยมต่ำแหน่งที่สอง ส่วนที่หนึ่งในรุ่นได้ 3.6 กว่า)
หลังจากที่จบการศึกษาและทำงานในบริษัทชั้นนำ มีช่วงหนึ่งผมคิดที่จะสอบชิงทุนไปเรียนบริหารธุรกิจของธนาคารต่างๆ ที่เขาให้ทุน แต่สิ่งที่เจอคือ ทุกที่มีเกรดขั้นต่ำที่ต้องการคือ 3.00 เหมือนกันหมด ทำให้ผมไม่สามารถสมัครทุนนั้นๆ ได้
เกรดเฉลี่ยไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่อย่างน้อยก็เป็นประตูสำหรับโอกาสใหม่ๆ ที่อาจจะเข้ามาหาเราได้ในอนาคตได้ครับ
2) ใช้ทรัพยากรในมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า
มหาวิทยาลัยทั่วๆไป มีสนามกีฬาต่างๆ สระว่ายน้ำ ชมรม ห้องสมุด ห้องภาษาอังกฤษในแต่ละคณะ โดยสิ่งเหล่านี้ นักศึกษาสามารถใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ถึงมีก็เล็กน้อย) เนื่องจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมอยู่ในค่าเทอมอยู่แล้ว
ดังนั้นใช้บริการเถอะครับ ออกกำลังกายทุกวัน ยืมหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้รอบตัวต่างๆ มาอ่าน
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ มีคอร์สอบรมให้ฟรี เช่น พัฒนาบุคลิกภาพ, การเพิ่มประสิทธิภาพ, การนำเสนอ หรือแม้กระทั่งการเชิญศิษย์เก่ามาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
เข้าไปร่วมเข้าไปฟังเถอะครับ คอร์สอบรมบางคอร์ส อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณทั้งชีวิต
สรุปจงอย่าเกรงใจมหาวิทยาลัย แล้วใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้คุ้มครับ
3) ฝึกภาษาอังกฤษทุกวัน
สละเวลาวันละชั่วโมงเพื่อภาษาอังกฤษ โดยใช้ทรัพยากรในมหาวิทยาลัยครับ ฝึกภาษาอังกฤษให้พูด อ่าน เขียน เหมือนเจ้าของภาษา
วันละชั่วโมง 1 ปีคือ 365 ชั่วโมง ถ้า 4 ปีคือ 1460 ชั่วโมงครับ ถ้าฝึกทุกวัน จบมาแล้วภาษาอังกฤษดีเยี่ยมแน่นอนครับ ฟันธง
4) หาโอกาสไปเมืองนอก
เกรดเฉลี่ยดี มีความรู้รอบตัว ภาษาอังกฤษดี แล้ว ลองกล้าที่จะหาโอกาสชิงทุนไปฝึกงานหรือไปช่วยทำแลบที่เมืองนอกครับ หมั่นหาอาจารย์ที่ปรึกษาให้ลองใช้เครือข่ายของเขาติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ ทุน ซึ่งปัจจุบันทุนต่างๆมีอยู่เยอะมากครับและสามารถติดต่อได้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมือต่างๆ
สุดท้ายขึ้นอยู่กับเรา ว่าพร้อมมากน้อยแค่ไหน
5) อย่าลืมทำกิจกรรมต่างๆ และทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วย
ช่วงที่ผมเรียน ผมเป็นนักกีฬาคณะและมหาวิทยาลัย แถมยังทำงานสโมสรนักศึกษาดัวยซึ่งเป็นประสบการณ์ต่างๆ ที่คุ้มค่ามากครับ สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้เรามีระเบียบวินัยและรู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น
นอกจากกีฬาแล้ว สิ่งหนึ่งคือ กิจกรรมเพื่อสังคม อย่าลืมครับ เรามีแรงและกำลัง ลองใช้เวลาทำเพื่อสังคมด้วยครับ เช่น การออกค่ายเพื่อสังคมต่างๆ
คงพอเท่านี้ครับ ถ้าทำทั้ง 5 อย่างตามที่กล่าวมาข้างบน อีก 20 ปีต่อมา เราจะไม่เสียดายที่มีโอกาสแล้ว ทำมันไม่เต็มที่ครับ
ขอให้โชคดีครับ
สวัสดีครับ
ข้อแนะนำสำหรับนักศึกษาใหม่ (กลับไปบอกตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว)/มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ข้อแนะนำสำหรับนักศึกษาใหม่ (กลับไปบอกตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว)
เดือนสิงหาคมปีนี้แปลกกว่าทุกปี คือมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เลื่อนมาเปิดจากเดือนพฤษภาคม มาเป็นเดือนนี้ เพื่อปรับปฎิทินการศึกษาให้เป็นสากล ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าร่วม AEC อย่างเป็นทางการ
รหัสนักศึกษาผมคือรหัส 37 ส่วนนักศึกษาใหม่ประจำปีนี้คือ 57 นั่นหมายถึง 20 ปีมาแล้ว นับจากวันที่เป็นน้องใหม่มหาวิทยาลัย
ถ้าผมมีโดราเอมอนเป็นเพื่อน และสามารถนั่งไทม์แมชชีนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมจะบอก ตัวผมเองเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่า
1) ตั้งใจเรียนให้มากนะน้อง
ผมจบสาขาวิศวกรรมที่เรียนยากแห่งหนึ่ง โดยจบเป็นที่สามของรุ่นด้วยเกรดเฉลี่ย 2.8 (เท่ากับที่สองแต่น้อยกว่าในทศนิยมต่ำแหน่งที่สอง ส่วนที่หนึ่งในรุ่นได้ 3.6 กว่า)
หลังจากที่จบการศึกษาและทำงานในบริษัทชั้นนำ มีช่วงหนึ่งผมคิดที่จะสอบชิงทุนไปเรียนบริหารธุรกิจของธนาคารต่างๆ ที่เขาให้ทุน แต่สิ่งที่เจอคือ ทุกที่มีเกรดขั้นต่ำที่ต้องการคือ 3.00 เหมือนกันหมด ทำให้ผมไม่สามารถสมัครทุนนั้นๆ ได้
เกรดเฉลี่ยไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่อย่างน้อยก็เป็นประตูสำหรับโอกาสใหม่ๆ ที่อาจจะเข้ามาหาเราได้ในอนาคตได้ครับ
2) ใช้ทรัพยากรในมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า
มหาวิทยาลัยทั่วๆไป มีสนามกีฬาต่างๆ สระว่ายน้ำ ชมรม ห้องสมุด ห้องภาษาอังกฤษในแต่ละคณะ โดยสิ่งเหล่านี้ นักศึกษาสามารถใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ถึงมีก็เล็กน้อย) เนื่องจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวมอยู่ในค่าเทอมอยู่แล้ว
ดังนั้นใช้บริการเถอะครับ ออกกำลังกายทุกวัน ยืมหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้รอบตัวต่างๆ มาอ่าน
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ มีคอร์สอบรมให้ฟรี เช่น พัฒนาบุคลิกภาพ, การเพิ่มประสิทธิภาพ, การนำเสนอ หรือแม้กระทั่งการเชิญศิษย์เก่ามาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
เข้าไปร่วมเข้าไปฟังเถอะครับ คอร์สอบรมบางคอร์ส อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณทั้งชีวิต
สรุปจงอย่าเกรงใจมหาวิทยาลัย แล้วใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้คุ้มครับ
3) ฝึกภาษาอังกฤษทุกวัน
สละเวลาวันละชั่วโมงเพื่อภาษาอังกฤษ โดยใช้ทรัพยากรในมหาวิทยาลัยครับ ฝึกภาษาอังกฤษให้พูด อ่าน เขียน เหมือนเจ้าของภาษา
วันละชั่วโมง 1 ปีคือ 365 ชั่วโมง ถ้า 4 ปีคือ 1460 ชั่วโมงครับ ถ้าฝึกทุกวัน จบมาแล้วภาษาอังกฤษดีเยี่ยมแน่นอนครับ ฟันธง
4) หาโอกาสไปเมืองนอก
เกรดเฉลี่ยดี มีความรู้รอบตัว ภาษาอังกฤษดี แล้ว ลองกล้าที่จะหาโอกาสชิงทุนไปฝึกงานหรือไปช่วยทำแลบที่เมืองนอกครับ หมั่นหาอาจารย์ที่ปรึกษาให้ลองใช้เครือข่ายของเขาติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ ทุน ซึ่งปัจจุบันทุนต่างๆมีอยู่เยอะมากครับและสามารถติดต่อได้ง่ายขึ้น ผ่านเครื่องมือต่างๆ
สุดท้ายขึ้นอยู่กับเรา ว่าพร้อมมากน้อยแค่ไหน
5) อย่าลืมทำกิจกรรมต่างๆ และทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วย
ช่วงที่ผมเรียน ผมเป็นนักกีฬาคณะและมหาวิทยาลัย แถมยังทำงานสโมสรนักศึกษาดัวยซึ่งเป็นประสบการณ์ต่างๆ ที่คุ้มค่ามากครับ สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้เรามีระเบียบวินัยและรู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น
นอกจากกีฬาแล้ว สิ่งหนึ่งคือ กิจกรรมเพื่อสังคม อย่าลืมครับ เรามีแรงและกำลัง ลองใช้เวลาทำเพื่อสังคมด้วยครับ เช่น การออกค่ายเพื่อสังคมต่างๆ
คงพอเท่านี้ครับ ถ้าทำทั้ง 5 อย่างตามที่กล่าวมาข้างบน อีก 20 ปีต่อมา เราจะไม่เสียดายที่มีโอกาสแล้ว ทำมันไม่เต็มที่ครับ
ขอให้โชคดีครับ
สวัสดีครับ